หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

25 มีนาคม 2551 : ฝึกใช้วาทกรรมแก้ปัญหา


ไม่มีบรรยากาศของการเถียงกัน ในกลุ่มเรา มีแต่บทสนทนาแลกเปลี่ยนที่ให้ข้อสรุปร่วมกันเสียอีก เห็นฤทธิ์ของวาทกรรมหรือยัง แค่พลิกคำพูดตอนหาคำตอบข้อแรกเพียงนิดเดียว สถานการณ์ในกลุ่มก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง และยังคง situation WIN-WIN ของทุกคนไว้ได้ และกรุ่นไปด้วยพลังของ positive thinking

25 มีนาคม 2551 (ต่อ)

 

ในระหว่างรอบแรกที่เล่าเรื่องให้กันฟัง  วิทยากรแจกจานใส่ลูกอมให้ในวงกลุ่มละจาน  ก็มีคนหยิบกิน   ก่อนและระหว่างพักเช้า  ฉันเลยแวะไปที่วงของสาวๆ ที่มีมอลลี่เป็นสมาชิกอยู่ด้วย  บอกให้สาวๆที่กลัวอ้วนฟังว่า  ระวังการกินลูกอมไว้บ้าง เพราะฤทธิ์ร้ายนัก  เม็ดนึงสามารถเพิ่มความอ้วนได้เท่ากับกินข้าวสวย  1 จานเลยนะจะบอกให้  สาวๆกรี๊ดกันใหญ่   ที่เลือกไปบอกในวงที่มีมอลลี่ เพราะแวบแรกที่เห็นน้องก็ให้นึกห่วง  ก็น้องมอลลี่อ๊วนอ้วนตั้งแต่อายุยังน้อย   เห็นแล้วจินตนาการไปไกลถึงความเสี่ยงของมอลลี่ต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่ฉันเริ่มคุ้นเคยกับคนไข้กลุ่มนี้ขึ้นบ้างแล้ว   ฉันว่าเป็นการบอกที่ได้ผลนะ เพราะมีเสียงบอกต่อกันในระหว่างการคุยของสาวๆ  และสังเกตว่า ต่อๆมา วิทยากรเก็บจานลูกอมไปแอบไว้ตรงไหนก็ไม่รู้    และไม่เอาเกมแบ่งกลุ่มด้วยลูกอมมาใช้กับ class ด้วย  ขอบคุณทุกคน ที่ช่วยกันรักษาสุขภาพทันทีที่รับความรู้ ไว้ 

มีคำคมจากน้องอ้วนแห่งแม่เมาะกล่าวว่า  "เรารู้ว่างานคุณภาพมันทำร้ายเรา   เราจึงมาเรียนรู้ KM"     

บรรยากาศ Story telling  ในกลุ่มของมอลลี่  หนุ่มผู้มีพรสวรรค์ด้านภาษากลอนจากมวล.  ที่น่าคบหามอลลี่

กิจกรรมหลังพักเที่ยง  ฉันขอตั้งชื่อว่า  สปาบก    วิทยากรให้จับคู่ในกลุ่มที่เล่าเรื่องกันตอนภาคเช้า  ให้คนหนึ่งนอน คนหนึ่งนวดให้คนนอนนอนหลับสบาย  ทำไปสักครู่พอสบาย ก็ให้สลับหน้าที่กัน   จนทุกคนผ่อนคลายจึงเริ่มกิจกรรมต่อมา  ด้วยเกมที่ฉันตั้งชื่อเองว่า นกกับรัง  แบ่งกลุ่มเริ่มบทเรียนสำรวจดวงจันทร์    เป็นเกมที่มีคำตอบในกระดาษมาให้ใบหนึ่งซึ่งมีรายการสิ่งของ 15 อย่างบันทึกอยู่   และให้ตอบว่า จะนำอะไรบ้างติดตัวไประหว่างการค้นหายานแม่ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 600 กม.   ตามลำดับความสำคัญ   รอบแรกให้ตอบคนเดียว รอบหลังให้ช่วยกันหาคำตอบของกลุ่ม  

 

บรรยากาศ "สปาบก"

สปาบก

 

ในกลุ่มใหม่นี้ ฉันหมุนวนมาอยู่กลุ่มเดียวกับวิน  จุ๋ม   โส   แนน   ตั๊ม   ประสบการณ์กับกลุ่มทำให้รู้จักกันมากขึ้น   การระดมสมองในกลุ่มของฉันให้ความรู้สึกที่ดี   สัมผัสหลายคนได้ว่า มีความคิดที่เป็นระบบ  ให้เกียรติกับความคิดคนอื่น   พบว่าคำตอบของสมาชิกในกลุ่มเรามีหลากหลาย  ทำความตกลงให้เป็นความเห็นเดียวไม่ง่ายเลย  ร่วมกิจกรรมกันไป ถอดวิธีทำความตกลงในกลุ่มเราได้ 2 แบบ

  

ตอนแรก เลือกคำตอบข้อแรกของทุกคนมาแลกเปลี่ยนกัน  ก็พบว่า จัดกลุ่มความคิดของคนในกลุ่มได้เป็น 2 ข้าง ได้เสียงข้างมากและเสียงข้างน้อย  ตอนจะสรุปมีคนเสนอวิธีโหวต   แต่เสียงข้างน้อยมีแค่ 1 เสียง คือ ตัวฉันเอง  คงเป็นเพราะเกรงคนอ่อนวัยอย่างหมอเจ๊จะเสียใจเพราะแพ้โหวตเด็ก  และไม่อยากให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันให้อึดอัด     วินจึงพยายามช่วยฉันลำดับเหตุผลใหม่เพื่อโน้มน้าวให้ฉันลงความเห็นใหม่  แล้วก็มาสรุปลงได้เมื่อ จุ๋มคุยถามฉันเบาๆว่า  ทั้ง 15 รายการ ถ้าให้พี่เลือกได้แค่อย่างเดียว พี่จะเลือกอะไร  แค่นี้กลุ่มเราก็ได้คำตอบข้อแรกที่เป็นข้อสรุปของกลุ่มโดยไม่ต้องโหวตกัน ต่างคนต่างชนะ   เพราะคำตอบของทุกคนตรงกัน

  

ประสบการณ์ตอนเริ่มต้น  ทำให้กลุ่มเราเรียนรู้ว่า หากใช้วิธีเดิม  สถานการณ์เผชิญหน้าคล้ายๆกับข้อแรกมีโอกาสเกิดอีก   จึงมีข้อเสนอการทำงานด้วยกันใหม่  ครั้งนี้ เราช่วยกันจัดลำดับประเด็นสำคัญกันก่อน  สรุปประเด็นที่เป็นเหตุผลของการเลือกไว้แล้วลำดับความสำคัญ  มี 3 เหตุผล คือ จำเป็นมาก  ต้องใช้เมื่อจำเป็น  โอกาสใช้น้อยหรือไม่จำเป็นต้องใช้    หลังจากนั้นช่วยกันส่งคำตอบ 5 ลำดับแรกของแต่ละคนมาบรรจุในแต่ละเหตุผล  เรียงลำดับความสำคัญของรายการที่อยู่ในแต่ละประเด็น ด้วยวิธีนี้ เราไม่ต้องโหวต แต่ได้ช่วยกันจัด ช่วยกันทำ คนละความคิด คนละแรง อย่างมีความสุข  ในรายการที่ไม่แน่ใจ ก็มีการลปรร ความรู้ที่มีอยู่ในตัวและร่วมกันวิเคราะห์ อะไรที่ไม่รู้ก็เออออ! ตามผู้ที่รู้มากกว่า    ไม่มีบรรยากาศของการเถียงกัน  ในกลุ่มเรา   มีแต่บทสนทนาแลกเปลี่ยนที่ให้ข้อสรุปร่วมกันเสียอีก   เห็นฤทธิ์ของวาทกรรมหรือยัง แค่พลิกคำพูดตอนหาคำตอบข้อแรกเพียงนิดเดียว  สถานการณ์ในกลุ่มก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง  และยังคง  situation WIN-WIN ของทุกคนไว้ได้  และกรุ่นไปด้วยพลังของ positive thinking 

หมายเลขบันทึก: 174685เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2008 00:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขออนุญาตใช้สิทธิพาดพิงครับ (ใช้คำพูดแบบที่คุ้น ๆ หูในที่ทรงเกียรติของชาติ)

จริง ๆ แล้วไม่ได้แปลว่าระบบงานคุณภาพไม่ดีนะครับ แต่บางทีเอามาใช้ผิดกาละเทศะ และใช้โดยลืมคำนึงถึงจิตใจคน ทำให้หลาย ๆ คนเกิดอคติกับเครื่องมือต่าง ๆ ที่องค์กรจะเอามาใช้

  • สวัสดีค่ะ
  • น้องอ้วนค่ะ  หมอเจ๊เห็นด้วยกับความเห็นนะค่ะ
  • จึงยืมคำพูดมาใช้
  • เห็นด้วยว่า.......ระบบงานคุณภาพดี
  • ....แต่ถ้าเอามาใช้ผิดกาละเทศะ......
  • สร้างอคติให้คนจริงๆด้วยค่ะ.....
  • โดยเฉพาะเอามาใช้แบบ....สั่งว่า....
  • ต้องทำให้ไสเร็จ.....
  • คนคุณภาพต้องให้ทำงานคุณภาพด้วยใจค่ะ...
  • และจะไม่ทำ.....ถ้าสั่ง
  • หมอเจ๊เองก็ไม่อยากได้คุณภาพปลอมๆค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ
  • ขออภัย มือกดเร็วไปหน่อย
  • ขอแก้ไขบรรทัดที่ 5 นับจากล่างเป็น
  • ........
  • ต้องทำให้สำเร็จค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท