|
ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะรายงานล่าสุด อาหารขยะในประเทศไทยยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากการโฆษณาอาหารขบเคี้ยว อาหารจานด่วน อาหารทอด ฯลฯ ยังคงแข่งขันโฆษณาอย่างดุเดือด ข้อมูลข่าวสารยังคงหลั่งไหลมา ตามช่องทางต่างๆ และเข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็ว จนบางครั้งไม่ทันรู้ตัว และผลเสียต่อสุขภาพก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากผลสำรวจแนวทางการปฏิบัติตนเพื่อบำบัดโรค ยามเจ็บป่วยของคนกรุง ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 จำนวน 400 คน ที่มีอายุระหว่าง16-77 ปี พบว่าคนกรุงส่วนใหญ่ มีความรู้ด้านการดูแลสุขภาพร่างกายทั้งด้านอาหาร การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารเสริมและสมุนไพร ในระดับค่อนข้างมากด้วยคะแนนเฉลี่ย 7.02 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
แต่จากผลสำรวจชี้ว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 38.7 มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่มีประโยชน์เป็นประจำ ละเลยต่อการดูแลตนเองในภาวะร่างกายปกติ และจะหันมาดูแลสุขภาพตนเองเมื่อเจ็บป่วยเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่คนกรุงส่วนใหญ่ มีความรู้ด้านสุขภาพค่อนข้างมากแต่กลับไม่ให้ความสำคัญในการเลือกรับประทานอาหาร
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนทุกวัยเลือกรับประทานอาหารที่เน้นรสชาติความอร่อยเป็นหลัก คุณค่าทางโภชนาการเป็นรอง โดยเมื่อมีอาการเจ็บป่วยจะงดรับประทานอาหารรสจัด อาหารทอด อาหารโคเลสเตอรอลสูง เนื้อสัตว์บางชนิด และรับประทานผัก ผลไม้เพิ่มขึ้น รวมทั้งรับประทานอาหารเสริม วิตามินซี วิตามินบีรวม แคลเซียม และสมุนไพรควบคู่กันไป
แต่ปัญหาน่าเป็นห่วงที่พบคือ คนกรุงร้อยละ 37.5 จะกลับไปกินอาหารตามใจชอบมากกว่าพิจารณาถึงคุณค่าทางโภชนาการหลังจากที่หายป่วยแล้ว ซึ่งเป็นการเริ่มจับเวลาในการรักษาโรคอีกครั้ง
ภัยคุกคามจากอาหารขยะในทศวรรษนี้ เริ่มคืบคลานไปทั่วโลกโดยเฉพาะการเป็นโลกไร้สายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อได้อย่างรวดเร็วอย่างเช่นทุกวันนี้
จากการตรวจสอบการตลาดทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา พบว่า การโฆษณาอาหารขยะ Junk Food ได้พุ่งเป้าหมายไปที่เด็กมากกว่า 20 ชิ้นต่อวัน โดยสองในสามเป็นโฆษณาลูกกวาด และอาหารประเภทโภชนาการต่ำหรืออาหารขยะ ซึ่งทำให้เด็กๆ เหล่านั้นดูโฆษณาเกี่ยวกับอาหารขยะตั้งแต่ 8,000-40,000 ชิ้นต่อปี
ในประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2548 พ่อแม่และ ผู้ปกครองได้เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกการตั้งตู้ขายขนมขบเคี้ยวอัตโนมัติในโรงเรียน หลังจากที่แพทย์เตือนว่า บรรดาเด็กหนุ่มออสเตรเลียนครึ่งประเทศจะประสบปัญหาโรคอ้วนภายในปี 2568
ในประเทศอังกฤษ ก็พบว่ามีการรณรงค์ให้เด็กในโรงเรียนอนุบาลเลิกกินอาหารขยะ เมื่อเด็กๆ เริ่มยอมรับ พฤติกรรมเด็กจะเปลี่ยนไป งอแงน้อยลง บางคนที่ต้องกินยาช่วย ก็ไม่ต้องใช้ยาอีก ความจำของเด็กดีขึ้น จนรัฐบาลยอมให้ งบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนอาหารกลางวัน ให้แก่เด็กๆ ในโรงเรียน
นักวิทยาศาสตร์ไม่เพียงออกมาเตือนว่า อาหารขยะหรือจังค์ฟู้ด รวมทั้งขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้คนเราอ้วนขึ้น แต่ล่าสุดมีการวิจัยพบว่า อาหารจำพวกเฟรนช์ฟราย คุกกี้ และมันฝรั่งอบกรอบ มีส่วนทำให้การมองเห็น ของคนเราแย่ลง เนื่องจากขนมขบเคี้ยวที่มีไขมันสูงนั้น เพิ่มความเสี่ยงทำให้กล้ามเนื้อตาเสื่อมก่อนวัย เป็นสาเหตุให้คนอเมริกันอายุ 55 ปีขึ้นไปตาบอด หรือสูญเสียการมองเห็น
นอกจากนี้ ในรายงานล่าสุด ทีมนักวิจัยอังกฤษก็ออกมาเตือนอีกเช่นกันว่า ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ไม่ควรทานอาหาร ไขมันสูง รสหวาน หรือเค็มจัด รวมทั้งอาหารขยะ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทางที่ดีหญิงตั้งครรภ์ควรทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เพราะจากการศึกษาวิจัยที่แล้วๆ มา นักวิทยาศาสตร์เรียนรู้ว่า ในคนเรานั้น การรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะตั้งแต่ช่วงเริ่มแรกของชีวิตจะช่วยสุขภาพของเราในอนาคต และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และโรคหัวใจได้
รู้อย่างนี้แล้วคนที่ดำเนินชีวิตตามหลักชีวจิตคงต้องหันมาใส่ใจการบริโภคให้มากขึ้น โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่ควรเลือกทานให้เหมาะสม
คอลัมน์ วิถีชีวจิต - โดย เจสดาร์
สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆทุกคน
-
-
-
-
-
ยินดีที่ได้รู้จักคะ