คุณอนามัยบอกว่า อีก 10 นาทีเขาแย่แน่เลย(ระยะทางเป็นสิบกิโลบนเขา) เพราะพิษตัวต่อป่าทำให้เขาเกิดหลอดลมบวมด้านใน ทำให้ตีบหายใจไม่ออก
ผมเคยเป็นเด็กแว้นมาแล้ว อิอิ..จิงจิ๊ง....
เด็กแว้นสมัยนี้ไม่ได้ครึ่งผมร็อก อิอิ..จิงจิ๊ง..
ปี 2518 นั้นผมเข้าทำงานพัฒนาชนบทที่ อ.สะเมิงเชียงใหม่กับมูลนิธิ ฟริดริช เนามัน ในสังกัดสำนักงานเกษตรภาคเหนือ ซึ่งมี ดร.ครุย บุญยสิงห์ เป็นผู้อำนวยการ อาคารสำนักงานที่ตั้งใหม่ๆสมัยนั้นกลางคืนไม่ค่อยมีใครกล้าขึ้นไปหรอกครับ เพราะต้องผ่านสุสานตระกูลนิมมานเหมินทร์ แต่ปัจจุบันนี้คนแห่กันขึ้นไปนั่งกินอาหารมื้อเย็นที่ร้านกาแลเพื่อเอาบรรยากาศมองดูเชียงใหม่ยามค่ำกัน ที่นั่งเต็มทุกคืน
เราไม่ได้นั่งที่นี่ประจำหรอกครับ แต่ 1-2 เดือนจะออกมาประชุมกันที่นี่ ส่วนใหญ่ก็ประชุมในพื้นที่ มูลนิธิใจป้ำซื้อมอเตอร์ไซด์ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนคนละคัน เมื่อทำงานครบ 3 ปี เอารถไปเล้ย.. ดังนั้น มร.เคล้าส์ เบทเทนเฮาเซน ผู้แทนมูลนิธิบอกว่า “คุณต้องดูแลมอเตอร์ไซด์เหมือนเทคแคร์ผู้หญิง” อิอิ เท่านั้นเองแหละ เราก็ไปที่ศูนย์ขายรถมอเตอร์ไซด์แล้วขอให้ช่างสอนวิธีการซ่อมและดูแลรักษา มอเตอร์ไซด์เบื้องต้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในพื้นที่ที่ลำบาก
อำเภอสะเมิงนั้นเป็นชนบทชั้นสาม ความจริงอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ยากลำบากเพราะต้องขึ้นภูเขาด้วยเส้นทางที่เป็นถนนลูกรัง มีฝุ่นกับโคลน คือฝุ่นในฤดูแล้ง และโคลนในฤดูฝน และเป็นดินเหนียวจึงมีความลื่นมาก มีอันตรายเมื่อถนนเป็นทางลาดชัน เกิดอุบัติเหตุทุกปีและมีการเสียชีวิต
ทุกวันเราจะขับมอเตอร์ไซด์ไปตามหมู่บ้านต่างๆทั้งอำเภอ พบปะเกษตรกร ประชุม พูดคุย บางทีก็กลับมาดึกดื่นเพราะกลางวันชาวบ้านทำไร่ทำนาก็อาศัยช่วงกลางคืนประชุมกัน และหลายครั้งก็คุยกันเพลินถึงตีหนึ่งตีสองก็ขับมอเตอร์ไซด์กลับที่พัก และบ่อยครั้งก็นอนที่บ้านชาวบ้านนั้นเลย เราเฉลี่ยวันหนึ่งเราขับมอเตอร์ไซด์ 60-80 กม.
ปีหนึ่งท่านนายอำเภอจัดงานประจำปีและให้มีการแข่งมอเตอร์ไซด์วิบาก เป็นระยะทาง 80 กม. มีมอเตอร์ไซด์เข้าแข่ง มากกว่า 20 คันในจำนวนนี้มีมืออาชีพประมาณ 5 คัน แน่นอนผมในฐานะเจ้าถิ่นลงแข่งด้วย อิอิ ปรากฏว่าผมชนะครับรับถ้วยรางวัลและเงินสด 3,000 บาท เสร็จแล้วเอาเงินไปเลี้ยงเพื่อนและชาวบ้านหมดไป 4,000 บาท อิอิ สม...
ทุกวันหยุดเราจะถอดฝาสูบออกมาขัดรอยขะเม่า ทำความสะอาดแหวนลูกสูบ ถอดเอาโซ่มาต้มอุ่นๆกับน้ำมันเกียร์ เพื่อให้น้ำมันแทรกไปในข้อโซ่ ซึ่งเป็นการยืดอายุการใช้งาน มอเตอร์ไซด์เราต้องบรรทุกหนัก บางทีเราก็รับชาวบ้านซ้อนท้ายไป 2 คน แอ่นไปเลยครับ ขึ้นภูเขาด้วย บางทีเราก็ช่วยชาวบ้านขนหมู ขนไม้ การรับน้ำหนักของมอเตอร์ไซด์จึงต้องดัดแปลงเป็นพิเศษ เพื่อกิจกรรมที่เราคาดไม่ถึง ดังนั้นการดัดแปลงเราใช้ลวดมารัดตรงซี่รถล้อหลังที่ไขว้กัน มัดให้แน่นจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งการบรรทุกได้ ระบบความปลอดภัยนั้น แน่นอนที่สุดหัวหน้างานเป็นชาวต่างประเทศจึงบังคับให้สวมหมวกกันน็อค ใส่ถุงมือ ใส่รองเท้าหุ้มหน้าแข้ง ก่อนใช้รถต้องสำรวจความพร้อมเรื่องไฟ เรื่องน้ำมันเครื่อง ฯลฯ
เส้นทางในพื้นที่เป็นไหล่เขาเลี้ยวไปเลี้ยวมา ด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง อีกด้านหนึ่งก็เป็นหุบเหว อิอิ หากขับรถโดยประมาทละก็ โน่น ก้นเหว...ซึ่งเราไม่เคยเกิดขึ้นครับ
สภาพพื้นที่สองข้างทางในอำเภอสะเมิงนั้นก็คล้ายๆภาคเหนือทั่วไปที่มีต้นสนขึ้นโดยทั่วไป ท้องถิ่นเรียกสนเกี๊ยะ ที่ชาวบ้านจะไปขุดตรงโคนเพื่อรองเอาน้ำมันสนไปขาย และนี่คือสาเหตุการทำลายทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เพราะต้นสนเมื่อโดนขุดโคนต้นก็จะทำให้เป็นจุดอ่อน ไม่มีความแข็งแรง เมื่อฤดูฝนมาถึงต้นสนจำนวนไม่น้อยล้ม โค่นลงเพราะแรงลม และหลายครั้งโค่นลงมาปิดถนนที่เราใช้สัญจรไปมา หมดสิทธิ์ใช้ถนน ดังนั้นรถปิคอัพที่วิ่งในสะเมิงจะต้องมี มีด เลื่อยติดรถทุกคันเอาไว้แก้ปัญหา อันนี้ไม่เท่าไหร่ครับช่วยกันได้ แต่ขณะขับรถแล้วเกิดพายุฝนมานี่ซิ กลัวโดนแจ๊คพอท ซึ่งก็เคยมีจริงๆที่ต้นสนโค่นลงมาทับรถที่วิ่งบนถนนนั้น จะเหลือหรือ..
เรื่องรถล้มไม่ต้องถาม เรานับกันว่าแต่ละปีใครทำสถิติมากที่สุด รถที่เราทนุถนอมอย่างสาวสวยนั้น พังหมดเพราะรถล้มนี่เองโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนนี่แหละครับ
ผมเองเคยซิ่งมอเตอร์ไซด์สุดชีวิตสองครั้งครับ ครั้งหนึ่งลูกชาวบ้านอายุสัก 5 ขวบ เกิดกินน้ำมันก๊าดเข้าไปในท้องโดยไม่รู้ กำลังทุรนทุลาย ผมต้องซิ่งสุดชีวิตเอาเขาส่งสถานีอนามัยที่อำเภอ ปรากฏรอดครับ เพราะล้างท้องทัน แต่น้องน้อยคนนั้นเข็ดไปจนตายเลย
อีกครั้งหนึ่งเราขึ้นไปเยี่ยมพื้นที่ชาวเขาเผ่าลีซอด้านติดกับเส้นทางไปอำเภอปาย ถนนไปหาน้องเอก น้องหมอสุพัฒน์ น้องกาแฟ นั่นแหละ แถวนั้นเราเรียกป่าเมี่ยง เพื่อนรักเกิดโดยตัวต่อป่าต่อยเอาตรงคอครับ เพียงไม่กี่นาทีเพื่อนเขาหายใจไม่ออก แค่นั้นเองครับ เขาทิ้งมอเตอร์ไซด์แล้วมาซ้อนท้ายผม ผมก็ซิ่งสุดชีวิตอีกเช่นกันไปอนามัยอำเภอ เป็นการขับมอเตอร์ไซด์ที่เร็วที่สุดในชีวิต ผมว่าเร็วกว่าตอนลงแข่งอีกครับ คุณอนามัยบอกว่า อีก 10 นาทีเขาแย่แน่เลย(ระยะทางเป็นสิบกิโลบนเขา) เพราะพิษตัวต่อป่าทำให้เขาเกิดหลอดลมบวมด้านใน ทำให้ตีบหายใจไม่ออก
โชคดี เขาทำบุญไว้มาก ที่สถานีอนามันมียาฉีดขยายหลอดลม ไม่เช่นนั้น เพื่อนรักคงไม่ได้มานั่งเป็นเศรษฐีส่งออกหัวไม้ดอกไปเมืองนอกคนนั้นหรอกครับ
เฒ่าแว้น...อย่างผมก็มีประโยชน์นะครับ ช่วยชีวิตคนได้ถึงสองคน ..ยิ้ม ยิ้ม..
จุ๊ จุ๊..น้องอ้อย สาวๆวิ่งตามยังกะดารา สมัยนี้หรือ หุหุ บวมฉุเลย ยั้งไม่อยู่ เอ้า เลยตามเลย ฮ้า.....