ในบันทึกที่ผ่านมา
ครูวุฒิและคณะผู้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมมหาชีวาลัยอีสาน และบ้านพ่อคำเดื่อง
ได้พูดคุยและเปลี่ยนทัศนะและความเห็นกันระหว่างเดินทาง
สุดท้ายสรุปและโฟกัสไปที่
“การลุ่มหลงและมัวเมาในอบายมุข”
ซึ่งเป็นพฤติกรรมอันเป็นที่มาของความอ่อนแอ ของสังคมชนบทไทยอีสาน
โดยเฉพาะเรื่อง เหล้า-เบียร์ และเครื่องดื่มที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพทั้งหลาย
ถือได้ว่าเป็นมูลเหตุแห่งความอ่อนแอทั้งมวล
เป็นที่มาของค่าใช้จ่ายที่มากกว่ารายได้
เป็นที่มาของภาระหนี้สินในหลายรูปแบบ
บางครอบครัว (ไม่ใช่แค่บางคน)
ถึงกับหายนะก็เพราะความเมา
บางครอบครัวเสียไร่เสียนาก็เพราะเหล้า เพราะเบียร์
ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ จนแฉะตา
แต่ก็ไม่ใคร่มีใครใส่ใจ
ที่จะเอามาเป็นอุทาหรณ์สอนลูกบอกหลาน
หรือเล่าขานสู่กันฟังในแบบเชิงเตือนสติ
ส่วนครูเอง
ก็บอกได้สอนได้แค่นักเรียนตัวกะเปี๊ยกตอนที่อยู่ที่โรงเรียน
แต่.....ทั้งพ่อแม่ และพี่น้องชาวบ้านที่อยู่ที่บ้านและในชุมชน
กลับสอนวิธีดื่ม วิธีเมา (แบบไม่ธรรมดา)
ให้เขาเห็นอย่างเป็นธรรมชาติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เสมือนเป็นเรื่องธรรมดาและส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตมนุษย์เรา
และก็ได้ผลเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่ง
เพราะเพียงไม่นาน หลังออกจากโรงเรียนได้
พวกก็เมาหยำเป (เทห์! ...ซะไม่มี)
บางทีก็เดินซัดโซเซมาขอตังค์ครูซื้อเหล้าซะเลย
โทษฐานที่มีเงินเดือน
เห็นมะ!.....
เจ๋งกว่าการสอนด้วยปากของครูที่โรงเรียนเป็นไหนๆ
และเรื่องดังกล่าวนี้
ดูเหมือนจะไร้หนทางแก้ไข เพราะที่ไหนๆก็เหมือนกัน
รื่นเริงเฮฮาประสาไทย ใครก็เมา
โศกเศร้ากำสรด เราก็ซดให้สะใจ (ทั้งโก๋และไม่โก๋)
ภาพที่เห็นนี้
ครูวุฒิถ่ายไว้เมื่อคราวเสร็จงานศพงานหนึ่ง เมื่อกลางปีที่ผ่านมา
งานนี้ ขนาดเอาศพไว้แค่ 2 คืน
เสร็จงาน สรุปค่าเครื่องดื่มแบบอัดลมและมีแอลกอฮอล์
ร่วมๆ 20,000 (บาทครับไม่ใช่กีบ)
ส่วนคนตาย ได้บุญหรือเปล่า ไม่มีใครรู้
******************
แต่วันนี้ มีข่าวที่น่ายินดีชิ้นหนึ่ง
จาก นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันอังคารที่ 22 ม.ค. 51
ที่แม้จะเป็นเพียงข่าวหน้าในกรอบเล็กๆก็ตาม
แต่ครูวุฒิถือเป็นข่าวและแบบอย่างที่ดีมากๆ
ควรค่าแก่การเอาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเป็นข่าวสร้างสรรค์ ที่เกิดจากแนวคิดของ
หน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของตำบล
ซึ่งงานนี้
ครูวุฒิถือว่าเป็นการทำหน้าที่ได้ดี และเหมาะสมอย่างยิ่ง
เลยอยากให้แพร่หลายออกไปทุก อบต.ทั่วศรีสะเกษ
เป็นอย่างน้อย
งานนี้ ขอชมเชยในแนวความคิด
และความสามารถในการหลอมรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว
ของชาวตำบลหนองห้าง เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งสาระสำคัญเบื้องต้น
ก็คงอยู่ที่ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้านต่างๆ
ต่างก็มองเห็นภัยร้าย รวมทั้งอันตรายและความสูญเสีย
ทั้งในระยะสั้นและยาวของปัญหานี้ร่วมกัน
ครูวุฒิจึงขอปรบมือให้ตรงนี้...ดังๆ...
และที่สำคัญ
การประกาศวาระชุมชนเข้มแข็งในครั้งนี้
มีโรงเรียนเป็นศูนย์กลางการดำเนินการ
จึงขอยกนิ้วให้กับ รร.บ้านหนองห้างด้วยเช่นกัน
และสำหรับแนวคิดและวิธีการที่เยี่ยมยอดเช่นนี้
ครูวุฒิ เชื่ออย่างยิ่งว่า
ท่านรองพ่อเมืองไมตรี อินทุสุต
และท่านพ่อเมืองเสนีย์ จิตตเกษม ผู้เยี่ยมยุทธ
คงจะชักชวนพี่น้องชาวศรีสะเกษ
ประกาศวาระชุมชนเข้มแข็ง
“งานศพปลอดเหล้า”
ให้นำสู่การถือปฏิบัติได้จริง
ในทุกชุมชน ทุกตำบล และทุกหมู่บ้านของศรีสะเกษ
ได้สำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนในเร็ววัน
และ หากจะเชิญชวนต่อว่า
“งานอื่นก็เพลาๆ ลงบ้าง” ด้วย
ก็ยิ่งสุดยอด....ครับ.....
*******************
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ คุณครู
"ประชาคมหมู่บ้าน...งานนี้ปลอดเหล้า" ที่ตาอ็อง
ถือเป็นเรื่องที่ดีนะคะ...ช่วยลดค่าใช้จ่ายหลายสตังค์อยู่
1. Gutjang
เมื่อ อ. 22 ม.ค. 2551 @ 20:09
งานที่จัดในวัดและโรงเรียน ปัจจุบันนี้จะไม่ให้มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้วนะครับครูวุฒิ
ที่เห็นขวดนอนเมาระเนระนาดน่าจะเป็นตามบ้านมากกว่า
ยินดีกับศรีสะเกษด้วยที่ งานศพ ปลอดเหล้า เป็นตัวอย่างให้กับชุมชนอื่นๆได้ครับ บางชุมชนปลอดเหล้าแต่ไม่ปลอดการพนัน ( อ้างว่าเป็นเพื่อนเจ้าภาพ ) เป็นงั้นไป
โต
เมื่อ ศ. 25 ม.ค. 2551 @ 17:11
มาวันนี้หลายคนน่าจะเห็นความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับการจัดงานแบบปลอดเหล้านะคะ โดยเฉพาะงานศพ เพื่อไม่ให้คนตายได้ชื่อว่าขายคนเป็น มีงานวิจัยหลายชิ้นงานยืนยันว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายได้จริงและเกิดผลดีต่อเจ้าภาพอย่างเป็นรูปนาม ไม่ใช่แค่นามธรรม ทุกอย่างเชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่าไม่มีอะไรจะเสียมีแต่ได้
วันนี้ ชาวตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งแกนนำในเรื่องนี้เป็น อสม.และเป็นนักศึกษาโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต สาขาสุขภาพชุมชน กำลังรวมพลังให้เกิดเป็นรูปธรรม งานศพนี้เป็นงานที่ 3 แล้ว ที่พวกเขาดำเนินการ ไม่มีการต่อต้าน แต่ทุกคนยินดี จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีค่ะ
พอจะไปคุยกับชาวบ้านเรื่องนี้ เลยอยากหาข้อมูลเพิ่มเติม เลยได้อ่านเวปบล็อกของครูวุฒิ ชื่นชมมากค่ะ นักศึกษา ม.ชีวิต บางคน มีครูวุฒิเป็นต้นแบบในดวงใจนะคะ