เช้าวันนี้ที่สำนักงาน สคส. คุณสุนทรี เลขาฯ อาจารย์วิจารณ์ (เป็นคำเรียกอาจารย์ที่ทีมงาน สคส. เรียกกันจนติดปาก) นำหนังสือ “การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ” มาแจกทุกคนในสำนักงาน ทุกคนสนใจว่า อาจารย์วิจารณ์เขียนข้อความด้วยลายมือว่าอย่างไรบ้าง? กรณีคล้ายๆกัน เวลา อาจารย์ประพนธ์ (คำฮิตติดปากใช้เรียกอาจารย์) ออกหนังสือเล่มใดออกมา เราทีมงานทุกคนก็จะรับหนังสือพร้อม วลีสั้นๆ และลายมือชื่อของอาจารย์ ที่ผ่านมามี “ปัญญาญาน” และ “หลุด” ซึ่งคงจำกันได้ เป็นหนังสือที่อาจารย์ประพนธ์แปลมาจากนักเขียนแดนภาระตะ นามว่า Osho
,หัวหน้าเก่าผม (พี่จุมพล ไชยวงศ์) เคยคุยกันเล่นๆหลังเลิกงานตอนที่ทำงานพัฒนาชนบทมาด้วยกันว่า “หนังสือ 1 เล่ม นับเป็นอาจารย์ 1 คน” แต่จะเป็นอาจารย์ เป็นศิษย์ กันเนี่ย! ต้องอ่านก่อนนะ ไม่ใช่ว่าพอครอบครองเป็นเจ้าของแล้วจะเป็นโดยอัตโนมัติ เอ่ยถึงเรื่องนี้ ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ผมนึกถึงสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อก่อนที่ทำงานเก่าเราจะมีศาลาเล็กๆที่ต่อขึ้นมาแทรกระหว่างทางเดินจากโรงรถไปที่โรงครัว ศาลาหลังนี้มีชื่อว่า “ศาลาใจเย็น” คือจะเป็นที่สนทนาพูดคุยเรื่องราวจิปาถะ รวมทั้งเรื่องลึกๆในใจของแต่ละคน แน่นอนครับ การเปิดใจของคนก็มีหลายระดับ แต่ที่แน่ๆหลายครั้งที่เราใช้สถานที่ตรงนี้คุยกันในเรื่องที่เราเห็นต่างกัน บางครั้งก็ได้ข้อสรุป บางครั้งก็ไม่มีข้อสรุป แต่เราเจอหน้ากันก็ยังยิ้มให้กันได้ ทำงานร่วมกันได้ จนถึงเวลาที่หลายคนต้องแยกย้ายกันไปตามสายทางชีวิตบนเส้นทางใหม่
กลับมาที่หนังสืออีกทีหนังสือแต่ละเล่มที่ได้มาต่างก็มีจุดน่าสนใจที่ต่างกัน เช่น ปัญญาญาน และหลุด เน้นไปทางชวนคิด ชวนมองอะไรใหม่ๆ ผมรู้สึกว่ามันกระตุ้นให้สมองมันคิดตาม คิดแย้ง คิดทบทวน คิดเทียบเคียงกับชีวิตของคนอ่าน ส่วน นักจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ชวนลงมือทำ ที่รู้ว่าตัวเองได้มากก็คือ เวลาจะออกไปเป็นวิทยากรกระบวนการเรื่อง KM ที่ไหน ผมมักจะหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านประกอบ โดยเฉพาะเวลาที่นั่งคิด ตอนทำสไลด์นำเสนอ ที่ต้องอ่านเพราะว่าผมรู้ตัวดีว่ามีนิสัย “ขี้ลืม” เป็นที่สุด เลยต้องอาศัยดูหนังสือเล่มนี้ว่าประเด็นสำคัญที่ไม่ควรพลาด นั้นมีอะไรบ้าง อีกอย่าง ส่วนใหญ่ 80% ของสไลด์ที่ทำ ผมจะทำใหม่ไม่ซ้ำกัน โอกาสที่จะตกหล่นประเด็นดีๆอันเดิม ก็อาจจะมีสูง แต่หนังสือเล่มนี้ช่วยได้ครับ
ผมเชื่อว่าบางคนในทีมงานอาจจะคิดเหมือนกัน บางคนก็คิดต่างกัน แต่ที่แน่ๆมีการกระเซ้าเหย้าแหย่ระหว่างทีมงาน ”ไหนขอดูซิ อาจารย์เขียนเหมือนกันมั๊ย?” คลุกเคล้ารอยยิ้มของทั้งคนถามและคู่สนทนา
สิ่งเล็กๆเหล่านี้
แม้ดูเหมือนจะยากถ้าต้องอธิบายว่ามันเกี่ยวข้องอย่างไรกับ
“ดอกไม้ปลายทาง” ที่องค์กรต้องการจะบรรลุ
แต่ที่จับชีพจรตัวเองได้ว่า
มันช่วยหล่อเย็นจิตใจของคนทำงานบางขณะได้ไม่เลวเลยครับ