คงไม่แปลกใจใช่ไหมที่เด็กและเยาวชนได้เสียกันอย่างกว้างขวาง อยู่กันแบบคู่ผัวตัวเมีย ในขณะที่ยังอยู่ในวัยเรียนและยังต้องพึ่งพาอาศัยเงินของผู้ปกครอง ยิ่งเรียนระดับมหาวิทยาลัยยิ่งหนัก สำส่อน หาคู่อยู่ร่วมกันเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาทั้งชายทั้งหญิง ทั้งๆที่วุฒิภาวะความรับผิดชอบต่ำ เราจึงต้องทำใจที่พบสถานที่ทำแท้งเถื่อน รีดลูกทิ้งไว้ในโถน้ำ กองขยะ ทิ้งตามสถานีรถไฟ ขนส่ง อื่นๆของเด็กใจแตกเหล่านี้ เด็กผู้หญิงหลายคนติดเอดส์ เด็กผู้ชายหาขายบริการทางเพศกับร่วมรักร่วมเพศและติดเอดส์ บางคนทำร้ายสังคมด้วยการแพร่เชื้อยืนขายบริการทางเพศกลางค่ำกลางคืนทั้งชายหญิง ศีลธรรม จารีต ของสังคมหายไปหมดแล้ว ความรักนวลสงวนตัว การไม่เสียตัวก่อนแต่งงานอย่างถูกต้องทั้งตามสภาพและศาสนบัญญัติมันไม่ได้ครอบงำจิตใจเด็กในยุคทุนนิยม โลกาภิวัฒน์ เด็กหลายคนย้อยผู้ใหญ่ว่า "มายุ่งอะไรนี่คือสิทธิเสรีภาพทางเพศของเขา" ปัญหาเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ งานวิจัยในระดับหมู่บ้านยืนยันว่ามีเด็กทั้งชายและหญิงผ่านการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานถึงร้อยละ 76 และพร้อมที่พัฒนาต่อไปมากขึ้นมากขึ้น จากค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จากวัฒนธรรมชุมชนและศีลธรรมสังคมที่อ่อนแอ จากสื่อสิ่งพิมพ์ลามก อนาจารที่หาได้ไม่ยากและราคาถูก จากอิเตอร์เน็ต ที่รวดเร็วและหาเข้าไปดูได้ง่าย สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่หลายคนมองข้ามคือการจัดระบการศึกษา การจัดการศึกษษที่ควรจะต้องแยกระหว่างหญิงชายอย่างสิ้นเชิงเพื่อการปกครอง เกียรติ และศักดิ์ศรีของผู้หญิงไม่ให้ถูกทำลาย เพราะการไปคลุกคลีและใกล้ชิดกันจนเกินไปกับเพศชาย ความใกล้ชิดดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียหายมากกว่าสร้างสรรค์ อันเนื่องจากเป็นเพศที่อ่อนแอ อ่อนไหว และคล้อยตามสิ่งเย้ายวนได้ง่าย มุมมองของผู้รู้ศาสนา อาทิ อัล กอบิช กล่าวว่า"มุมมองที่ดีที่สุดคือ หญิงชายไม่ควรคลุกคลีกัน" และอิบนุ ซินูน ผู้รู้ระดับอุลามะฮ์ กล่าวว่า "ฉันไม่ชอบที่จะให้ลูกสาวของฉันเรียนรวมกับผู้ชาย(สหศึกษา)เพราะมันเป็นเหตุแห่งความหายนะของพวกเธอ" นี่แหละที่พระผู้เป็นเจ้ากำชับให้ผู้หญิงแต่งการด้วยหิญาบ มิดชิด และไม่เพียงเท่านั้นยังให้หญิงและชายลดสายตาลงต่ำ ไม่มองในสิ่งที่ฝ่าฝืนและระมัด ระวังการสำส่อน ทางเพศ การไม่สำรวมในการแต่งกายเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดคดีทางเพศมากมายในสังคมที่ไร้ศีลธรรม ที่ผู้หญิงมีค่าเพียงการอวดเรือนร่างเพื่อการค้าและโฆษณา ผลร้ายจึงตกอยู่กับผู้หญิงที่ต้องสนองอารมณ์คนบ้ากาม ท่านศาสดามูฮัมมัด(ซล)กล่าวว่า" การที่ผู้ชายและผู้หญิงอยู่กันสองต่อสอง บุคคลที่สามคือซันตอน(มารร้าย)" เวลาที่สังคมไทยปั่นป่วนหาทางออกกับเรื่องนี้ ไปพูดกันเรื่องสอนเพศศึกษา ให้มีโรงเรียนสหศึกษาให้มากขึ้น ให้ผู้หญิงพกถุงยางอนามัย หรือให้เรียนรู้เทคนิคการปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ ในเวลาเช่นนี้เรามักโยนไปที่ฝรั่ง(ที่มีวัฒนธรรมเซ็กเสรี)โดยไม่มองว่าวัฒนธรรม จารีตของสังคมเราเองนั้นอ่อนแอและอ่อนไหวตามกระแสแห่งความเลว โดยไม่ยับยั้งชั่งใจแม้แต่น้อย อาจเพราะมีค่านิยมตะวันตกอันสูงส่งทำให้เด็กและเยาวชนไทยตามืดบอด ถึงเวลาที่เราจะต้องจัดการกับเรื่องค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี ที่ดีงามในอดีตกลับคืนมาได้หรือยัง ก่อนที่เด็กและเยาวชนของเราจะติดเอดส์กันเต็มบ้านเต็มเมือง และสร้างค่านิยมของเซ็กส์ทันสมัยที่ลอกเลียนตะวันตกมาใช้โดยที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของไทยทำอะไรไม่ได้เลย