บันทึกนี้ เป็นเรื่องราวของ AAR ประสบการณ์การบริหารการทำงานบริการสุขภาพในชุมชนในช่วงหนึ่งของเดือนมีนาคม กุมภาพันธ์ 2551
เมื่อน้องๆของฉันผ่านการเรียนภาคทฤษฎี การใช้น้ำส้มสายชูป้ายปากมดลูกเพื่อตรวจหาร่องรอยโรคของปากมดลูก ตามแผนงานบริการที่บรรจุไว้ปี 2551 น้องๆของฉันก็ฟิตจัด เร่งมือลงทำงานบริการในชุมชน ยิ่งการลงไปให้บริการได้รับความนิยมมากเท่าไร ก็ยิ่งลุยงานกัน ใครเชิญชวนมาให้ไปจัดบริการก็ตอบรับหมด จนมาถึงวันหนึ่ง ซึ่งเป็นที่มาของการทำ AAR ที่มาบันทึกไว้นี้
วันหนึ่งของกลางเดือนมีนาคม กุมภาพันธ์ 2551 เวลาบ่าย 2 โมง กรี๊ง......กริ๊ง..........กริ๊ง............เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้น เสียงที่ส่งผ่านมาตามสายเป็นเสียงของคุณหนุ่ม ข้าราชการหนุ่มใหญ่ระดับหัวหน้ากองของเทศบาลเมืองกระบี่ที่คุ้นเคยกัน
ฉัน "สวัสดีค่ะ คุณหนุ่ม ไม่ได้คุยกันซะนาน งานยุ่งไหมค่ะ"
คุณหนุ่ม "หมอครับ ตอนนี้ผมลงมาที่ชุมชน..... คนที่ชุมชนโทรไปบอกให้ผมลงมา..........มีเรื่องราวของลูกน้องหมอจะบอกครับ..........การจัดบริการใกล้บ้านใกล้ใจที่มาทำในชุมชน.........ดูเหมือนจะสร้างความแตกแยกให้ชุมชน........วันนี้มีปัญหาว่าจะมาใช้สถานที่ของชุมชนโดยชุมชนไม่ได้รับรู้....ผมได้พูดคุยกับพยาบาลที่มาที่ชุมชนวันนี้...คุยกับเขาว่า ไม่สมควรที่ลงมาใช้สถานที่ในชุมชนโดยไม่มีการบอกกล่าว....แล้วผมรู้สึกไม่ดี......ผมจึงบอกเขาว่า......ผมจะโทรมารายงานหมอด้วยครับ....แล้วเขาก็ให้โทรมาครับ"
ฉัน "อ้าว.....เหรอค่ะ......หมอเห็นด้วยค่ะว่าที่น้องลงไปใช้สถานที่ของชุมชนโดยไม่บอกชุมชนให้รับรู้นั้นทำไม่ถูก......หมอขอโทษแทนน้องๆด้วยนะค่ะ.......ค่ะ.......ค่ะ.......ค่ะ........ขอบคุณค่ะ" ( ค่ะหลายคำนั้น หมายถึงมีเรื่องอีกยืดยาวที่ชายหนุ่มบอกกล่าว และมีการแลกเปลี่ยนกับฉัน ก่อนที่จะฉันจะยุติคำสนทนาลงด้วยคำกล่าวขอบคุณ)
แล้วหลังเลิกงาน ฉันก็ไปคลินิกตามปกติ ในระหว่างเวลาว่างจากคนไข้ที่คลินิก ฉันอดนึกไปถึงเรื่องราวของตอนกลางวันไม่ได้ ด้วยความสะกิดใจ ฉันจึงโทรศัพท์ไปถึงน้องหัวหน้างาน PCU ขอให้พาฉันไปบ้านประธานชุมชนในค่ำคืนของวันนั้น ด้วยฉันสะกิดใจว่า อาจจะมีเบื้องหลังบางอย่างที่ฉันควรจะรู้ให้เร็วก่อนถึงวันรุ่งขึ้นที่น้องๆของฉันจะออกไปให้บริการจริง
เวลาทุ่มตรงคือเวลานัดหมาย ผู้ที่ลงไปยังชุมชนมีด้วยกัน 3 คน คือ ฉัน น้องอี่ หัวหน้าพยาบาล PCU และ น้องสาว พยาบาลวิชาชีพใน PCU ร.พ.กระบี่
เนื่องจากเราไม่เคยรู้จักกัน ประธานชุมชนดูงุนงงที่จู่ๆฉันแวะไปขอพบยามค่ำคืน ฉันจึงให้ข้อมูลว่า ฉันมาเพื่อจะขอโทษที่ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมนักเกิดขึ้นในชุมชนของเขา เหตุที่มาหาเพราะร้อนใจ อยากจะได้ข้อมูลว่า น้องๆฉันมาทำอะไรไว้บ้างที่เป็นการล่วงเกินเขา เราได้พูดคุยกันอยู่ราว 2 ชั่วโมง
