หมอบ้านนอกไปนอก(56): พักผ่อนหย่อนใจ


การไปเที่ยวรัสเซียรอบนี้ เป็นเหมือนการพักผ่อนมากกว่าไปเที่ยวตะลอนชมเมือง ไม่ทรหดเหมือนตอนไปสเปน มีเวลาชมความงามของธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรมรวมทั้งชิมอาหารรัสเซีย บันทึกนี้เขียนเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทางสำหรับคนที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองแบบประหยัด

              หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการสอบมาสี่วัน ผมกับพี่เกษมก็ใช้ช่วงปลายสัปดาห์ 25 ต่อสัปดาห์ 26ไปเที่ยวรัสเซียกันต่อ ตอนเรียนชั้นมัธยม3 ผมชอบเรียนวิชาโลกของเรากับอาจารย์ศิริพร บุญชนาวิน (อาจารย์ต้อย) อาจารย์ประจำชั้นมาก จำได้ว่าเคยสอบวิชานี้ได้ 98/100 จำไม่ได้ว่าผิดอะไรไปสองข้อ แทนที่จะมีความสุขกับข้อที่ถูกจำนวนมาก กลับไปทุกข์กับสองข้อที่ผิด คนเรามักเป็นเช่นนี้มัวไปทุกข์กับสิ่งที่ตนเองไม่มีหรือไม่ได้ ลืมหาความสุขกับสิ่งที่ตนเองมีไป อาจารย์ให้ทำรายงานผมเลือกทำประเทศสหภาพโซเวียต รู้สึกสนใจประเทศนี้มากและอยากไปเที่ยวดินแดนหลังม่านเหล็กแล้วก็มาสมหวังในปีนี้ ตอนแรกพี่เกษมชวนไปแค่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (เลนินกราด) แต่พอหาเที่ยวบินปรากฏว่าทุกเที่ยวบินต้องไปต่อเครื่องที่มอสโควเลยตัดสินใจจองเที่ยวบินของของแอร์โรฟลอต สายการบินแห่งชาติรัสเซียที่ราคาถูกที่สุดและขากลับเลือกแวะพักรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน 9 ชั่วโมงเพื่อออกไปเที่ยวมอสโคว ทั้งนี้ด้วยพาสปอร์ตราชการ เราจึงไม่จำเป็นต้องทำวีซ่า

             วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 หลังจากจัดกระเป๋า ทานอาหารเย็น จัดเตรียมอาหารข้าวสวย ข้าวผัด ไข่ มาม่า หมูทอดไปด้วย ทุ่มครึ่งปั่นจักรยานไปขึ้นรถเมล์สนามบินที่สถานีรถไฟกลาง ท่ามกลางสายฝนปรอยๆในอุณหภูมิ 7 องศา รถออกสองทุ่ม (10 ยูโร) ทั้งคันมีผู้โดยสารแค่สามคน แต่เขาก็ออกตรงเวลาเพราะเป็นขนส่งมวลชน เป็นสวัสดิการสังคมของเขา ใช้เวลา 50 นาทีถึงสนามบินไปรับตั๋วแล้วก็เช็คอิน พนักงานถามย้ำว่าไม่ต้องใช้วีซ่าเหรอ ผ่านด่านตม.ก็ถูกถามอีก เวลา 23:55 น. ออกเดินทางด้วยเที่ยวบิน SU232 เครื่องบินแอร์บัส 320 -140 ของแอร์โรฟลอต ที่บินได้เร็ว 900 กม/ชม. บินสูง 11,760 เมตร บินได้ไกลจากการเติมน้ำมันครั้งเดียว 5,500 กม. (เครื่องบินชุดนี้มี 4 รุ่นคือ 318, 319, 320, 321) สายการบินแอร์โรฟลอต (www.aeroflot.ru )ก่อตั้งมา 85 ปี มีสัญลักษณ์เป็นรูปเคียวและค้อนมีปีก (ซึ่งมาจากสัญลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ค้อนคือกรรมกร เคียวคือชาวนา) ยุคชนชั้นแรงงานเป็นใหญ่ในแผ่นดินตามลัทธิมาร์กซ์ที่เลนินนำมาใช้ในการปฏิวัติยึดอำนาจจากจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แล้วปกครองประเทศในระบอบคอมมิวนิสต์ยุคสหภาพโซเวียตที่ขับเคลื่อนโดยพรรคบอลเชวิค มีเครื่องบิน 83 ลำ บริการ 73 เส้นทางใน 47 ประเทศ บนเครื่องบินเสิร์ฟอาหารสองครั้ง อนุญาตให้ถือกระเป๋าได้ 1 ใบ ไม่เกิน 10 กก.และโหลดขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม

            วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 ตีสามสิบนาทีลงที่สนามบินเซเรเมทริโว่ เมืองมอสโคว์ ขาเข้าต่างประเทศ (Terminal 2) ปรับเวลาเป็นตีห้าสิบนาที (เร็วกว่าเบลเยียม 2 ชั่วโมง) อุณหภูมิที่สนามบิน 1 องศา รัสสนามบินมารับจากเครื่องบิน มีหิมะตกปรอยๆตลอดเวลา เข้าทางช่องเช็คอินในประเทศ (Domestic transit check-in) เช็คอิน (กระเป๋าเดินทางเช็คผ่านไปจนถึงปลายทางแล้ว) แล้วผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วนั่งรอรสบัสสนามบินมารับไปขาออกในประเทศ (Terminal 1) รอรถครึ่งชั่วโมง นั่งรถประมาณยี่สิบนาที หิมะโปรยปรายตลอด ปกคลุมผิวสนามบินเต็มไปหมด สนามบินกำลังมีการรื้อปรับปรุงหลายส่วน ไม่ได้หลับตลอดทั้งคืน ง่วงแต่ก็ไม่หลับ จนเวลา 7:35 น. ขึ้นเครื่องภายในประเทศเที่ยวบิน SU839 ไปเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ห่างจากมอสโคว์ 680 กม. สนามบินไม่มีทางเดินตรง (งวงช้าง) ขึ้นเครื่อง ต้องนั่งรถบัสเข้าไปแล้วลงเดินย่ำหิมะที่พื้นถนนและโปรยปรายลงมาบนใบหน้าอย่างหนาวเย็น บนเครื่องเสิร์ฟอาหารอีกครั้ง ทานแล้วได้งีบหลับไปพักหนึ่ง 9:35 น. เครื่องค่อยๆร่อนลงบนทางวิ่งที่พื้นผิวโดยรอบปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนของสนามบินพูลโคโว่ รับกระเป๋าปรากฏว่าถูกตัดกุญแจล็อค ต้องเข้าไปเขียนใบเคลมค่าเสียหายและพนักงานบอกให้เราไปติดต่อที่บรัสเซลส์ สนามบินไม่ใหญ่ ดูเก่าและทรุดโทรม ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด เราต้องรอขอข้อมูลจากศูนย์ข้อมูล (i) ที่เปิดเวลา 10:30 น. ได้แผนที่ เอกสารการเที่ยวมาหลายชุด มีประโยชน์มากพร้อมทั้งแลกเงินรูเบิ้ล (34.65 รูเบิ้ลต่อยูโร)

             นั่งรถเมล์เข้าเมืองเวลา 11:00 น. (14 รูเบิ้ล) รถแล่นไปบนถนนที่แฉะไปด้วยโคลนหิมะ สองข้างทางมีต้นไม้ไร้ใบเป็นแถวเนินดินถูกปกคลุมขาวโพลนไปด้วยหิมะจนไม่เห็นเนื้อดินและต้นหญ้า อุณหภูมิ -3 องศา สักครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงเมโทรหรือสถานีรถไฟใต้ดินชื่อมอสคอฟสกาย่า (Moskovskaya) นั่งรถไฟใต้ดิน (คนละ 14 รูเบิ้ล ตลอดสาย ไม่จำกัดเวลาและระยะทางใกล้ไกล) เป็นแบบหยอดเหรียญ แล้งลงบันไดเลื่อนไปลึกมากลึกที่สุดในโลกระยะ 55-75 เมตร ช่องขึ้นรถไฟเหมือนลิฟต์ ปิดเปิดเฉพาะเวลารถมาจอดรับส่งเท่านั้น บนรถไฟคนแน่นมาก สังเกตว่าชาวรัสเซียอ่านหนังสือบนรถไฟกันมาก ไปลงที่สถานีเนฟสกี้ โปรสเปคซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง เดินหาที่พัก ถามตั้งหลายคนกว่าจะหาเจอชื่อซิมเมอร์ ฮอสเทล (www.zimmer.ru ) เป็นโรงแรมขนาดเล็ก คืนละ 700 รูเบิ้ลต่อคน รวมค่าลงทะเบียนนักท่องเที่ยวอีก 100 รูเบิ้ล พนักงานต้อนรับชื่อออลก่า (Olga) พูดภาษาอังกฤษเก่งและมีจิตบริการดีมาก โรงแรมแบบฮอสเทลนี้มีห้องครัวและอุปกรณ์ทำครัวให้ด้วย เป็นแบบห้องน้ำรวม หลังจากเข้าพักในโรงแรมแล้วก็เอนกายพักงีบหลับเอาแรงก่อน

             จนบ่ายสามโมงเย็นจึงเริ่มออกเที่ยวกัน เดินออกจากโรงแรมไปบนทางเดินเท้าข้างถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ แนวคนเดินหิมะถูกบดขยี้ละลายเป็นน้ำผสมกับโคลนเลน บนสนามหญ้าหิมะปกคลุมหนามากจนมองไม่เห็นยอดหญ้า เดินไปชมสวนสาธารณะด้านหน้าอาคารแอดไมรัลตี้และอนุสาวรีย์จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Bronze Hourseman) พื้นผิวในเส้นทางที่เดินไปถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทั้งหมด บางส่วนละเอียดอ่อนคล้ายพรมกำมะหยี่สีขาวงามตา บางส่วนเป็นก้อนน้ำแข็งคล้ายก้อนกรวด บางส่วนเกาะติดกันจนเดินลื่นคล้ายปูนซิเมนต์ที่เกาะตัวกัน เราเดินเลาะไปตามริมแม่น้ำเนวา ข้ามสะพานไปฝั่งตรงข้าม บนทางเดินริมน้ำที่ปูลาดไปด้วยหินแกรนิตแผ่นใหญ่ที่เริ่มผุกร่อนที่ผิวหน้าเพราะผ่านกาลเวลายาวนาน เจอหนุ่มสาวที่แต่งงานกันแล้วมาดื่มแชมเปญพร้อมขว้างแก้วใส่เสาคอนกรีตริมน้ำแตกกระจายเสียงดังและยิงสลุตที่ริมน้ำถึง 5 คู่ มีชายสองสามคนคอยเป่าแตรให้จังหวะ มองลงไปในแม่น้ำ เกร็ดน้ำแข็งลอยฟ่องอยู่ที่ผิวน้ำดุจดังสาหร่ายหางกระรอก น้ำเย็นเฉียบ ต้องรีบชักนิ้วหนีเมื่อจุ่มไปได้แป๊บเดียว

              เดินเลาะริมน้ำไปเรื่อยๆผ่านร้านอาหารที่เป็นเรือขนาดใหญ่สองสามลำจอดนิ่งริมน้ำ ผ่านสวนสาธารณะที่ปกคลุมด้วยหิมะเต็มไปหมด พ่อแม่ย่ายายพาหลานตัวเล็กๆใส่รถเข็นเด็กมาเดินเล่นท่ามกลางความหนาวเหน็บของอากาศ ดุจจะเตือนให้เด็กได้มีโอกาสรู้ร้อนรู้หนาวตั้งแต่เล็กๆเดินไปจนถึงป้อมปีเตอร์แอนด์พอล (St. Peter & Paul Fortress) สร้างสมัยจักรพรรดิปีเตอร์มหาราช ปัจจุบันใช้เป็นที่เก็บพระศพของสมาชิกในราชวงศ์โรมานอฟทุกพระองค์ เดินข้ามสะพานกลับอีกด้านหนึ่งผ่านพระราชวังฤดูหนาวปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ ผ่านเสาหินแกรนิตอเล็กซานเดอร์ ผ่านวิหารเลือด (Spilled blood church) ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3  แวะกินขนมรัสเซียและไอศกรีม แลกเงินที่ซิตี้แบงค์ (35.76 รูเบิ้ลต่อยูโร)เดินต่อไปชมลานสเก็ตหน้าพิพิธภัณฑ์ ไม่ได้ลองเล่น ถ้าเล่นเสียค่าตั๋วพร้อมอุปกรณ์ครบชุด 450 รูเบิ้ลต่อชั่วโมงครึ่ง มีวัยรุ่นหนุ่มสาวไปเล่นกันเยอะ แล้วกลับโรงแรม กินข้าวเย็นและนอนพักผ่อน

             วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2551 ตื่นเช้า ทานข้าวเช้าแล้วออกไปเดินเลาะริมคลอง ไปชมวิหารคาซาน (Kazan Cathedral) สร้างเลียนแบบวาติกันในสมัยจักรพรรดิปีเตอร์มหาราช แล้วนั่งรถไฟไปสถานีอะโตโว่ (Avtovo) เพื่อขึ้นรถมินิบัส 424 ไปเที่ยวปีเตอร์ฮอฟหรือพระราชวังฤดูร้อนเปโตรควาเรสต์ (Peterhof) สร้างสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชด้วยสถาปัตยกรรมแบบบารอคและนีโอคลาสสิคและประติมากรรมน้ำพุกับรูปปั้นทองเหลือง ใช้เวลา 35 นาทีถึงที่หมาย (40 รูเบิ้ล) ลงจากรถเดินเข้าไปชมพระราชวัง สวนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเต็มไปหมด มาเที่ยววังฤดูร้อนตอนหน้าหนาวจึงไม่เหมาะสม เดินไปบนทางเดินที่ปูลาดด้วยพรมหิมะเสียงดังกรุบๆคล้ายๆเคี้ยวกระดูกอ่อน แม้จะนุ่มแต่แรงปะทะฝ่าเท้าคงรับสัมผัสได้ชัด น้ำพุดูไม่ได้เป็นน้ำแข็งไปหมด เดินเลาะไปจนถึงริมทะเลบอลติคที่น้ำชายฝั่งกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ขากลับรอรถเมล์ตรงข้ามพระราชวังขึ้นรถสายเดิมกลับคนแน่นมากนั่งมาตลอด 29 กม.

              ต่อรถไฟใต้ดินสองต่อ ผมถ่ายรูปสถานีรถไฟใต้ดิน ไม่ได้ดูว่ามีป้ายห้ามถ่าย ถูกตำรวจปรับไป 100 รูเบิ้ล ออกจากเมโทรเดินชมสะพานข้ามคลองได้สามสะพาน ผ่านตลาดเสื้อผ้าราคาถูก ผ่านอนุสาวรีย์จักรพรรดินีแคเธอรีน อากาศหนาวเย็น หิมะโปรยปรายเป็นละอองฝอย เป็นระยะๆ แวะกินขนมและไอศกรีมที่ร้านใหญ่ริมถนนเนฟสกี้ ปรากฏว่าเป้ถูกเปิดขโมยล้วงเอากุญแจบ้านพักและลูกอมโกปิโก้ไป 1 ถุง ไม่รู้ตอนไหน เดินไปชมพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ หรือพระราชวังฤดูหนาว ที่ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 1,050 ห้อง สถานที่นี้เคยใช้เป็นที่รับรองการเสด็จเยือนของรัชกาลที่ 5 ของไทย ปัจจุบันเป็นที่เก็บรวบรวมของล้ำค่าจากทั่วโลกกว่า 3 ล้านชิ้นรวมทั้งภาพวาดของจิตรกรมีชื่อเสียงหลายคน เข้าตอนสี่โมงเย็นปิดหกโมงเย็น ค่าตั๋ว 350 รูเบิ้ล มีสองชั้นดูได้ไม่ครบ น่าเสียดายมาก เสร็จแล้วรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยขามาก เข้าที่พักตั้งแต่ 1 ทุ่ม งีบหลับไปพักหนึ่ง ทานข้าวเย็นแล้วก็นอนพัก

             วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2551 ตื่นเช้า ทางข้าวเช้าแล้วออกเดินไปชมวิหารไอแซค วันนี้แม้หนาวเย็นแต่หิมะได้อันตรธานไปเกือบหมดแล้ว ถนนโล่ง น้ำใสไร้หิมะและน้ำแข็ง นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีมอสคอฟสกาย่า เดินผ่านสวนสาธารณะฝ่าสายหิมะที่เริ่มโปรยปรายลงมาเป็นละอองฝอย ไปขึ้นรถมินิบัส 299 ที่หน้าอาคารด้านหลังอนุสาวรีย์เลนิน (25 รูเบิ้ล) ตอน 10:30 น. รถวิ่งผ่านที่ราบสลับเนินเขา ออกนอกเมืองไปประมาณ 20 กิโลเมตรไปที่หมู่บ้านพุชกิ้นที่เคยเป็นสถานที่ประทับและพักอาศัยของเจ้าขุนมูลนายชั้นสูงและยอดกวีเอกชาวรัสเซียคืออเล็กซานเดอร์ พุชกิ้น ไปซาร์สโก้ เซโร่คอมเพล็กซ์ (Tsarskoe Selocomplex) มีจุดเด่นที่พระราชวังแคทเธอลีน ลงรถแล้วเดินเข้าไปซื้อตั๋วใช้บัตรนักศึกษาลดครึ่งราคา (250 รูเบิ้ล) ก่อนเข้าชมทานอาหารกลางวันก่อน ชมตั้งแต่ 11.30-13.45น. เดินชมสองรอบ สวยงามมาก มีห้องอำพัน ที่ใช้หินอำพันมาประดับทั้งห้อง แล้วออกมาเดินชมบริเวณรอบนอกอาคาร หิมะปกคลุมเต็มไปหมด ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งจนเดินข้ามได้

             ขากลับขึ้นรถมินิบัส 287 ครึ่งชั่วโมงมาถึงสถานีเมโทร เดินไปถ่ายรูปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่ระลึกเขตแดนรับศึกเยอรมันตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กถูกปิดล้อมและโจมตี มีประชาชนเสียชีวิตไปหลายล้านคน  ถ่ายรูปอนุสาวรีย์เลนิน ขึ้นเมโทรไปลงสถานีเนฟสกี้แล้วเดินไปชมพิพิธภัณฑ์รัสเซีย (State Russian museum) ที่เก็บงานศิลปะของรัสเซียราว 4 แสนชิ้น ต้องยืนรอคิวเกือบชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไปซื้อตั๋วใช้บัตรนักศึกษาลดครึ่งราคา (150 รูเบิ้ล) จนห้าโมงเย็นปิดแล้ว เดินออกไปทานอาหารเย็น ชมวิหารเลือดยามค่ำคืน เดินริมน้ำชมพระราชวังและสวนที่ตั้งอยู่สองฝั่งน้ำ กลับบ้านพักสองทุ่มแล้วรีบนอน สองข้างถนนแทบไม่มีหิมะปกคลุมแล้ว ลมพัดแรง ยังคงหนาวอยู่ วันนี้เป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซีย แต่ดูบรรยากาศไม่คึกคักเหมือนนับคะแนนเลือกตั้งบ้านเรา

              วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2551 ตื่นตีสามครึ่ง ผู้จัดการโรงแรมขับรถตู้ไปส่งสนามบินพูลโคโว่ 1 (Pulkovo1) ค่าเหมารถ1,000 รูเบิ้ล เช็คอินตอนตีห้าสิบห้านาที เที่ยวบิน SU 858 สนามบินค่อนข้างเก่า โทรม ห้องน้ำไม่สะอาด ลืมเช็คอินกระเป๋าลงปลายทางที่บรัสเซลส์  ไม่มีหิมะตกแล้ว เครื่องออกเดินทางหลับไปงีบหนึ่ง ถูกปลุกมาทานอาหาร แล้วก็ไม่หลับเลย หนุ่มรัสเซียข้างๆสองคนหลับและกรนอย่างมีความสุข เครื่องบินเหินอยู่เหนือเมฆหมอกหนาทึบได้สักชั่วโมงกว่าๆก็มุดตัวลงจอดที่สนามบินเชเรเมโทโว่ (Sheremetyevo: SVO1) เวลา 7:30 น.ที่อุณหภูมิ -1 องศา หิมะโปรยปรายมาเป็นระยะๆ อากาศชื้นเหมือนฝนตก เดินลงเครื่องตากหิมะขึ้นรถบัสเข้าอาคารสนามบินรับกระเป๋าแล้วขึ้นรถบัสไปที่อาคารขาออกต่างประเทศ ฝากกระเป๋าไว้ที่สนามบิน นั่งรอเกือบ 20 นาทีเพราะเป็นช่วงพัก (150 รูเบิ้ล) ถามข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลไม่ได้แผนที่แล้วก็พูดไม่ดี ไม่เหมือนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมีให้พร้อมเที่ยวได้เลย แลกเงินที่สนามบิน 35.7 รูเบิ้ลต่อยูโร ดีกว่าที่สนามบินพูลโคโว่

              เรานั่งรถตู้สาย 48 (50รูเบิ้ล) ออกจากสนามบินที่กำลังมีการก่อสร้างปรับปรุงอย่างมากท่ามกลางความชื้นของอากาศและฝนหิมะโปรยปราย ถนนแฉะไปด้วยโคลนดินหิมะ ปุยหิมะปลิวว่อนไปตามแรงลมดุจปุยนุ่นที่ปลิวออกมาจากรถ บนถนนหกเลน พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ต้นไม้ยืนต้นไร้ใบ เรียงรายสองข้างทาง ถึงสถานีรถไฟใต้ดินหรือเมโทร สถานีเร็ชนอย รอเข้าแถวซื้อตั๋วยาวมากกว่าครึ่งชั่วโมง (19 รูเบิ้ล) นั่งรถไฟไปชมสถานีรถไฟใต้ดินสามสถานีถือเป็นสถานีรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก ออกแบบอย่างลงตัวด้วยเทคโนดลยีและสถาปัตยกรรม ตบแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต แล้วขึ้นไปชมจัตุรัสแดง วิหารเซนต์บาซิลสัญลักษณ์ของกรุงมอสโคว์ที่สร้างโดยพระเจ้าอีวาน (เสียค่าเข้าชมบัตรนักศึกษา 50 รูเบิ้ล) เจอกับคณะท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่มาศึกษาดูงานการท่องเที่ยว เดือนก่อนเพิ่งเจอกันที่เมืองทอเลโด สเปน ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักมาก

              ผ่านไปชมสุสานเลนิน อนุสรณ์สถานของผู้นำพรรคบอลเชวิคที่ปัจจุบันล่มสลายไปกับความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียต แล้วไปทานอาหารกลางวันที่ร้านแมคโดนัลด์ ชมสุสานทหารกล้าในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังเครมลิน (คนละ 300 รูเบิ้ล ฝากกระเป๋าอีก 60 รูเบิ้ล) จุดกำเนิดแห่งประวัติศาสตร์รัสเซียที่ยาวนานกว่า 850 ปี เนื่องจากไม่มีแผนที่ทำให้เดินเที่ยวกันยาก ถ้าจะให้ดีควรซื้อตั๋วชมพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์ (350 รูเบิ้ล) ที่เก็บสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดิรัสเซีย บัลลังค์เพชร บัลลังค์งาช้าง ราชรถทองคำ รวมถึงไข่อีสเตอร์ แต่ผมไม่ได้เข้าไปชม เดินชมบริเวณพระราชวัง ปืนใหญ่ยักษ์ ระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โบถส์อัสสัมชัญ โบสถ์อาร์ชานเจลที่ฝังพระศพพระเจ้าอีวาน อากาศไม่เป็นใจ ฟ้าครึ้ม หิมะโปรยปรายตลอดเวลา เดินได้สักชั่วโมงกว่าๆก็ออกมาเดินชมห้างสรรพสินค้ากุม (Gum หรือ RYM) ที่มีสินค้าแบรนด์เนมของยุโรปหลายยี่ห้อ เป็นห้างสรรพสินค้าที่ไม่พลุกพล่าน ดูหรูหรามาก ชมความงามของวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ วิหารโดมทองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียอยู่ห่างๆ

              จนถึงห้าโมงกว่าแวะทานอาหารเย็นร้านอาหารรัสเซียแล้วนั่งรถไฟใต้ดินสองต่อครึ่งชั่วโมงถึงสถานีรถบัส 581 สถานีเดิมกับขามา (25 รูเบิ้ล) รถติดมากใช้เวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึงสนามบิน รถบัสเขาให้คนขับเก็บเงิน ออกตั๋วแล้วใช้ตั๋วสอดเครื่องตอกบัตรเปิดเข้าไปนั่งในรถ มีแค่ 16 ที่นั่ง ลงที่สนามบินขาออก (SVO2) ที่อยู่สุดสายพอดี ถึงสนามบินรีบไปรับกระเป๋าคืนพร้อมเช็คอินเที่ยวบิน SU231 เวลา 19:45 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เดินชมร้านขายของปลอดภาษีและเครื่องออกเดินทางเวลา 21:10 น. เป็นเครื่องบินแอร์บัส 319 มี 116 ที่นั่ง เสิร์ฟอาหารเป็นข้าวกับไก่ตอนสี่ทุ่ม กินแล้วหลับไปพักหนึ่ง เครื่องบินลงจอดตอนห้าทุ่ม ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รอรับกระเป๋า แล้วไปที่แผนกเคลมค่าเสียหาย (มี 2 บริษัทของบรัสเซลส์แอร์ไลน์กับของไฟล์ทแคร์) พนักงานบอกว่าคุณต้องไปเคลมที่ปลายทาง ไม่ใช่ที่นี่ กลายเป็นโยกันไปโยนกันมา ออกจากสนามบินไปขึ้นรถบัสกลับแอนท์เวิปเที่ยวสุดท้ายตอนเที่ยงคืนตรง ถึงบ้านพักตอนเกือบตีหนึ่ง หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

               การไปเที่ยวรัสเซียรอบนี้ เป็นเหมือนการพักผ่อนมากกว่าไปเที่ยว ไม่ทรหดเหมือนตอนไปสเปน มีเวลาชมความงามของธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรมรวมทั้งชิมอาหารรัสเซีย เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 23,000บาท ผมลองเปรียบเทียบสายการบินแล้ว สู้สายการบินของไทยอย่างการบินไทย บางกอกแอร์เวย์หรือพีบีแอร์ไม่ได้ทั้งพนักงาน อาหารและบริการ ไม่ว่าเจแปนแอร์ไลน์ ไช่น่าแอร์ไลน์ ตุรกี บรัสเซลส์แอร์ ฟินแอร์ รวมทั้งแอร์โรฟลอทด้วย ส่วนสายการบินต้นทุนต่ำไม่ได้ต่างกันมากเพราะไม่ได้บริการอะไร นอกจากเดินขายของบนเครื่องบิน

พิเชฐ  บัญญัติ (Phichet Banyati)

Verbond straat 52, 2000 Antwerp, Belgium

5 มีนาคม 2551, 21.45 น. ( 03.45 น.เมืองไทย )

หมายเลขบันทึก: 169288เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2008 04:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 03:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • สวัสดีค่ะ Dr. Phichet Banyati
  • อ่านแล้ว สนุกมากค่ะ อยากไปลุยแบบนี้บ้างจัง เสียดายไม่มีภาพให้ชม แต่ก็จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
  • ขอบพระคุณที่เล่าให้ฟังค่ะ

สวัสดีครับคุณปลาเค็ม

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ ผมถ่ายรูปมาเยอะ แต่ก็ยังคงไม่สามารถเอารูปลงให้ชมได้ครับ

ได้ยินชื่อปลาเค็มแล้ว คิดถึงเมืองไทยมากเลยครับ เพื่อนผมที่อยู่เขมรเขาบอกว่า เขาคิดถึงปลาเค็มอาหารที่บ้านเขามากเลย เราหาที่เบลเยียมไม่ได้ พี่เกษมเอามาจากเมืองไทย กลายเป็นอาหารอันโอชะของพวกเราเลยครับ

ไม่เคยไปรัสเซียเลย ดูน่าสนุกเหมือนกันนะคะ

สวัสดีครับคุณSasinanda

ไปเที่ยวชั่วครั้งชั่วคราวก็สนุกดีครับ แต่ผมคิดว่าไม่น่าอยู่เหมือนเมืองไทยครับ

 

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ แวะไปชมรูปถ่ายในรัสเซียได้ที่

http://pbanyati.hi5.com ครับ

อ่านแล้วเพลินจังเลยค่ะ ชอบที่คุณหมอเก็บรายละเอียดมาเล่าให้ฟัง

ทำให้เริ่มอยากแพคกระเป๋า เดินทางเดี๋ยวนี้เลยค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจครับ ของสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้เขียนเลยครับ เป็นเรื่องการเที่ยวในเบลเยียมและลักเซมเบิร์กครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท