ด้วยเคยมีประสบการณ์ในการทำงานด้านการจัดการความรู้ในเครือข่ายหน่วยบริการด้านสุขภาพมาประมาณปีกว่าๆ พอจังหวัดต้องมีการดำเนินการบริหารความรู้ในหน่วยงานของจังหวัด โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ต้องได้รับการประเมินจาก กพร. มีเงื่อนไขว่าควรจะดำเนินการจัดการความรู้ (KM) ในยุทธศาสตร์ที่เสนอเพื่อการเปลี่ยนแปลง(Blue print for change) จากเดิมที่คิดว่า สสจ.หนองคายซึ่งเป็นเจ้าภาพรับผิดชอบตัวชี้วัดนี้จะเอากระบวนการการจัดการความรู้ที่ทำในโรงพยาบาลเครือข่ายเพื่อรับการประเมินโดย กพร. ก็มีอันต้องเปลี่ยนไป ความกังวลก็เกิดขึ้นทันที่ว่าจะเป็นภาระกับเรามากขึ้นหากต้องเริ่มต้นใหม่กับการทำกระบวนการจัดการความรู้ในยุทธศาสตร์ด้านเกษตร บังเอิญว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของการจัดทำ Blue print for change ของจังหวัดได้ประสานและเตรียมทีมงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมาร่วมประชุม หารือกัน อย่างทันท่วงที เห็นบรรยากาศของตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความกระตือรือร้นที่จะทำกระบวนการเพราะในหน่วยงานระบุจัดเจนว่าจะต้องทำ KM แต่ไม่รู้ว่ามันคือะไร ต้องทำอย่างไร จากจุดนี้เองก็เกิดมีกำลังใจขึ้นมาว่าการที่จะได้มีโอกาสในการพัฒนางานตามยุทธศาสตร์จังหวัดร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ โดยอาศัยความรู้ประสบการณ์ที่ตังเองมีบวกกับทีมงานเดิมที่ช่วยกันทำ KM ในเครือข่ายบริการสาธารณสุข ก็มีความยินดีที่จะช่วยคิดช่วยทำ จึงได้รับที่จะเป็นพี่เลี้ยงในการดำเนินการบริหารความรู้ของหน่วยงานนำร่อง 3 หน่วยงาน คือ โครงการชลประทานจังหวัด สนง.เกษตรจังหวัด สนง.เกษตรและสหกรณ์ ประเด็นที่จะทำคือองค์ความรู้ที่เป็นในการพิจารณาโครงการชลประทานที่มีผู้นำมาเสนอขอให้พิจารณา ซึ่งเป็นทักษะด้านเทคนิคด้านชลประทานที่หน่วยงานเสนอให้ม้มีการพัฒนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์เรื่องการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการการเกษตรและการผลิต
ล่าสุดที่มีการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการ ก็ได้เสนอว่าควรมีการจัดตั้งคณะทำงานโดยให้ครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ คือ มีผู้อำนวยการจัดการความรู้แต่ละหน่วยงาน มีทีม Facillitator ทีม IT และทีมเลขานุการ หรือมีทีโสตทัศนูปกรณ์ ให้ครอบคลุมเพื่อรองรับกิจกรรมที่ระบุตามกระบวนการ ส่วนทีม KM กลางทาง สสจ.จะรับผิดชอบจัดให้ ตามแผนที่เสนอไปยังกพร. เดือนมีนาคม 2549 นี้จะมีการทบทวนแผน ตาม Format ของสถาบันเพิ่อมผลผลิตแห่งชาติก่อนที่เริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน ก็คงพร้อมกับอีกหลายๆจังหวัดที่จะต้องทำเช่นกัน
ไม่มีความเห็น