ทุจริตซ้ำซาก ระบาดทั่วไทย มีที่ไหนยังไม่ถูกโกงบ้าง?
ภูมิคุ้มกันคอร์รัปชัน : รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค ศูนย์วิจัยธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
วิธีโกงกินเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่มีขบวนการและระบบที่ใช้กันเก่าแก่ที่สุด ก็คือการทุจริตจากงบจัดซื้อจัดจ้าง ประจำปีของรัฐบาล ปัจจุบันมีงบประมาณราว 3-5 แสนล้านบาทต่อปี โดยยังไม่นับเงินที่ไปกู้มาจากต่างประเทศหรือกู้มาจากประชาชน
นักวิชาการประมาณกันว่า มีการรั่วไหลและต้องจ่ายใต้โต๊ะให้ได้งานมานั้น อยู่ในอัตราปัจจุบัน 12.5-30% หากใช้อัตราเพียง 10% ก็จะมีเงินสะพัดในวงการทุจริตก่อสร้างปีละ 3-5 หมื่นล้านบาท หากรัฐบาลที่ทุจริตใดสามารถอยู่ได้ครบ 4 ปี ก็จะมีรายได้ถึง 2 แสนล้านบาท เพียงพอและเกินพอที่จะนำไปลงทุนหาเสียง ซื้อเสียงเลือกตั้งได้ตลอด ไม่ใช่แค่ 2 สมัย 3 สมัย แต่เป็นรัฐบาลต่อไปได้ตลอดเท่าที่จะอยากเป็น
คนไทยจำนวนมากที่เดิมเชื่อว่า การทุจริตคอร์รัปชันเป็นของคู่กับประเทศและผู้รับเหมา ไม่มีทางปราบหรือแก้ไขได้ แต่ผมได้พูดอย่างมั่นใจมาตลอด 5 ปีนี้ว่า แก้ได้และปราบได้ ถ้าผู้นำประเทศเอาจริงเอาจัง หัวไม่ส่ายหางจะกระดิกได้อย่างไร
ดูตัวอย่างง่ายๆ กรณีคุณปองพล อดิเรกสาร ตอนที่เป็น รมว.ศึกษาธิการ เพียงประกาศว่า ถ้าใครมาอ้างชื่อท่านไปรีดไถในกระทรวงศึกษาให้จับตัวมาได้เลย ทันทีทันใดวันนั้น พวกที่เคยรีดไถรอบๆ กระทรวง ก็ถูกจับได้ทันที
หรือกรณีศึกษา นายลีกวนยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แกทำให้เมืองพ่อค้าจีนในอดีตที่มีประวัติคอร์รัปชันสูง ไม่ต่างกับไทยเท่าไรนัก สิงคโปร์กลายมาเป็นประเทศที่โลกยกย่อง ให้โปร่งใสที่สุดในเอเชีย และโปร่งใสเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่ไทยติดอันดับท้ายๆ ในเรื่องความโปร่งใสมีคะแนนสอบตกทุกปี
ลีกวนยูปราบรัฐมนตรีใกล้ๆ ตัวก่อน เนื่องจากลีกวนยู มีอำนาจมากเพราะมี ส.ส. ฝ่ายค้านในสภาแค่ 1 เสียง คล้ายๆ นายกฯทักษิณในขณะนี้ แต่เขาใช้อำนาจเด็ดขาดที่ประชาชนปราบคอร์รัปชันในสิงคโปร์ กรณีสะเทือนใจที่สุดและเด็ดขาดที่สุด ก็คือการที่ลีกวนยูดำเนินคดีกับรัฐมนตรีกระทรวงก่อสร้าง ที่ได้รับสินบนจากผู้รับเหมาเป็นเงิน 8 แสนเหรียญสิงคโปร์ เมื่อเกิดเรื่องแดงขึ้นมา ภรรยารัฐมนตรีคนนี้ได้ไปขอพบลีกวนยูเพื่อขอให้สามีมีโอกาสมาชี้แจงเป็นการส่วนตัว
ลีกวนยูปฏิเสธ ขอให้หน่วยงานปราบคอร์รัปชันของสิงคโปร์ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น ดำเนินคดีโดยอิสระและเด็ดขาด เช้าวันต่อมาภรรยารัฐมนตรีได้มาหาอีกเพื่อแจ้งข่าวสำคัญของสามี คราวนี้ลีกวนยูต้องรีบเดินทางไปถึงบ้านรัฐมนตรี เพื่อไปเคารพศพเพื่อนรัฐมนตรีที่กินยาตายตั้งแต่เมื่อคืนวาน
จดหมายลาตายของรัฐมนตรีผู้นี้ ถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ปราบคอร์รัปชันของหน่วยงาน ป.ป.ช. สิงคโปร์ มีเนื้อความว่า เขาเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปและไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ โดยไร้ศักดิ์ศรี เกียรติยศ ฟังดูเป็นแนวความคิดที่เราอาจประหลาดใจ ช่างแตกต่างกับนักการเมืองไทยที่ทุจริตอยู่ในขณะนี้ราวฟ้ากับดิน
แต่ความเชื่อเหล่านี้เป็นความเชื่อของลักษณะคนดีมีศักดิ์ศรีในคำสอนของขงจื้อของคนจีนที่ปฏิบัติกันมายาวนานเป็นพันปี ชาวจีนในสิงคโปร์ขณะนี้จึงเป็นคนจีนที่มีคุณธรรมในระดับโลกเป็นที่ 1 ในเอเชีย และพิสูจน์ว่าคนที่มีคุณธรรมสูงก็รวยได้ รวยกว่าไทย 15 เท่า คิดเก่งกว่าไทย 100 เท่า และรวยมากกว่าคนที่รวยมากที่สุดในประเทศไทย พิสูจน์แล้วโดยที่สิงคโปร์แบ่งเศษเงินมาซื้อบริษัท Shin Corp ที่ว่าเก่งและรวยที่สุดของไทยไปอย่างสบายๆ
คนทุจริตในไทยใช้วิธีง่ายๆ ในการโกงการประมูลโดยวิธีที่เรียกว่า ฮั้วประมูล มาโดยตลอด วิธีการก็ง่ายๆ เพื่อโกงการประมูลก่อสร้างที่เจ้าของหรือรัฐบาลต้องการให้แข่งขัน แข่งราคากัน ใครทำได้ราคาต่ำสุดได้ไป ก็โดยไปทำลายระบบแข่งขันแท้จริงเสีย
ยิ่งเป็นงานที่ผู้รับเหมาไปวิ่งเต้นของบประมาณให้เกินราคาจริงไว้มากๆ ก็จะได้ราคาเข้าใกล้ราคากลาง (ที่บวกไว้ 30-100%) แต่วิธีนี้ยังเสี่ยงที่ว่าอาจมีคนที่มาประชุมหรือไม่ยอมมาประชุมฮั้วไปยื่นซองแข่งกับเจ้าภาพ จะทำอย่างไร
ผมเคยเห็นกับตา ตอนที่เรียนจบมาทำงานใหม่ๆ ในงานประมูลงานเงินกู้จากต่างประเทศไปยื่นที่ชั้น 2 กระทรวงมหาดไทย จะมีคนเฝ้าประตูเข้าห้ามยื่นซอง ถ้าเห็นหน้าแปลกๆ ถือซองมายื่น เขาจะพาออกไป ขัดขวางไม่ให้ยื่น ในต่างจังหวัดเคยมีบริษัทญี่ปุ่น ชื่อ นิซิมัตสุ ไปยื่นที่ลำปาง โดยไม่รู้ว่าเขาฮั้วกันถูกผู้รับเหมารุมซ้อม สถานทูตญี่ปุ่นโวยวายสักพักแล้วก็เงียบไป
2-3 ปีมานี้ มีเจ้าพ่อมาเฟียรับจัดฮั้วทุกโครงการทั่วประเทศ คุ้มครองรับประกันผลฮั้ว ให้กับใครที่อยากได้งาน แต่ต้องจ่ายค่าคุ้มครอง ใช้วิธีขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ยิงถึงตาย รายหนึ่งเป็นผู้รับเหมาหญิงที่หน้าศาลากลางจังหวัด ได้ผลเป็นที่เลื่องลือในประสิทธิภาพของมาเฟียรายนี้ ทำให้กิจการดีมีคนเรียกใช้ขยายไปทั่วประเทศ ทำให้ขบวนการฮั้วฉาวโฉ่มาก จนมีการปราบปรามกัน
วิธีการง่ายๆ แบบนี้จึงถูกปรับปรุงให้มีระบบที่กันคนเข้าประมูลน้อยราย และเป็นกลุ่มพรรคพวกกันแค่ 2-3 รายนี้ เรียกว่า ล็อกสเปค ก็คือไปวิ่งเต้นให้หน่วยงานเขียนเงื่อนไขจำกัดคุณสมบัติต่างๆ ว่าคนที่จะเข้ายื่นประมูลได้ ต้องมีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง ที่คู่แข่งไม่มี ส่วนมากแล้วจะเขียนในเงื่อนไขประมูล (TOR) ประกาศออกไป
กรณี กทม. มีมาทุกยุคสมัยแทบทุกหน่วยงานราชการ ก่อนสมัยผู้ว่าฯอภิรักษ์ โกษะโยธิน บริษัทรับเหมาใหญ่ ก็ยังถูกล็อกสเปค ไม่ให้สิทธิเข้ายื่นประมูลชุดอุโมงค์ส่งน้ำเสียใน กทม. โดยเหตุผลที่ว่า ไม่มีความสามารถ ทั้งที่บริษัทเคยขุดอุโมงค์ใน กทม.เป็นรายแรกๆ แบบนี้เรียกว่ากีดกันรายสำคัญที่มีความชำนาญไม่ให้เข้ามาแข่งขันเอาแต่พรรคพวกเข้ามาแข่ง
ในงานระบบเทศบาล อบต. ก็ใช้วิธีนี้ บางทีเขียนล็อกว่าผู้รับเหมาที่จะยื่นซองราคา ต้องยื่นแผนงานเป็นแบบ CPM ด้วย ปรากฏว่าผู้รับเหมาที่จะสร้างตลาดเทศบาล ไม่รู้ว่า CPM คืออะไร ตกรอบแรกหมด เหลือรายเดียวที่วางล็อกคุณสมบัตินี้ เพราะได้เรียนวิชานี้จาก มสธ. ก็ผ่านยื่นซองราคาได้คนเดียว ได้งานไปสบายมาก CPM ก็คือวิชาวางแผนแบบหนึ่ง ดีกว่าแบบบาร์ชาร์ท แต่ที่จริงแล้วสร้างตลาดใช้วิธีวางแผนตามปกติ 1 หน้าก็พอแล้ว
ความคิดใหม่ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ยื่นแบบ E-Auction ผู้รับเหมายิ่งสบายมาก ใช้ทั้งล็อกสเปคไม่ให้พวกผ่านรอบคุณสมบัติ พอถึงขั้นแข่งราคาก็นัดกันไว้หมดว่า จะเล่นละครเคาะราคากันเท่าไร ถ้าหัวส่ายเมื่อไร หางก็ส่ายไปทั้งประเทศไทยแบบนี้ครับ
อ้างอิง
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q1/2006february06p11.htm
ตามมาศึกษาครับ
ขออนุญาตนำไปรวมครับ ขอบคุณมากครับ รวมตะกอน