ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
1) ประสิทธิภาพการทำงาน
การทำงานนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาคที่สามารถขจัดได้
- Hepa air Filter เป็นชนิดที่มีประสิทธิภาพการทำงานมากที่สุด
ถึง 99.97% สามารถกำจัดอนุภาคที่มีอนุภาคเล็ก
ได้ถึง 0.3 ไมครอน
และเล็กละเอียดถึง 0.01 ไมครอน
2) ความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน
- Hepa air Filter จะมีอัตราการครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า
1,000
ตารางฟุต หรือน้อยกว่า
เปรียบเทียบ กับระบบโอโซน และ
ประจุลบ จะครอบคลุมได้น้อยกว่า
- แต่เครื่องฟอกอากาศ
เพียงตัวเดียวไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ทั้งบ้าน
ผู้ซื้อควร สอบถามจำนวน ปริมาณลม
(หน่วย
ลูกบาศ์กฟุต / นาที) แล้วเปรียบเทียบกับขนาดห้อง (หน่วย ตารางฟุต
หรือ ตารางเมตร) ถ้า
ปริมาณลมน้อย แต่ ขนาดห้องใหญ่
ความสามารถในการครอบคลุมจะไม่ทั่วถึง
3) ค่าไฟฟ้า
- เป็นส่วนสำคัญมากในการจะคิดค่าไฟฟ้าว่าใช้ไปเท่าไหร่
คิดเป็นรายปี และ จำเป็นจะต้องดู จำนวน
(วัตต์) ถ้าจำนวนวัตต์สูง อัตราการกินไฟก็สูงขึ้นด้วย
และคิดตามสมการดังต่อไปนี้
:
(จำนวนวัตต์
/ 1,000)
x ค่าไฟฟ้าต่อยูนิต
x
ชม.การทำงาน
+
ค่า
FT =
ค่าไฟฟ้าที่ใช้
4) ราคาในการเปลี่ยน และ
การบำรุงรักษา
- ราคาในการเปลี่ยนของระบบ
air filter
ภายใน
3, 6
เดือน
และ 1ปี
ควรคำนึงให้คุ้มค่ากับการลงทุน
ในเรื่องของประสิทธิภาพราคา ราคาเครื่องต่ำไม่ได้แสดงว่าเครื่องฟอกอากาศที่เราซื้อคุ้มค่าราคา
ซึ่งเราต้องดูวิธีการที่ใช้ในการฟอกอากาศ
และในการเลือกซื้อ ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้รวมกัน
ซึ่งบางรุ่นจะแพงกว่าราคาซื้อเครื่อง
.
ราคาต่ำ
+ ราคาต่อ ตารางฟุต หรือ
ตารางเมตร = ได้ประสิทธิภาพราคา
.
- สำหรับระบบประจุลบ
และ โอโซน
จะต้องการเพียงแค่ การบำรุง และ ทำความสะอาด แต่แผ่นแก้วจะแตกง่าย
ส่วนระบบ UV จะต้องการ
การเปลี่ยนทุก ๆ 1 - 5 ปี หรือ
น้อยกว่านั้น –
คำถาม-คำตอบ
1. สาเหตุของโรคภูมิแพ้ มาจากอะไรบ้าง และ มีประเภทใดบ้าง?
ตอบ :
โรคภูมิแพ้เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น ฝุ่น
(dust), ตัวไรฝุ่น
(dust
mite), แมลงสาบ
(cockroach), เชื้อรา
( mold), ขนสัตว์
(animal
dander ) หรือ
ละอองเกสรดอกไม้
(pollen) ซึ่งสารที่ก่อ
ให้เกิดปฏิกริยาภูมิไวเกินนี้ เรียกว่า
"allergen"
โรคภูมิแพ้สามารถแบ่งได้ตามอวัยวะ
ที่เกิดโรคได้ ดังนี้
1) โรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้
หรือ โรคแพ้อากาศ (nasal allergy)
2) โรคตาอักเสบจากภูมิแพ้
(ocular allergy)
3) โรคหอบหืด
(asthma)
4) โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
(skin
allergy)
2. โรคภูมิแพ้มีโอกาส
"หายขาด" หรือไม่?
ตอบ : ยา และ
วิธีรักษาสมัยนี้นั้น มีส่วนช่วยในการควบคุมอาการ
และ
ลดความรุนแรงของอาการลง เท่านั้น
ไม่ได้ทำให้หายขาดแต่อย่างใด สำหรับเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้
อาการจะลดความรุนแรงลงเองเมื่อ เด็กโตขึ้น ในบางราย
แต่นั้น
ก็ควรจะป้องกัน
อาการภูมิแพ้ในเด็กตั้งแต่เริ่ม
3. การใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นประโยชน์อย่างไร?
ตอบ :
เครื่องฟอกอากาศแตกต่างกันตามชนิดของ
filter
ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็น
Hepa filters (High efficiency
particulate air filters) หรือ
ชนิดที่เป็น Electrostotic precipitator
ที่จะทำให้กลายเป็น
ประจุลบก่อนจึงดักจับไว้ เครื่องฟอกอากาศ
มักจะได้ผล
กับสารภูมิแพ้ประเภทที่ลอยอยู่ในอากาศ เช่น ละอองเกสร เชื้อรา
มากกว่า การดักจับตัวไรฝุ่น
เครื่องฟอกอากาศ
บางชนิดสามารถกำจัดละอองเกสร
ได้เกือบร้อยละ 100 %
4. เครื่องฟอกอากาศใช้ได้ผลจริงหรือไม่?
ตอบ :
เครื่องฟอกอากาศ
มี
3
ชนิด
คือ แบบใช้ใส้กรอง
แบบใช้ประจุไฟฟ้า และ แบบผสม การ เลือกใช้
ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
และทำความสะอาดไส้กรองตามกำหนด ถ้าเลือกใช้
เครื่องฟอกอากาศไม่เหมาะสม
ก็จะไม่เกิดผล หรืออาจเป็นผลเสีย
โดยเครื่องฟอกจะกลายเป็นตัวเก็บ
และ กระจายฝุ่นเสียเอง
5. อะไรที่เป็นตัวสร้างอากาศเสียภายในห้อง?
ตอบ :
เนื่องจากภายในห้องที่เป็นห้องปิดนั้น
มีการถ่ายเทอากาศน้อย มลพิษ และเชื้อโรคต่าง
ๆ
อาจ ผ่านเข้ามา พร้อมกับการเปิดประตู หรือ หน้าต่าง
และเมื่อเราปิดประตู หรือ หน้าต่าง มลพิษ และ
เชื้อโรค ก็ยังคงหลงเหลืออยู่
ภายในห้องทำให้เราหายใจเข้าไป บางครั้งเครื่องทำความร้อน
และ ความเย็น ก็เป็น
ตัวที่ก่อให้เกิดมลพิษได้เหมือนกัน
อันเนื่องมาจากสารบางตัวที่ถูกปล่อยมาจาก
เครื่องในขณะที่เครื่อง ทำงาน
9. ในจังหวัด หรือ พื้นที่ที่มีอากาศเป็นมลพิษน้อย จำเป็นต้องใช้เครื่องฟอกอากาศหรือไม่?
ตอบ
:
เครื่องฟอกอากาศจำเป็นต่อบุคคลที่เป็นโรคภูมิแพ้
หรือ บุคคลทั่วไป ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องอยู่
ในพื้นที่ ที่มีอากาศเป็นมลพิษจำนวนมากเสมอไป
เพราะอากาศส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องปิด
และใช้เครื่อง ปรับอากาศ หรือ ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น
ๆ ภายในบ้านนั้น อากาศที่มีมลพิษปะปนอยู่
จะหมุนเวียนอยู่ ภายในโดยไม่ได้ถ่ายเทอากาศ
เมื่อหายใจเข้าไปก็จะสะสมเป็นอันตรายต่อสุขภาพได
10.
ทำอย่างไรเครื่องฟอกอากาศ
จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์
และ กลิ่นเหม็นสารเคมี ได้ดีที่สุด?
ตอบ :
ต้องมีปริมาณ CARBON ไม่น้อยกว่า
1,200
กรัม
และ โครงสร้างของ
Carbon
จะต้องเป็นแบบที่มีปริมาณรูโพรงที่มาก
และ กว้าง
จึงจะสามารถใช้ในการดักจับ และขจัดกลิ่นเหม็นได้ดี
-:-
สวัสดีครับ
จากศึกษาดู เครื่องฟอกที่ขายตัวแผ่นกรองก็มีเยอะ ราคาก็แพง ส่วนตัวผมแยกออกเป็นสองส่วนคือ 1.ระบบกรองอากาศด้วยแผ่นกรอง 2.ระบบการปล่อยประจุ ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นสองอย่างนี้รวมกัน ราคาค่อนข้างสูง ประสิทธิ์ภาพทางห้องทดลองก็โอเค แต่ของผมจะตัดการกรองอากาศที่มีฝุ่นออกไปก่อนส่วนตัวว่ามันต้องใช้แรงดูดมากเพื่อให้อากาศผ่านชุดฟิลเตอร์ที่หลายชั้นได้โดยไม่มีลมที่ลัดผ่านช่องอื่นๆของเครื่องก่อน และผมคิดว่าการกรองฝุ่นหยาบในแอร์บ้านหรือรถก็เพียงพอแล้ว(ในป่ายังมีฝุ่นเลย มีทุกที่ลองใช้ไฟฉายส่องดู) ผมจึงไปดูที่ระบบการปล่อยประจุ ซึ่งเดี๋ยวที่จะเน้นการปล่อยประจุ(-) ลบ ซึ่งจำลองได้จากสภาพอากาศในป่าเขา ทะเล ที่เราอยู่แล้วรู้สึกชดชื่น ปลอดโปร่ง แต่ที่ผมดูเครื่องรุ่นใหม่ที่กำลังออกตลาด มีระบบการปล่อย “ แอ็คทีฟไฮโดรเจน” และ “อ็อกซิเจนไอออน” ซึ่งเป็นระบบที่มีประสิทธิ์ภาพเหนือกว่ารุ่นก่อนๆ และมีการยอมรับจากทั่วโลก อีกอย่างเป็นเทคโนโลยีทางซัมซุงบริษัทแม่ จึงมั่นใจได้ว่าน่าเชื่อถือยึ่ห้อหนึ่ง อีกทั้งถ้าเน้นการฆ่าเชื้อไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ ส่วนตัวผมไม่อยากได้แพงมาก ขอความมั่นใจกันเงินที่จะเสียไป ไม่ได้โฆษณาหรอกครับแต่ชั่วโมงดีมาแรงดีviruszero จะสามารถเป็นไปได้หรือไม่ทดสอบดูครับ
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้ที่ห้องนอนตั้งไว้ 2 เครื่องเลยค่ะ เพราะเป็นภูมิแพ้ ตั้งแต่ใช้มาไม่มีอาการอีกเลย ตอนนี้ขาดไม่ได้เลยค่ะ....
โชคดีที่ปายอากาศดีไม่ต้องอาศัยเครื้องปรับอากาศ
พอดีมีญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง กำลังจะตัดสินใจว่าจะใช้กรองอากาศดีไหม (พอดีอยู่ที่อ.วังเหนือ จ.ลำปาง อากาศที่นั่นค่อนข้างดี ) เลยให้มาอ่านที่บันทึกนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ ในพื้นที่ ที่มีอากาศเป็นมลพิษจำนวนมากเสมอไป เพราะอากาศส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องปิด และใช้เครื่อง ปรับอากาศ หรือ ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ภายในบ้านนั้น อากาศที่มีมลพิษปะปนอยู่ จะหมุนเวียนอยู่ ภายในโดยไม่ได้ถ่ายเทอากาศ เมื่อหายใจเข้าไปก็จะสะสมเป็นอันตรายต่อสุขภาพได
ต้องขอพระขอบคุณมากๆค่ะ
เราแนะนำเครื่อง Ultrasun ของ อเมริกานะ
ตัวนี้ รพ เราใช้หลายเครื่องเลย เพราะตอนนี้เป็นเครื่องที่กรองอากาศได้ดีที่สุดแล้ว
นอกจากจะมี pre filter ยืดอายุการใช้งานของ Hepa filter
มันก็มีระบบปล่อยออกซิเจนไออน ให้อากาศบริสุทธิ์ ระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV
และเชื่อไหมว่าขนาดมีระบบฆ่าเชื้อโรคเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ก็ยังมีเชื้อโรค หรือพวกสารเคมีที่หลุดรอดไปได้
เลยต้องมีระบบ Photo-Catalytic oxidation คราวนี้จบเลยเชื้อโรคก็เชื้อโรคเถอะ ตายเรียบ