หลังจากพูดคุยกับประธานชุมชนแล้ว ฉันกับน้องๆก็ย้ายที่ไปขอคุยกับผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ในช่วงกลางวันของวันนี้ เพื่อขอรับทราบความคิดเห็น เราย้ายไปที่บ้านคุณลุงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ประธานชุมชนเอ่ยเล่าถึงว่า มีจิตอาสาในการช่วยดูแลทรัพย์สินส่วนกลางของชุมชน คือ ที่ทำการชุมชน โดยไม่รู้เหนื่อย ทั้งๆที่ไม่มีค่าตอบแทน
คุณลุงท่านนี้เป็นอดีตครูที่เกษียนราชการแล้ว โชคดีที่บ้านคุณลุงยังไม่ปิด เพราะเป็นร้านค้าเล็กๆในชุมชน เมื่อเราไปถึง ภรรยาเป็นคนรับหน้าเรา เราจึงแนะนำตัวเองและเนื่องจากเป็นร้านค้า เราจึงถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับพยาบาลของเรา เธอบอกว่า เธอได้ยินคำพูดบางอย่างที่ดูเหมือนพูดกับพยาบาลว่า "นี่ถ้าเป็นผู้ชายพูด น่าจะมีเรื่องพูดกันยาว" แต่จะเป็นเรื่องของอะไรนั้นไม่รู้ บังเอิญมีคนที่แวะมาซื้อของได้ยินเรื่องที่กำลังสนทนา เธอคนหลังก็บอกเช่นกันว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น แล้วภรรยาก็เชิญคุณลุงให้มาคุยกับเราด้วยการบอกคุณลุงว่า "หมอมาธุระด้วย ออกมาคุยด้วยหน่อย"
เราแนะนำตัวเองให้คุณลุงทราบว่า เรามาจากร.พ. และทราบว่ามีเรื่องราวที่ชวนไม่สบายใจเกิดขึ้นในชุมชนเกี่ยวกับการใช้สถานที่ในชุมชน และเราไปคุยกับประธานชุมชนมาแล้วทราบว่า คุณลุงเป็นจิตอาสาที่ดูแลอยู่ เราจึงมาเพื่อขอคำแนะนำจากคุณลุงว่า มีอะไรบ้างไหมที่เราได้ล่วงเกินไปแล้วต้องการให้เราปรับปรุง เราได้คุยกันอยู่จนกระทั่งเกือบ 5 ทุ่ม จึงขอตัวแยกย้ายกันลาจาก
สรุปว่าในค่ำคืนนั้น เราใช้เวลาอยู่ในชุมชนนานถึง 5 ชั่วโมง เป็น 5 ชั่วโมงที่ทำให้ฉันได้อะไรเกินความคาดหวังอยู่หลายเรื่องในมุมของเครื่องมือ 7 ชิ้นของคุณหมอโกมาตร ซึ่งจะขอเล่าต่อไปในบันทึกอื่น
สิ่งที่จะค้นหาจากการลงชุมชน
AAR หลังลงไปในชุมชน
สิ่งที่ได้ตามคาดหวัง
สิ่งที่เกินความคาดหวัง
สิ่งที่จะปรับปรุงหากมีโอกาส
ความดีที่ได้สัมผัสและประทับใจ
บันทึกเรื่องนี้ เขียนขึ้นเพื่อพยาบาลที่ลงทำงานในชุมชน เพื่อเตือนให้สนใจประวัติศาสตร์ชุมชน และอยากบอกว่า
"หากประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องของอดีต สังคมที่ผันผ่านไปทุกวี่วันและความผันผวนต่างๆในสังคมของยุคปัจจุบันก็หมายรวมเป็นประวัติศาสตร์ชุมชนด้วย เพราะในวิถีแห่งพุทธ อดีต หมายถึง เรื่องราวที่ผ่านพ้นมาแล้ว"
24 กุมภาพันธ์ 2551
แวะมาอ่านครับ
หมอเจ๊
ดูๆ ไปก็รู้ว่าห่างไกลจากความเป็นอยู่ส่วนตัว... แต่ระลึกถึงเรื่องที่เด็กวัดวัยรุ่นเคยเล่าให้ฟังนานมากแล้ว ซึ่งอาจเป็นข้อคิดบางอย่างได้บ้าง...
เด็กวัดเล่าว่า มีน้องชายเล็กๆ ต่างพ่ออีกหนึ่งคน น้องชายของเขาอายุราวสองขวบ กำลังซนสุดๆ...วันก่อนเค้ากลับบ้าน ก็มีคณะพยาบาลสาวสวยมาเยี่ยมที่บ้าน... เค้าจึงจ้างน้องชายคนเล็กนี้ 5 บาท ให้ไปเปิดกระโปงพยาบาลที่นั่งคุยกับคนอื่นๆ ภายในบ้าน...
ปรากฎว่า่ สำเร็จ ... และหลังจากวันนั้นมา พยาบาลสาวคนนี้ ก็ไม่เคยโผล่ไปยังหมู่บ้านอีกเลย...
แต่อ้างอิงได้ว่า เหตุการณ์คาดไม่ถึงทำนองนี้ อาจเกิดขึ้นได้กับพยาบาลสาวๆ หรือคุณหมอสวยๆ ที่นุ่งกระโปงเข้าไปเยี่ยมชุมชนภายในหมู่บ้าน...
เจริญพร