ขุมความรู้จากละครเรื่อง "แดจังกึม..."


ถ้าผู้กำกับละครคือคุณอำนวย เขาให้ตัวละครคือคุณกิจ แสดง(เล่าเรื่อง)ให้เราดู แล้วเราคนดูน่าจะเป็นคุณลิขิตช่วยสรุปประเด็นความรู้ที่ได้กันหน่อยดีไหม?

ผมเคยเขียนบทความเรื่อง”แดจังกึม : ละครสะท้อนการปฎิรูปการศึกษาของไทย” ลงในหนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 27 ธันวาคม 2548 ซึ่งได้วิคราะห์บทบาทของ “แดจังกึม”ว่าเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ “ฮันซังกุง” เป็นครูมืออาชีพ และ “ชองซังกุง” เป็นผู้บริหารมืออาชีพ…ตอนนี้ละครยอดฮิตกำลังดำเนินไปใกล้จะอวสานแล้ว ถ้าเรามองการแสดงละครก็คือการเล่าเรื่องที่เป็นความรู้ฝังลึกในตัวละครแต่ละตัว(คุณกิจ) ดังนั้นเรื่องแดจังกึมก็น่าจะสะท้อนให้เราได้ขุมความรู้มหาศาล ซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกเรา(คุณลิขิต) ที่น่าจะมาช่วยกันกลั่นขุมความรู้ให้เป็นประเด็นความรู้หรือองค์ความรู้ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ว่าจะเป็นจากตัวละครตัวใด (จะร้ายหรือดีก็ได้) ที่ตนเองชอบที่บอกให้เห็นถึงเทคนิคที่ดีที่สุด(Best Practice)สักคนละ 1 ประเด็นความรู้หรือมากกว่านั้นก็ได้ ดีไหม?

ผมขอเริ่มก่อนก็ได้…”ผมชอบซอจังกึม ที่ใช้กระบวนการศึกษาเรื่องโรคของพระเจ้าจินจงอย่างลึกซึ้ง ถือเป็นวิจัยและพัฒนาที่ยอดเยี่ยมมาก เริ่มจากการใช้ความกล้าเข้าไปเอาประวัติพระเจ้าจินจงมาศึกษา รวมทั้งใช้ความรู้จากตำราและประสบการณ์จากหลายแห่งวิเคราะห์ร่วมกับหมอจังด๊อก(หมอติดดิน) แล้วใช้การวิจัยเชิงทดลองกับคนไข้ที่มีอาการของโรคเช่นเดียวกันที่อยู่ในชนบท 2 รายและรักษาจนหายดีก็จึงพบว่า ว่าโรคของพระเจ้าจินจงไม่ใช่เกิดจากอาหารเป็นพิษ และไม่ใช่ไข้หวัดแน่ เพราะมีแผลในพระโอษฐ์ก่อนที่จะประชวร ผิวที่พระบาทก็บวมแดง พระวรกายมีตุ่มแข็งและเจ็บ แผลหายช้า อักเสบง่าย และใช้เวลารักษานาน บางครั้งต้องฝังเข็มจึงจะหาย ซึ่งจากตำราคือโรคโฮอู” เป็นโรคที่แทรกซ้อนหลังจากเป็นไข้หวัด(คล้ายไข้หวัดนกนะ) ซึ่งเป็นอาการตับร้อนชื้นธรรมดา การรักษาต้องใช้ยา ยงตัน”เท่านั้น แต่เมื่อไม่มีใครเชื่อและรักษาอย่างผิด จึงทำให้พระอาการทรุดหนักลง เมื่อซอจังกึมมีโอกาสถวายการรักษาจึงให้เสวยพังกิ(นมวัว)กับโสมแดง พระอาการจึงหายเป็นปกติ (เล่นเอาคนดูใจหายใจคว่ำหลายตลบ)” นี่คือขุมความรู้ที่ผมได้และชอบมาก..

แล้วท่านล่ะได้ขุมความรู้จากใคร?และ เรื่องอะไรบ้าง ช่วยบอกกันหน่อยเน้อ…จึงจะเป็นแฟนพันธุ์แท้แดจังกึมจริง...

 

 

หมายเลขบันทึก: 16028เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2006 22:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
จาก"แดจังกึม"เหมือนที่อาจารย์เขียนค่ะ  แต่คิด ๆ แล้วขุมความรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องหมั่นศึกษา และสนใจด้วยค่ะ เหมือนซอจังกึม ที่พยายามแอบเอาประวัติการรักษา เพราะสนใจและมีเป้าหมายในการทำงาน ขอบพระคุณมากค่ะ

     ขณะที่ยังไม่มีคุณลิขิตท่านใดสรุปขุมความรู้ออกมา  ผมก็ขอนำเสนออีกครั้งว่า..........

จุดเด่นของละครเรื่องนี้ที่ทำให้คนติดกันทั้งเมือง ก็คือความลุ่มลึกของบทบาทตัวละครที่สะท้อนแง่มุมของชีวิตที่หลากหลายในทุกฉากตอน ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิต และปฏิบัติงานของทุกคนและทุกวงการอาชีพได้เป็นอย่างดี

คนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้แดจังกึมคงจะซาบซึ้งกับวิถีชีวิตของซอจังกึม ซึ่งภูมิหลังของเธอตั้งแต่เด็กจนโตก็พบกับอุปสรรคสารพัด แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ มีความมุ่งมั่นพยายาม ใฝ่รู้ใฝ่เรียน สั่งสมองค์ความรู้ในทุกโอกาส รู้จักสมุนไพรทุกชนิด ช่างสังเกตจดจำและสามารถใช้ความรู้หลายสาขามาบูรณาการปรุงอาหารที่ได้ทั้งความอร่อยและมีคุณต่อสุขภาพ

นอกจากซอจังกึมจะเป็นแบบอย่างของซังกุงในการปรุงอาหารแล้ว เธอยังเป็นแบบอย่างของแพทย์มืออาชีพที่มีอุดมการณ์ และมีจรรยาบรรณแพทย์สูงส่ง เธอมีโอกาสได้เรียนรู้และซึมซับจากแพทย์มืออาชีพ(ครูหมอ)ที่เชี่ยวชาญหลายสาขา คือ ชองอุนแป จังด็อก และซินอิ๊กบี โรงเรียนการแพทย์ของเธอก็คือเขตชนบทที่แห้งแล้งทุรกันดาร ที่ชาวบ้านประสบกับโรคระบาดและชะตากรรมในภาวะวิกฤติหลายๆรูปแบบ ที่ถูกทอดทิ้งจากทางการ ซึ่งเป็นช่องว่างทางชนชั้นของคนในสังคมสมัยนั้น การเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เธอมีโอกาสได้คิดค้นทำวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการได้รับรู้เข้าใจในความทุกข์ยากของชาวบ้าน ช่วยปลุกจิตสำนึกให้เธอมีพลังที่จะทุ่มเทดูแลเขาอย่างสุดชีวิต ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้รับการยอมรับจากทั้งชาวบ้านและในวังว่าเป็นแพทย์ที่มีทั้งความเก่งและความดี ในเวลาต่อมา

มีอีกตัวอย่างหนึ่งที่ซอจังกึมได้แสดงความสามารถด้านการแพทย์ให้ประจักษ์  คือการรักษาอาการประชวรขององค์ชายที่มีฝีและหนองขึ้นตามตัว แพทย์หลวงก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน และทำการรักษากันอย่างผิดๆ ซอจังกึมจึงได้เข้าไปศึกษาโรคนี้ด้วยการเข้าไปฝังตัวดูแลรักษาเด็กที่เป็นโรคระบาดและอาการเช่นเดียวกันกับพระโอรสในชนบทที่เป็นเขตต้องห้ามที่ไม่ให้ใครเข้าไป โดยไม่ได้รู้สึกรังเกียจใดใด เธอเองก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ด้วยจิตสำนึกของแพทย์ที่ต้องดูแลคนไข้ ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ เธอจึงต้องอาศัยประสบการณ์เดิม ผนวกกับจิตใจที่เห็นคุณค่าของชีวิตคน โดยไม่มีการแบ่งเพศแบ่งชนชั้นเหมือนกับคนอื่น  ด้วยการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างกล้าหาญ แต่ก็กระทำอย่างเป็นขั้นตอนกล่าวคือถ้าเด็กคนไหนมีไข้สูง ก็ทำให้เหงื่อในตัวออกมามากๆ ถ้าเป็นฝีขึ้นมาตามตัวก็ปล่อยให้สุก มีผื่นมีหนองก็ปล่อยให้บวมเป่งเต็มที่จนแตกออกมาก่อน แล้วจึงทำการรักษา โดยให้อาบน้ำดินเหลืองหรือน้ำจากถ่านไม้ บ้านใครมีผักเจก็ต้มข้าวต้มให้กิน ใครมีดอกเหมยก็เด็ดดอกเหมยมาบดให้ละเอียดเคลือบน้ำตาลบางๆ ผึ่งเป็นรูปใบบัวแล้วค่อยๆให้บิกินทีละนิด จากนั้นก็เอาบวบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทั้งเปลือกและใย ใส่ในชามใหญ่ปิดฝาให้แน่น โรยเกลือพอประมาณ แล้วไปนึ่งในรังถึง ใช้ถ่านจากไม้อูถงผสมกับหญ้าสมุนไพร ต้มจนน้ำในหม้อเดือดปุดๆ พอเห็นบวบสุกแล้วก็มาบดให้ละเอียด ให้กินเป็นของว่าง โดยเธอจะคอยจดอาการของคนไข้ในแต่ละวัน คอยดูแลความเปลี่ยนแปลง และให้กินยาตามอาการ เพื่อไม่ให้กำเริบหนัก นี่คือวิธีรักษาเด็กที่เป็นฝีพุพองของซอจังกึม ที่ไม่มีใครเขียนไว้ในตำรา แต่เธอก็สามารถคิดค้นจนสามารถรักษาทั้งเด็กในชนบทและพระโอรสให้หายป่วยเป็นปกติได้

ยังมีตัวอย่างที่แสดงความรู้ ความเชี่ยวชาญ และจรรยาบรรณทางการแพทย์ของซอจังกึมปรากฏอีกมากมายในละครเรื่องนี้ เธอไม่ได้เก่งแต่การรักษาโรคต่างๆเท่านั้น แต่เธอยังเป็นจิตแพทย์ดูแลรักษาอาการทางจิตใจของพระเจ้าจุงจงด้วย ความเชี่ยวชาญและความดีงามของเธอทำให้พระเจ้าจุงจงประทับใจ และกล้าที่จะฝืนประเพณีโบราณแต่งตั้งให้เธอเป็นแพทย์หลวงส่วนพระองค์และเป็นขุนนางคนแรกที่เป็นสตรี โดยมีตำแหน่งนำหน้าว่า แด” เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของเกาหลีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของเกาหลี

 

 

       ซินอิ๊กบี แพทย์หัวหน้าสำนักหมอหลวง ซึ่งเคยมีทัศนคติไม่ดีต่อแดจังกึม ได้กราบทูลพระเจ้าจุงจง ในโอกาสที่พระองค์ทรงพยายามแต่งตั้งให้ซอจังกึมเป็นแพทย์หลวงส่วนพระองค์และเป็นขุนนางหญิงคนแรก ท่ามกลางเสียงคัดค้านของพระพันปี พระมเหสี เหล่าเสนาบดี และขุนนางในราชสำนักอีกมากมาย โดยซินอิ๊กบี ได้กราบทูลความตอนหนึ่งว่า

“…เมื่อก่อนกระหม่อมเคยเป็นอาจารย์ของหมอหญิงจังกึม แต่บัดนี้จะไม่เกี่ยง ยินดีอยู่ใต้อาณัติของนางแทน สาเหตุเพราะนางมีคุณสมบัติในการเป็นหมออย่างครบถ้วน เธออุ้มลูกขอทานเข้าไปในกระท่อมร้างรักษาโรคร้ายให้พวกเขาอยู่คนเดียว โดยไม่ห่วงตัวเองสักนิด การรักษาของนางเปรียบเสมือนมารดาที่รักลูก ดูแลลูกน้อยทุกลมหายใจเข้าออก เหมือนแม่ที่ไม่ต้องการให้ลูกป่วย พยายามหาทางป้องกันไว้ก่อน เหมือนแม่ที่หวังดีต่อลูก อยากให้ลูกหายวันหายคืน เธอคือหมอที่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมอที่แท้จริง น่าเลื่อมใสจริงๆพ่ะย่ะค่ะ…”

 

ซอจังกึมมีความมุ่งมั่นในเป้าหมายของชีวิต และไม่ยอมกระทำความผิดจารีตประเพณี  มีความอดทน อดกลั้น  มีการนำเอาอริยะสัจ 4  มาใช้ในการดำเนินชีวิต

เห็นด้วยกับอาจาร์ย ธเนศ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท