23 มกราคม ไปสังเกตการณ์การประชุมกับชาวบ้านเรื่อง กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่ตำบลหนึ่งของอำเภออุทัย จังหวัดอยุธยา
การประชุมสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ในภาคเช้า และสมาชิก ธกส.ที่ไม่เข้ากองทุนฟื้นฟูฯในภาคบ่าย ทำให้ต้องตั้งคำถามกับเป้าหมาย “ธกส.เลี้ยงตัวเองได้” ตามที่กระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดกำหนดมา
ลักษณะที่เด่นชัดของพื้นที่ คือ สมาชิก ธกส.ที่เข้ากองทุนฟื้นฟูฯ จะมีที่ดินเป็นของตัวเอง ที่แกนนำกลุ่มใช้เป็นประเด็นเรียกคนให้เข้าเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูคือเพื่อไม่ให้ถูกยึดที่ดินทำกิน สมาชิกกองทุนฟื้นฟูที่พบ รู้เรื่องกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ฯ เรื่องเครือข่ายเกษตรทางเลือกไม่มากนัก ไม่ให้ความสนใจกระบวนการสร้างชุมชนเข้มแข็ง ไม่รู้เรื่ององค์กรชาวบ้านอื่นๆ แกนนำใช้การต่อสู้แบบเก่า คือ การเรียกร้องเอาจากรัฐ เแต่เมื่อได้รับฟังตัวอย่างชุมชนเข้มแข็งหลายพื้นที่ ก็ดูจะรับฟังด้วยความสนใจ เห็นว่าจะลองตามไปดู
ส่วนคนที่ไม่เข้ากองทุนฟื้นฟูในช่วงบ่าย พบว่า ล้วนเป็นผู้เช่าที่ดินอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่มีที่ดินให้ ธกส.ยึด กองทุนฟื้นฟูฯอาจไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรทั้งในทางหลักการและการปฏิบัติ กลุ่มชาวบ้านพอจะมีกิจกรรมกลุ่มและดูจะมีภูมิคุ้มกันตัวเองดีกว่ากลุ่มในภาคเช้า แม้ว่ากระบวนการกลุ่มจะไม่เข้มแข็งเหมือนอีกในหลายๆพื้นทื ที่น่าสังเกตคือ สมาชิกต่างก็พยายามหารายได้เสริม การกู้ยืมเงินจาก ธกส. ของชาวบ้านกลุ่มหลังนี้ ใช้วิธีค้ำประกันกันเองจึงพอจะมีคนช่วยตอนต้องคืนเงิน ที่สำคัญคือ มีลูกหลานทำงานโรงงานในพื้นที่และส่งเงินมาให้ทำให้พอจะมีสภาพคล่อง ชาวบ้านมีทัศนคติที่ดีต่อ ธกส. เห็นว่าให้บริการสะดวกรวดเร็วขึ้น และการมี ธกส. เป็นแหล่งกู้ยืมยังเป็นเรื่องจำเป็น
ที่เราเข้าใจว่า กลุ่มสัจจะฯหรือกลุ่มลดรายจ่ายวันละบาทเป็นที่รู้จักของชาวบ้านทั่วไปนั้น ดูจะไม่จริง แม้ในพื้นที่ที่น่าเข้าถึงข่าวสารได้ดีอย่างอยุธยา บางทีพื้นที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯเกินไป ฐานะทางเศรษฐกิจ (ทางกายภาพ) ดูพร้อมสรรพเกินไปจนเอ็นจีโอ สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานการพัฒนาภาครัฐมองข้าม ทั้งๆที่การพัฒนาที่แท้คือ การพัฒนาคน ไม่ใช่เพียงการพัฒนาทางกายภาพ
ผลพวงของการขอไปสังเกตการณ์อยุธยาครั้งนี้คือ ครั้งหน้าวันที่ 4 กพ. ต้องขึ้นไปเป็นวิทยากรจำเป็นจัดเวทีที่นครสวรรค์ เพราะนักวิจัยตัวจริงป่วย เห็นท่านหัวหน้าโครงการทำงานหนักและร้อนใจ เราจึงอาสาท่านว่าจะไปช่วยดูแลให้ ท่านก็เลยเบาใจ.. ถือว่า ได้ตอบแทนคุณที่ท่านอนุญาตให้เราไปร่วมสังเกตการณ์ครั้งนี้ที่อยุธยา..
บางทีพื้นที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯเกินไป ฐานะทางเศรษฐกิจ (ทางกายภาพ) ดูพร้อมสรรพเกินไปจนเอ็นจีโอ สถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานการพัฒนาภาครัฐมองข้าม
อืออ...เป็นจริงอย่างอาจารย์กล่าวนะ...ผมเป็นคนวิเศษชัยชาญก็ไม่ห่างจากอุทัยที่นี่สักเท่าไหร่ ในอ่างทองมีพื้นที่ที่ยังยากจนมากเหมือนกันโดยเฉพาะชายขอบรอยต่อจังหวัด แต่คนท้องถิ่นไปทำงานโน้นนนน ไกลโพน...มองข้ามเลยไปหมด.. เอ...กลับมาบ้านเกิดซะดีมั๊งนี่..
พื้นที่แถบภาคกลางโดนลัทธิบริโภคเข้าไปจนจับเข้ากระดูกแล้ว ผลิตได้เท่าไหร่ก็หมดกับการบริโภคนิยม ทำรายได้ไม่พอรายจ่ายว่างั้นเถอะ โครงการอะไรก็แล้วแต่ที่กล่าวถึงการลดรายจ่าย การเพิ่มการออม เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างมากๆเลยครับ ก็ไม่ใช่เฉพาะภาคกลาง ทุกภาค แต่ภาคกลางเข้าสู่การบริโภคก่อนใครๆ....
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
คนกลุ่มหนึ่งทำงานเพื่อให้คนรู้จักออม คนอีกกลุ่มหนึ่งพยายามกระตุ้นการบริโภคของผู้คน
ในสังคมไร้ระเบียบ ไร้ทิศทาง ไร้ระบบคุณค่าร่วม ต่างคนต่างทำตามความเชื่อของตนเอง นโยบายรัฐยังขัดแย้งในตัวเอง แล้วคนเล็กคนน้อยจะไม่ตกเป็นเหยื่อได้อย่างไร
เราไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นการบริโภค ใช้การลงทุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ การทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์สังคม ก็อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่เรามักไม่คิด หรือ คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร