การเข้าร่วมโครงการ IOCS ในครั้งที่สอง ช่วงเวลา 3 วันนี้ ไม่ได้มีเพียงการเรียนรู้เฉพาะเนื้อหา ทฤษฎี หรือกิจกรรมในห้องเรียนเท่านั้น แต่เราได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วย กิจกรรมหนึ่งที่ได้รับคือ การล่องเรือชมแสงหิ่งห้อยยามค่ำคืน ของคืนวันที่ 17 มีนาคม 2551 ที่อัมพวา แม่น้ำแม่กลองช่างเป็นบรรยากาศที่ดีทีเดียว เพราะเป็นคืนวันขึ้น 11 ค่ำ พระจันทร์สวยงาม ลมเย็นๆ ไม่มีฝน ท้องฟ้าสวยสด เป็นการผ่อนคลายจากภาระงานที่บอกกับตัวเองว่า รู้สึกได้พักผ่อนบ้าง เพราะนานนักแล้วที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้กับตัวเองได้พักผ่อนแบบนี้
ระหว่างนั่งเรือ เราก็คุยกันไปบ้าง น้องอ้อ จาก สคส. น้องศิ อ.ดร.สุรศักดิ์ น้องแม๊ก คุณหมอฝนน้องอุ๊ น้องนิต จาก มหาวิทยาลัยนเรศวร. เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนใส่ใจและน่าจะมีความสุขกับการได้ชมชีวิตหิ่งห้อย มีคำถามที่ทีมนักท่องเที่ยวทีมเราถามคนขับเรือ ทำให้ได้ความรู้ใหม่ว่าหิ่งห้อยออกลูกเป็นไข่ และลงมาไข่ในหอย เป็นระบบพึ่งพาตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตจริงๆ นะ แต่ที่น่าสนใจก็คือ หิ่งห้อยเป็นสัตว์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง แสดงว่าหิ่งห้อยต้องมีพลังมหัศจรรย์ในตัวอะไรสักอย่าง ที่ถึงแม้จะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ แต่สามารถสร้างพลังได้ด้วยตนเอง เมื่อเทียบพลังหรือความสว่างของแสงหิ่งห้อยกับแสงจันทร์แล้ว แม้จะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง แสงในตัวของหิ่งห้อย ก็คือแสงแห่งความเป็นหิ่งห้อยจากพลังของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับแสงจันทร์ที่เราเห็น บอกกับตัวเองว่า การที่เราเห็นบางอย่างแล้วตัดสินว่าเป็นสิ่งสวยงาม เพียงภายนอก โดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ลึกซึ้ง อาจทำให้เกิดการคิดแบบตัดสินที่ผิดพลาดได้ เฉกเช่นหิ่งห้อยกับแสงจันทร์นั่นเอง
มาเยี่ยม
ชอบใจคำกล่าวนี้ว่า...
หิ่งห้อย แม้จะมีแสงเพียงน้อยนิด เมื่อเปรียบเทียบกับแสงจันทร์ แต่ก็เป็นแสงที่สร้างมาจากตัวเอง...
หมู่นี้ไม่เห็นเลย...คงเห็นแต่พระจันทร์แจ่มนวลเมื่อคืนที่ผ่านมาครับ