ผมได้อ่านหนังสือชีวจิต ฉบับที่ 223 ของรายปักษ์ 16 มกราคม 2551 ในหน้า 30-31 เป็นเรื่องของคุณหมอวิวัฒน์ วิริยกิจจา ซึ่งคุณหมอได้เข้าฟังเรื่องหลัก 23 ข้อ ในการทรงงานของในหลวงจากท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี บรรยาย โดยมีรายละเอียดในครั้งนี้เพียง 10 ข้อ สำหรับข้อที่เหลือจะนำมาเสนอต่อไป
"...ผม(คุณหมอวิวัฒน์) รู้สึกซาบซึ้งมาก อาจารย์เกษมอธิบายได้ชัดเจนเห็นภาพฟังแล้วรู้สึกว่าเราก็ทำตามได้ และพอนึกทบทวน ผมได้เดินตามรอยพระยุคลบาทในหลวงของเราอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ผมมั่นใจในการทำงานมากขึ้นไปอีก
ข้อที่ 1 จำทำอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ
อดีตทำอะไรมาบ้าง ทั้งเอกสาร สอบถามเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆ เช่น งานยาเสพติด ต้องดูข้อมูลให้ลึกซึ้ง ทำไมทำงานไม่สำเร็จ ต้องศึกษาข้อมูลต่างๆ ทั้งการพูดคุย การดูตัวเลข แต่อย่าให้ตัวเลขมาหลอกเราได้ผู้ยิ่งใหญ่เห็นแต่ภาพสวยหรู แท้ที่จริงเละตุ้มเป๊ะ แม้ทำไม่ได้ มีปัญหาตัวเลข ก็สวยหรู เพราะมีการคาดโทษ ต้องยอมรับความจริงก่อนแล้วลงมือแก้ไข ข้อที่ 2 ระเบิดจากภายใน สร้างความเข้มแข็งจากภายในให้เกิดความเข้าใจและอยากทำ มิใช่สั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจจะไม่ทำ แยกให้ออกระหว่างคุณค่ากับมูลค่า ว่ามีเหตุผล็อย่างไรจึงควรทำ ข้อที่ 3 แก้ปัญหาจากจุดเล็ก มองภาพรวมก่อนเสมอ แต่การแก้ปัญหาต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ ไม่เริ่มทีเดียวใหญ่ๆ และควรมองในสิ่งที่มักจะมองข้าม ถ้าปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ให้คิดแก้วปวดหัวก่อน เป็นคำพูดที่ฟังดูตลก แต่ลึกซึ้ง คิดใหญ่ทำเล็ก คิดกว้างทำแคบ คิดละเอียดทำหยาบ ลงมือทำในจุดเล็กๆ ก่อน สำเร็จแล้วจึงค่อยขยาย มิใช่สั่งทำพร้อมกันทั่วประเทศ ดูดี แต่ลงทุนสูง ได้ผลน้อย ในที่สุดทุกคนก็จะหมดแรง เพราะมีแต่คนสั่ง คนทำมีอยู่ไม่กี่คน ข้อที่ 4 ทำตามลำดับขั้น เริ่มทำจากความจำเป็นก่อน สิ่งที่ขาดคือสิ่งที่จำเป็น เช่น ประชาชนต้องแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพก่อน จากนั้นก็ไปแก้ที่สาธารณูปโภค แล้วต่อด้วยการประกอบอาชีพถ้าทำเป็นขั้นเป็นตอนก็จะทำให้สำเร็จได้ง่าย เช่น งานยาเสพติดรักษา --> ส่งเสริม --> ฟื้นฟู --> กลับอยู่ในสังคมปกติ เป็นคนดีของชาติ ข้อที่ 5 ภูมิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ การทำงานทุกอย่างต้องคำนึงถึงภูมิศาสตร์ว่าอยู่แถบไหน อากาศเป็นอย่างไร ติดชายแดน ติดทะเล และสังคมของเราเป็นอย่างไร นับถือศาสนาอะไร คนนิสัยใจคอเป็นอย่างไร รวมไปถึง พวกเรากันเองด้วย ถ้าไม่รู้เขารู้เรา จะรบชนะได้อย่างไร สั่งทำโครงการทั่วประเทศไม่ได้ ต้องดูเฉพาะพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขออกแบบสถานีอนามัยเหมือนกันทั่วประเทศ บางครั้งก็ไม่ดีนัก ข้อที่ 6 ทำงานแบบองค์รวม โดยคิดความเชื่อมโยง ทรงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มทางแก้ไขอย่างเชื่อมโยงองค์รวม <---------------------------> ครบวงจร เชื่อมโยง“เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” เป็นคำพูดที่ฟังแล้วโอเวอร์ไปหน่อย แต่ก็จริง ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวพันกัน แยกออกจากกันโดยเด็ดขาดมิได้ ข้อที่ 7 ไม่ติดตำรา ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด บางครั้งเรายึดทฤษฎีจนเกินไปทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งที่เราทำบางครั้งต้องโอบอ้อมต่อสภาพธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สังคม จิตวิทยาด้วย ข้อที่ 8 ประหยัด เรื่องง่ายได้ประโยชน์สูงสุด ทำได้เอง หาได้เองในท้องถิ่น ใช้เทคโนโลยีเรียบง่าย เช่น ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก ปล่อยให้ขึ้นเอง บางครั้งมีพิธีกรรมใหญ่โต ผู้ยิ่งใหญ่ทำพิธีปลูกป่าโดยนำรถไถไปไถที่ให้เรียบเพื่อปลูกป่า โดยทำลายต้นไม้ไปมากมาย น่าตลก เรื่องเช่นนี้ยังมีในสังคมไทยมากมายกรอบแนวคิดInput --------------------------------> Process ------------------------------> Outputประหยัด เรียบง่าย ประโยชน์สูงสุด ข้อที่ 9 ทำให้ง่าย ทำอะไรให้ง่ายๆ ทำให้ชีวิตง่าย โปรดรับสั่งทำสิ่งยากๆ ให้กลายเป็นิส่งที่ง่ายๆนักข่าวชาวฝรั่งเศสถามพระองค์ว่า พระองค์ทรงงานแบบใด ท่านตรัสตอบเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “ซิมปลีฟีเย่” ซึ่งภาษาอังกฤษแปลว่า ซิมพลีฟาย (simplify) ภาษาไทยแปลว่า ทำให้ง่าย คนส่วนใหญ่ชวนทำสิ่งง่ายๆ ให้เป็นสิ่งยากๆ ผมบอกเจ้าหน้าที่งานยาเสพติดว่า ถ้าใครโทรศัพท์มาของความช่วยเหลือ ให้ถามเขาคำแรกว่า “คุณจะให้ผมไปหาคุณหรือคุณจะมาหาผมเดี๋ยวนี้” ข้อที่ 10 การมีส่วนร่วม เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็น หัดทำใจให้หนักแน่น รับฟังความคิดเห็นการรับฟังคือการเก็บความคิด เราจะประมวลความคิดเพื่อมาใช้ประโยชน์การทำงานด้านยาเสพติด คนทำก็ควรช่วยคิด คนคิดก็ควรช่วยทำ คนทำไม่ได้คิด คนคิดไม่ได้ทำ จึงยุ่งยาก เพราะถ้าไม่ทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่คิดก็จะมีความผิด จนคนไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าคิด
..." ผมได้อ่านและได้นำไปใช้ในหลายข้อในขณะนี้ และที่ใช้บ่อยมากที่สุดก็คือการบอกให้นักศึกษาในการทำโครงการพิเศษก่อนสำเร็จการศึกษาเสมอว่ากรอบงานของโครงการพิเศษนั้นต้อง"คิดใหญ่"ไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าคิดงานเพียงเล็กน้อยก็จะทำ"เล็ก" ซึ่งในความจำเป็นก็คือคิดกว้างแต่เราสามารถทำแคบคือเลือกที่น่าสนใจ เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาเห็นว่ามีเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันก็สามารถขยับขยายขอบเขตโครงการพิเศษได้ทันที่โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งเป็นการเสียเวลา และอาจจะแสดงให้เห็นถึงความไม่รู้ลึกในเรื่องที่เราทำจนทำให้ไม่สามารถผ่านการสอบหัวข้อโครงการพิเศษได้ สำหรับข้ออื่นๆ เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกครับไม่มีความเห็น