ข้อคิดจากการอ่านหนังสือกรรมกรข่าว2


ในการทำงาน เราต้องเคารพตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าเราไม่รู้จักเคารพตัวเอง เราจะเคารพคนอื่นไม่เป็น
      สบายจังเลย มีความสุขที่สุดเลย อยากให้ทุกวันเป็นเหมือนวันนี้ เพราะ วันนี้ผู้วิจัยตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ทำ (งาน) อะไรเลย จะกินกับนอน และทำสิ่งที่อยากทำเท่านั้น ซึ่งสิ่งนั้นต้องไม่ใช่งาน ความจริงตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว หลังจากแยกกับอาจารย์พิมพ์และเพื่อนๆเมื่อคืนนี้ (ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆนิดหน่อย) ผู้วิจัยก็ไปหาหนังสือมาอ่าน ได้หนังสือมาตั้งหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็น กรรมการข่าว 2 ของคุณสรยุทธ , ลูกของพ่อ พ่อของลูก ของอาจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ , ยินดีเจ้า ของคุณสุนทรี เวชานนท์ ความจริงหนังสือพวกนี้ผู้วิจัยซื้อไว้ตั้งนานแล้ว ซื้อตั้งแต่หนังสือออกวางจำหน่ายใหม่ๆ ซื้อมาทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีเวลาอ่าน ก็เลยให้คนที่นับถือกันยืมไปอ่าน เมื่อคืนนี้เพิ่งได้ฤกษ์ไปเอากลับมาอ่าน แต่ก็อ่านไม่จบสักกะเล่ม อ่านได้เล่มละนิดเล่มละหน่อย หลับ (อย่างมีความสุข)ตอนไหนก็ไม่รู้ คงมีคนสงสัยว่าผู้วิจัยเคยเขียนไว้ว่าตั้งใจจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดการความรู้ และหนังสือเกี่ยวกับพื้นที่ที่ศึกษาทุกคืน แล้วเมื่อคืนนี้ได้อ่านหรือเปล่า ขอสารภาพเลยค่ะว่าไม่ได้อ่าน ก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าตั้งใจจะไม่ทำงานเด็ดขาดในวันนี้ ก็เลยเริ่มตั้งแต่เมื่อคืนนี้เลย

    ความจริงแล้วแม้ไม่ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการจัดการความรู้โดยตรง แต่ก็หนีไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละค่ะ อ่านหนังสือที่ 3 เล่มนี้ก็ได้ความรู้ไปคนละอย่าง อย่างหนังสือของคุณสรยุทธ เมื่ออ่านไปแล้วก็จะได้ความรู้เกี่ยวกับการทำงาน การจัดการคน การจัดการตัวเอง อ่านไปอ่านมา รู้สึกว่าตัวเองจะนิสัยคล้ายกับคุณสรยุทธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ใจร้อน ปากไว ทำงานแบบ ไฟลนก้น ชอบทำงาน แต่ผู้วิจัยก็ไม่ขยันเท่ากับคุณสรยุทธหรอกค่ะ คนอะไรทำงานทุกวัน ตั้งแต่เช้า (มืด) ยันดึก (เช้าของวันใหม่) ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผู้วิจัยอ่านหนังสือของคุณสรยุทธแล้วชอบอยู่หลายตอน แต่ที่ชอบที่สุด (หรือเปล่าก็ไม่ทราบค่ะ เพราะ ยังอ่านไม่จบ) คือ ตอนที่คุณสรยุทธบอกว่าด้วยความที่ตัวเองเป็นคนปากไว ใจร้อน (แต่จริงๆแล้วไม่มีอะไร) ก็เลยชอบแซว ชอบว่าคนอื่นไปทั่ว และแซวแบบเจ็บๆด้วย พอมานั่งนึกอีกทีเห็นว่าตัวเองทำเกินไป ก็จะรีบไปขอโทษ (ด้วยความจริงใจ) ตรงนี้ผู้วิจัยชอบมาก เพราะ แม้คุณสรยุทธจะเป็นคนดัง คนมีชื่อเสียง แต่เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับ และรู้จักขอโทษ ไม่มัวแต่หยิ่งในศักดิ์ศรี ส่วนนี้สำคัญมากเวลาทำงานกับคน อย่างผู้วิจัยทำงานในมหาวิทยาลัย หลายคนคงรู้ๆกันอยู่ว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย (ส่วนใหญ่) จะค่อนข้างมี EGO สูง รู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเอง แม้ว่าผู้วิจัยจะรู้สึกว่าตนเองอยู่ในคนส่วนน้อย แต่ก็ยอมรับว่ามี EGO อยู่พอสมควร การได้อ่านเรื่องของคุณสรยุทธ (รวมทั้งเรื่องของบุคคลอื่นๆด้วย) ทำให้ผู้วิจัยได้คิดและลด EGO ลงไปพอสมควร แต่ถึงจะลด (EGO) ลงไปอย่างไร ก็คงลดได้มากที่สุดเท่ากับมาตรฐานที่ตนเองตั้งไว้ คงลดลงต่ำกว่ามาตรฐานของ ตัวเองไม่ได้ เพราะ ในการทำงาน (ไม่ว่าจะเป็นงานวิชาการหรืองานกับชุมชน) ย่อมมีเรื่องที่ต้องกระทบกระทั่งกัน (กับผู้ร่วมงาน) ไม่มากก็น้อย ถึงแม้อาชีพของเราสังคมจะให้ความเคารพ เชื่อถือ ทำให้ (บางครั้ง) เราลืมตัวไปบ้าง แต่เมื่อเราทำผิด หรือทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม เราก็ต้อง รู้จักขอโทษ และปรับปรุงตัวเองด้วย บางครั้งเราต้องยอมลดอะไรหลายๆอย่างในตัวเราลงมา แต่ก็อย่างที่บอกไว้แล้วว่าถึงจะลดอย่างไร ก็ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองกำหนดไว้ สาเหตุที่ ผู้วิจัยกล่าวเช่นนี้เนื่องจาก ในการทำงาน (ผู้วิจัยเห็นว่า) เราต้องเคารพตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าเราไม่รู้จักเคารพตัวเอง เราจะเคารพคนอื่นไม่เป็น

       เอาไว้ถ้าอ่านจบ หรือ ได้ข้อคิดเพิ่มเติมจะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ ส่วนหนังสืออีก 2 เล่ม วันนี้ไม่มีเวลาเล่าแล้ว พรุ่งนี้และวันต่อๆไปจะเอามาเล่าให้ฟังค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15941เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2006 19:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 09:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท