เมื่อไม่นานมานี้ในหน่วยงานเราได้รับข้อร้องเรียนมาประมาณว่า “พูดจาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง” แต่เนื่องจากมันหลายเดือนมาแล้วก็ไม่รู้ว่าผู้นั้นเป็นใคร ช่างมันเถอะว่าใครจะเป็นคนพูด แต่เรื่องที่เขาร้องเรียนมาเราก็ต้องแก้ไข และปรับปรุง
คำว่า “เสียงแข็ง” ฟังดูแล้วน่าจะมีความหมายไปทำนองว่า ไม่ยอมรับ หรือปฏิเสธ ด้วยเสียงแข็ง แต่ห้องเราแม้ ยอมรับหรือตอบรับก็ยังมีน้ำเสียงแข็งอยู่ดี “เออ เราเอง” “ใช่ ฉันเอง” ประมาณนี้ด้วยน้ำเสียง(ค่อนข้าง) แข็งกระด้าง เป็นครั้งคราว แต่ก็เฉพาะเวลาพูดกันเองหรอกน๊ะ
แต่ “เสียงแข็ง” ยังไม่เท่า “เสียงดัง” วันก่อนได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่าได้ข่าวว่าห้องนี้ “ฉาว” หมายความว่าเสียงดัง (ไม่ใช่ฉาวโฉ่แบบว่า ชื่อเสีย) ที่เสียงดังอาจเป็นได้ว่า ห้องเรามีอุปกรณ์เครื่องมือเยอะ เสียงเครื่องปั่นก็หลายตัว โดยเฉพาะเครื่องปั่น Hematocrit เครื่อง RO เครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติหลายตัว เครื่องพิมพ์ เสียงวิทยุ เป็นไปได้ว่าทำให้เราพูดเสียงดังแบบไม่รู้ตัว พอนานเข้า พูดเบา ๆ กันก็ไม่ค่อยได้ยิน ไม่อยากใช้คำว่าหูตึงเลย แต่ทุกครั้งที่พวกเรารับโทรศัพท์ แม้จะเอามือปิดหูก็แล้ว เกือบจะก้มลงไปอยู่ใต้โต๊ะ ก็ว่าได้ เพื่อให้ได้ยินเสียงชัด ๆ บางครั้งพูดไปคนละเรื่องก็มี แต่ส่วนหนึ่งโทรศัพท์ห้องเราไม่ค่อยดีด้วยแหละ ทำให้ได้ยินไม่ชัดน๊ะ ไม่รู้เข้าข้างตัวเองไปรึเปล่า ??
วันก่อนพี่คนหนึ่งเข้ามาในห้องครัว เราประมาณ 8 คนกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ได้ยินพี่เขาพูดเหมือนกันหมดว่า “มาหาอาจารย์” ก็บอกพี่เขาไปห้องโน้น พี่เขาทำหน้างง งง แต่ก็ชวนพูดเรื่องอื่นต่อ สักพักพี่เขาพูดอีก เราก็บอกพี่เขาไปห้องอาจารย์อีก พี่เขาบอกว่าทำไมไปอยู่ห้องโน้น แล้วคุยกันเรื่องอื่นกันต่ออีก จนใกล้บ่ายโมง พี่เขาต้องกลับไปทำงาน ก็พูดว่า “มาหาจาน” ลืมทิ้งไว้ตั้งแต่งานทำบุญโน่น เล่นเอาพวกเราหัวเราะ แถมด้วยการพิจารณาตัว ไม่มีใครโทษใคร และเริ่มคิดได้แล้วว่า เอ๊ะ พวกเราหูตึงรึเปล่า ?? ทำให้เวลาพูด พูดเสียงดัง แบบไม่รู้ตัว แต่ยังไม่ฟันธง
ตอนนี้พวกเราก็พยายามเตือน ๆ กัน ให้พูดจาเสียงเบา น้ำเสียงนุ่มนวล ถ้าลืมตัวไปบ้างใครผ่านมาแถวช่วยตักเตือนและให้อภัยด้วยค่ะ