-ภาคผนวก-(ก)
คนเล่าเรื่อง
ปิ่นแก้ว อุ่นแก้ว
อยู่ในสายงานพัฒนามาตั้งแต่เรียนจบ เรียนด้านคณิตศาสตร์ แต่สนใจงานด้านการขีดเขียน และกลุ่มชาติพันธุ์ มีโอกาสในการทำงานด้านสื่อในช่วงระยะเวลาหนึ่งในหนังสือพิมพ์กระแสหลัก และสื่อทางเลือก www.prachatai.com
กลับเข้าสู่การเป็น “นักพัฒนาเอกชน” อีกครั้ง ปัจจุบันคือ ผู้ประสานงานโครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ(Stateless Watch) และอีกเวทีในการเรียนรู้ในบทบาทอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ระหว่างการทำงานและเรียนรู้ประเด็นเรื่องคนไร้รัฐไร้สัญชาติ พร้อมกับทำงานขีดเขียนตามโอกาสชีวิตอำนวย
ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล
เกี่ยวพันกับงานด้านสถานะบุคคลตั้งแต่บทบาทเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ โดยเตรียมวิทยานิพนธ์เรื่อง “สิทธิในการได้รับเอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลของคนไร้รัฐในรัฐไทย”
ปัจจุบัน เป็นนักกฎหมาย ที่ร่วมก่อตั้งโครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ (Stateless Watch) กับอีกบทบาทคืออนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวพันกับคนไร้รัฐไร้สัญชาติในหลายกรณี
บุญ พงษ์มา /ใสแดง แก้วธรรม
จากอดีตคนไร้สัญชาติแห่งแม่อายที่อยู่กับกองกระเทียมตากแห้ง สู่ “หมอความตีนเปล่า” ทั้งสองเป็นกำลังหลักแห่งคลีนิคกฎหมายแม่อาย ที่ก่อตั้งขึ้นราว 1 ปีที่ผ่านมา ที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแม่อายที่ถูกถอนชื่ออกจาก ท.ร.14 จำนวน 1,243 คน ไปจนถึงลูกของคนกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งชาวบ้านคนอื่นๆที่ประสบปัญหาก็มาขอคำแนะนำและขอความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
วันนี้พี่บุญ และพี่ใสแดง ซึ่งไม่ได้เรียนจบกฎหมาย ไม่ได้มีการศึกษาสูงในระบบการศึกษา แต่จากประสบการณ์ในชีวิต ความพยายามและความทุ่มเทที่ผ่านมาได้ทำให้พวกเขาเป็นที่พึ่งหนึ่งของชาวบ้านแม่อายได้อย่างน่าชื่นชม
มึดา นาวานาถ
จากตัวแทนเด็กไร้สัญชาติแห่งอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลายคนมักจะเห็นเธอผ่านเวทีต่างๆในการถ่ายทอดความรู้สึกและบอกเล่าเรื่องราว ตลอดจนส่งเสียงบอกเล่าความต้องการของเด็กไร้สัญชาติให้ผู้ใหญ่ในสังคมได้รับรู้
วันนี้ “มึดา” คือ นักศึกษาไร้สัญชาติ ชั้นปีที่ 2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ พร้อมคำสัญญาให้กับผู้ใหญ่ใจดีของเธอว่า “ต่อไปนี้ หนูจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว หนูจะเข้มแข็ง จะตั้งใจเรียนและศึกษาให้สำเร็จคณะนิติศาสตร์ เพื่อนำความรู้ไปช่วยเหลือเด็กไร้สัญชาติที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมดค่ะ”
วันดี สันติวุฒิเมธี
จากนักเขียนสารคดีในเมืองหลวง ผู้หญิงตัวเล็กๆได้เดินทางขึ้นเหนือไปสร้างสรรค์วารสารเล่มน้อย ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความเข้าใจในประเทศพม่า ในชื่อ “สาละวินโพสต์” หรือ www.salaweennews.org เพื่อเปิดพื้นที่สื่อทางเลือกสู่สังคม
วันนี้เธอคือแม่บุญธรรมของ “เด็กน้อยชาวพม่า” ที่ถูกทอดทิ้งไว้ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างการเดินทางไปติดตามเรื่องราวของผู้คนจากฟากฝั่งพม่า
จุฑิมาศ สุกใส
นักศึกษาปริญญาโท สาขาสตรีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำงานขีดเขียนร่วมกับมูลนิธิสื่อสาธารณะ และ สำนักข่าวชาวบ้าน www.thaipeoplepress.com
เธอบอกว่าชื่นชอบงานวิจัยกว่างานใดๆ อีกบทบาทจึงเป็น “นักวิจัยอิสระ” โดยเป็นนักวิจัย “ โครงการวิจัยเพื่อเพื่อสำรวจสถานการณ์การดำเนินการของโรงพยาบาลเพื่อการเข้าถึงสุขภาพและการสร้างหลักประกันสุขภาพทางเลือกสำหรับคนไร้รัฐ” ภายใต้ชุดโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายหลักประกันสุขภาพของคนไร้รัฐในประเทศไทย http://gotoknow.org/blog/health4stateless-a2/toc
พัฒนพันธ์ บูระพันธ์
นักศึกษาปริญญาโท ที่สนใจเรื่อง “แรงงานข้ามชาติ” จึงศึกษาเรียนรู้โดยเป็นอาสาสมัครโครงการ Laws Awareness and Legal Aid for Burrmese Migrant Workers ภายใต้องค์กรคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในพม่า(กรพ.)
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ประชาไทออนไลน์ www.prachatai.com กับบทบาทในการสื่อสารเรื่องราวของคนชายขอบต่อสังคม
ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์
นักพัฒนาเอกชนแห่งมูลนิธิกระจกเงา กับบทบาทการให้ความช่วยเหลือและเป็นสื่อกลางในการสื่อสารเรื่องราวของชาวเล เพื่อสร้างความเข้าใจต่อสังคม
อย่าลืมเขียนถึงชลฤทัยด้วยค่ะ