ไปโรงเรียนกัน โรงเรียนที่สอนวิชาของพระพุทธเจ้า


เราช้าในวันนี้ เพื่อจะได้เร็วในวันหน้า

    เมื่อเราจะเรียนอะไรสักอย่าง  สมัยนี้มีโรงเรียนที่เปิดสอนมากมาย  เราอยากจะวาดรูปสีน้ำ ก็ไปเข้า Course ที่เขาเปิดสอน    เราอยากจะทำอาหารอร่อย ๆ ก็ไปเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหาร  แต่เมื่อเราอยากจะเรียนรู้วิชาของพระพุทธเจ้า  เราจะไปที่ไหนดี    จะไปโรงเรียนสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ก็ดูจะ    พ้นวัยไปแล้ว   หรือว่าจะไปวัดดี  ทว่าตั้งแต่จำความได้ก็ไปวัดมาตั้งแต่เด็กๆ  ไปไหว้พระใส่บาตรทำบุญ     ฟังเทศน์ ที่ไม่เคยเข้าใจความหมายว่าท่านกำลังเทศนาเรื่องอะไร  จากนั้นก็มีความอิ่มใจเล็กน้อยตอนเดินออกจากวัด  จะว่าได้เรียนรู้วิชาของพระพุทธเจ้าแล้วก็ไม่ใช่  เพราะไม่ได้เข้าใจในเนื้อหาสาระใดๆ  การไปวัดจึงเป็นเรื่องที่ลำบากใจและอาจจะไม่ได้คำตอบอีก   อย่ากระนั้นเลยไปที่นี่ดีกว่า  ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่  เพราะเคยไปส่งกัลยาณมิตรเรียนวิชาของพระพุทธเจ้า ที่ศูนย์นี้บ่อยๆ  แถมเธอคอยบอกว่าที่นี่ดีมากๆ  แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะดีอย่างไร  ทว่ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อได้ส่งรุ่นน้องผู้เก่งกล้าในทางวิทยาศาสตร์และทางศิลปศาสตร์ไปลองเรียนก่อนหน้าข้าพเจ้าอีกหนึ่งคน  เธอกลับมาแล้วบอกว่า  ขอให้เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ควรจะได้ไป  พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่ได้เรียนรู้และกฏข้อปฎิบัติสำหรับผู้จะไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลา  7 คืน 8 วัน  ที่ทำเอาผู้ฟังต้องหนาว  เธอบอกว่าไม่ยากลำบากหรอก  พอๆกับสอบบอร์ดนั่นแหละ   ถ้าสอบบอร์ดแพทย์เฉพาะทางผ่าน  ไปที่นี่ก็คงผ่านได้จนครบ 7 คืน 8 วัน   แต่อาจจะยากกว่าเล็กน้อยนะ

     ข้าพเจ้าไปเข้าโรงเรียนจนได้  โรงเรียนที่สอนวิชาของพระพุทธเจ้า  ท่านอาจารย์บอกว่าที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยเข้าวัด  ยิ่งคนที่ไม่ค่อยรู้อะไรยิ่งดี  สอนง่าย  บอกที่รู้เย๊อะสอนยาก มีแต่คำถามในใจ   ทำให้การปฎิบัติเป็นไปได้ช้า  ที่นี่ข้าพเจ้าต้องตื่นตีสี่  และใช้เวลาตลอดวันตลอดคืนอยู่กับตัวเอง  แม้จะมีเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นอยู่  80 กว่าคน  แต่ท่านอาจารย์ให้งดพูด  ห้ามพูดกันเด็ดขาด  ห้ามมองหน้ากัน  ข้อปฎิบัติเดียวของเราคือการกำหนดอิริยาบทย่อย  ไม่ว่าจะเดิน  จะกิน  จะเข้าห้องน้ำ  จะทำอะไร  ให้กำหนดจดจ่อ ต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน  ห้ามคิด  อันนี้ท่าจะห้ามยากหน่อยเพราะข้าพเจ้าจิตฟุ้งคิดไปหลายร้อยเรื่อง  ทั้งเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว   เมื่อเดินจงกรม  ท่านสอนให้เดินอย่างช้าสุด  ในการก้าวเดินหนึ่งก้าวเราต้องฝึกสติให้รับรู้ว่าเท้าเรามีการขยับถึง  6  จังหวะ  ขาวย่าง.....หนอ     ซ้ายย่าง......หนอ   เสียงบริกรรมที่ช้ามากๆนั้น   ทำเอาผู้ปฎิบัติหลายคนมีความอึดอัดขัดข้องใจ  การที่ไม่ได้พูดอะไรมาทั้งวัน แถมต้องมาทำอะไรช้าๆ มากเกินปกติ ทำเอาคนผู้ชอบทำอะไรเร็วๆ และรีบๆ  ถึงกับมีอาการขัดใจ   ดูเหมือนว่าเวลาในการก้าวเดินไปหนึ่งก้าวนั้น แทบจะเท่ากับเวลาที่อยู่บ้านกินข้าวหมดไปถึงสามจานก็ว่าได้   นักเรียนหลายคนสงสัยว่า การฝึกสติ ทำไมต้องทำอะไรช้าๆแบบนี้ด้วย  ท่านอาจารย์มีเฉลย

     วิปัสสนาจารย์ท่านบอกว่า  เราช้าในวันนี้เพื่อที่จะเร็วในวันหน้า   ถ้าเราไม่ช้าสติจะจับอิริยาบทต่างๆ ของเราไม่ทัน  ข้าพเจ้าเห็นจริงตามที่ท่านว่า  เพราะในเวลาปกติของชีวิตทางโลก  เราไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าเราเดินไปกี่ก้าว  แถมเวลาเราหายใจ เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังหายใจอยู่  เวลาเพื่อนอยู่ตรงหน้า  เราดันผ่าไปคิดถึงเรื่องการงานที่ค้างอยู่บนโต๊ะ  จิตของเราวิ่งวุ่นไปทั่ว  ไม่มีสติในการจะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอย่างแท้จริง  และเมื่อเราก้าวไปหนึ่งก้าว  เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เท้าขวาหรือเท้าซ้ายกันแน่ที่ก้าวออกไป  การที่จะรู้ได้ด้วยสติ จึงต้องมาฝึกกันใหม่  นั่นคือเหตุผลที่เราต้องทำอะไรช้าๆ   เพื่อฝึกให้สติกลับมารับรู้การก้าวเท้าที่ช้าๆนั้น  และเมื่อกำลังสติแก่กล้า  ไม่ว่าเราจะก้าวช้าหรือก้าวเร็วๆ  สติของเราก็จะไวพอที่จะรับรู้การขยับยกของเท้านั้น  และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราจะได้ จากการเรียนรู้นี้  คือการก้าวเท้าอย่างมั่นคง และไม่สะดุดล้มเอาง่ายๆ

 

 

   

คำสำคัญ (Tags): #สติ
หมายเลขบันทึก: 158183เขียนเมื่อ 8 มกราคม 2008 22:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2012 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีใจจังที่ได้เข้ามาอ่าน เพราะทำให้พี่ได้รู้ว่าทำไมต้อง เดินจงกรมแบบช้าๆ

ที่ผ่านมาก็ทำตามที่ผู้รู้สอนโดยไม่ได้ถามเหตุผล แต่ก็มีคำถามอยู่ในใจอยู่ตลอดเวลา เพิ่งได้คำตอบในวันนี้ ขอบคุณมาก เพราะมันจะทำให้พี่เข้าใจอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

เมื่อเช้านี้พี่เพิ่งได้ฟังเทศน์ของนักบวชชาวสันติอโศกท่านบอกถึงข้อดีของการมีกัลยาณมิตรทางธรรม แล้วพี่ก็ได้เห็นผลในตอนบ่าย

พี่ดีใจที่หมอยาทำเช่นนี้ พี่ขออนุโมทนาด้วยนะ

          พี่ยาจ๋า พี่ถ่ายทอดได้ดีมาก เขียนอีกๆๆ จะตามอ่านแล้วจะเอาไปโฆษณาด้วยจ้า

          แต่ช่วยแบ่งเป็นย่อหน้าเยอะๆหน่อยก็ดีนะพี่ คือคนที่สายตาเริ่มยาวแล้วก็กำลังยาวขึ้นๆ มันจะชวนตาลายเอาง่ายๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท