การนวดแผนไทย (ด้านแพทย์แผนไทย)


ภูมิปัญญาด้านสุขภาพ

การศึกษารวมรวม     เรื่อง การนวดแผนไทย (ด้านแพทย์แผนไทย)

สถานที่ตั้ง     วัดภุมรินทร์กุฎีทอง

ประวัติความเป็นมา

การนวดไทยมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่ประเทศอินเดีย บรมครูชีวกโกมารภัจจ์ เป็นทั้งหมอยา หมอรักษา และหมอนวดประจำตัวพระพุทธเจ้า ได้รับการถ่ายทอดวิชาการนวดจากพระฤาษี ที่เป็นบรมครูนวด ชื่อพระฤาษีสมิทธิ เมือพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ผ่านมาทางประเทศจีน และเข้ามาสู่เมืองไทยโดยการนำของพระสงฆ์ หลักฐานการนวดที่เก่าแก่ที่สุดคือ ศิลาจารึก ที่ขุดพบที่ป่ามะม่วง ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง เมื่อถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การแพทย์แผนไทยรุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดไทย จนมีปรากฎในทำเนียบศักดินาข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ที่ตราขึ้นในปี พ..1998 โปรดให้แต่งตั้งกรมหมอนวด ให้บรรดาศักดิ์เป็นปลัดฝ่ายขวา มีศักดินา 300 ไร่ ฝ่ายซ้ายมีศักดินา 400 ไร่ หลักฐานจากจดหมายเหตุราชฑูตลาลูแบร์ ประเทศฝรั่งเศส ในบันทึกเรื่องหมอนวดในแผ่นดินสยาม มีความว่า..."ในกรุงสยามนั้น ถ้ามีใครป่วยไข้ลง ก็จะเริ่มทำเส้นสายยืด โดยผู้ชำนาญทางนี้ ขึ้นไปบนร่างกายคนไข้แล้วใช้เท้าเหยียบ"....ในสมัยรัตนโกสินทร์ การแพทย์แผนไทยได้สืบทอดมาจากสมัยอยุธยา แต่เอกสารและวิชาความรู้บางส่วนสูญหายไปในภาวะสงคราม ทั้งยังถูกจับเป็นเชลยส่วนหนึ่ง เหลือหมอพระตามหัวเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงโปรดให้ระดมปั้นรูป ฤาษีดัดตน 80 ท่า และจารึกสรรพวิชาการนวดไทย ลงบนแผ่นหินอ่อน 60 ภาพ แสดงถึงจุดนวดอย่างละเอียด ประดับบนผนังศาลาราย และบนเสา ภายในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ต่อมาใน พ..2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลักฐานการแบ่งส่วนราชการ ยังมีกรมหมอนวดเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา และทรงโปรดให้หมอยา หมอนวด ถวายการรักษาความเจ็บป่วยยามทรงพระประชวร แม้เสด็จประพาสแห่งใด ต้องมีหมอนวดถวายงานทุกครั้ง ปัจจุบันการนวดไทยจำแนกได้ 2 แบบ ดังนี้                        1. การนวดแผนไทยแบบราชสำนัก หมายถึงการนวดที่ถวายพระมหากษัตริย์ และเจ้านายชั้นสูงในราชสำนัก การนวดแบบราชสำนักพิจารณาคุณสมบัติของผู้เรียน อย่างประณีตถี่ถ้วน และการสอนมีขั้นตอนจรรยามารยาทของการนวด ต้องสุภาพมาก ใช้อวัยวะได้น้อย และต้องตรงตามจุด ต้องฝึกสมาธิ ฝึกมือ เป็นการนวดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ต้องเรียนรู้เรื่องสรีระของร่างกาย แนวทางเดินของเส้น การวินิจฉัยอาการต่างๆ ที่เป็นหัวใจของการนวดคือ เรื่องของเส้นประธานสิบ และธาตุทั้งสี่ การนวดแบบราชสำนัก เป็นกระบวนการดูแลสุขภาพ บำบัดความผิดปกติเพื่อรักษาความเจ็บป่วย                        2. การนวดแบบเชลยสัก หมายถึง การนวดแบบสามัญชน ที่มีการสืบทอดฝึกฝน ตามแบบแผนของวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือพวกเชลยที่ต้องทำงานหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับชาวบ้านจะนวดกันเอง โดยใช้มือและอวัยวะส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วม เช่น เท้า เข้า ศอก นับเป็นที่รู้จักแพร่หลายในสังคมไทยส่วนกลุ่มนวดแผนไทยตำบลสวนหลวงได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2546 โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภออัมพวา ได้ดำเนินการฝึกสอนการนวดฝ่าเท้าของประชาชนตำบลสวนหลวง   ซึ่งมีผู้เรียนหลายท่านอยากนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพอย่างจริงจังและเพื่อเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกทางหนึ่งด้วย  ดังนั้นจึงได้เกิดแนวคิดที่จะรวมกลุ่มนวดแผนไทยของตำบลสวนหลวงขึ้นและได้ประสานงานทั้งด้านสถานที่ของวัดภุมรินทร์กุฏีทองและงบประมาณสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนตำบลสวนหลวง เป็นจำนวนเงิน 15,000.-บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เพื่อนำไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมการนวดแผนไทย ปัจจุบันกลุ่มนวดแผนไทยตำบลสวนหลวงมีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 30 คน และเปิดให้บริการในวันเสาร์ อาทิตย์ ณ บริเวณวัดภุมรินทร์กุฏีทอง

ด้านสาระและคุณค่า

                        ปัจจุบัน ปัญหาเมื่อยขบ อาการปวดตามร่างกาย หรืออาการเครียด มักจะเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเมื่อมีอายุมากขึ้น สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนาน ๆ คอตกหมอน หรือเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้ทำให้การนวดแผนไทยเกิดขึ้นมากมาย เพื่อบรรเทาปัญหาสุขภาพและคลายเครียด ดังนั้นการนวดแผนไทยจึงเป็นอีกอาชีพหนึ่งเพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้แก่ครัวเรือนและเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงมีอยู่ตลอดไป

ด้านการปฏิบัติ/จัดทำ/การผลิต

             เราสามารถนวดบนร่างกาย โดยใช้วิธีการต่าง ๆ ดังนี้            1. การนวด การใช้น้ำหนักกดลงบนส่วนต่าง ๆ น้ำหนักที่กดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืดยึดคลาย การนวดแผนไทยนั้น เรามักจะใช้น้ำหนักของร่างกายเป็นแรงกด            2. การบีบ เป็นการใช้น้ำหนักกดลงบนส่วนต่าง ๆ ในลักษณะ 2 แรงกดเข้าหากัน            3. การคลึง การใช้น้ำหนักกดคลึงเป็นการกระจายน้ำหนักกดบนส่วนนั้น การคลึงให้ผลในการคลาย มักใช้กับบริเวณที่ไวต่อการสัมผัส กระดูก ข้อต่อ            4. การถู การใช้น้ำหนักถู มุ่งที่จะให้ผิวหนังเกิดการยืดขยาย รูขุมขนเปิด วิธีนี้มักใช้ร่วมกับตัวยาเพื่อให้ซึมเข้าสู่ร่างกาย            5. การกลิ้ง การใช้น้ำหนักหมุนกลิ้ง ทำให้เกิดแรงกดต่อเนื่องไปตลอดอวัยวะ ทั้งยังเป็นการยืดกล้ามเนื้อด้วย            6. การหมุน การใช้น้ำหนักหมุนส่วนที่เคลื่อนไหวได้ คือ ข้อต่อ เพื่อให้ผังผืด เส้นเอ็นรอบ ๆ ข้อต่อยืดคลาย การเคลื่อนไหวดีขึ้น            7. การบิด การใช้น้ำหนักบิดส่วนที่เคลื่อนไหวได้ คือ ข้อต่อ เพื่อให้ผังผืด เส้นเอ็น รอบ ๆ ข้อต่อ ยืดคลาย เคลื่อนไหวดีขึ้น            8. การดัด การใช้น้ำหนักยืด ดัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืดให้ยืดกว่าการทำงานปกติ เพื่อให้เส้นหย่อนคลาย            9. การทุบ การใช้น้ำหนักทุบ ตบ สับ ลงบนกล้ามเนื้อเพื่อกระจายความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อให้ทั่ว            10. การเขย่า การใช้น้ำหนักเขย่ากล้ามเนื้อ เพื่อกระจายความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อให้ทั่ว 
ตัวอย่างวิธีการนวด  
                                                                               
             การบีบ, การกด, การนวด    การยืด                                                                                    การดัด    การคลึง                                                                    ประโยชน์การนวด                        1. กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืด ทำให้ยืดคลาย ลดการเร็งตัวของเนื้อเยื่อ การเคลื่อนไหวของร่างกายสะดวกขึ้น                        2. การไหลเวียนของโลหิต ทำให้หลอดเลือดยืดขยาย การไหลเวียนของเลือดแรงขึ้น ทำให้ร่างกายสดชื่น เสริมสร้างการทำงานของอวัยวะ                        3. ระบบประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นของระบบประสาท ความรู้สึกตอบสนองต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อมดีขึ้น กระปรี้กระเปร่า                        4. ข้อต่อกระดูก ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องขึ้น ยืดอายุการใช้งาน                        5. อารมณ์ จิตใจ ทำให้ผ่อนคลาย รู้สึกอบอุ่น

โทษจาการนวดที่ผิด

                        เกิดจากการนวดที่ไม่ระมัดระวัง และขาดความเข้าใจในระบบต่าง ๆ ของร่างกายดีพอ                        1. ทำให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืดชอกช้ำ และฉีกขาด                        2. ทำให้หลอดเลือดฉีกขาด หรือมีการอุดตันของหลอดเลือด                        3. ทำให้เส้นประสาทฉีกขาด อักเสบ ความรู้สึกลดลง หรือเจ็บปวด                        4. ทำให้ข้อกระดูกเคลื่อนหลุด                        5. หากนวดผิดแล้ว ผู้ป่วยจะเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อการนวด

การถ่ายทอด/สืบทอด/เผยแพร่รวมทั้งการจัดเก็บความรู้

                        1. เปิดรับสอนการนวดแผนไทยแก่ผู้ที่สนใจ                        2. เข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ที่หน่วยงานราชการจัดให้มีขึ้น                        3. มีการศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความรู้อยู่ตลอดเวลา

ลักษณะความรู้

            -   ความรู้ชัดแจ้ง ในการที่เราจะเรียนการนวดแผนไทยเราสามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือ ตำราเรียนเกี่ยวกับการนวดแผนไทย ซึ่งปัจจุบันมีขายตามร้านจำหน่ายหนังสือทั่วไป                         -  ความรู้โดยนัย เป็นทักษะส่วนบุคคลที่ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือหรือตำราเรียน    อาจจะเรียนรู้ได้ด้วยจากการสอนปฏิบัติจากผู้ที่มีประสบการณ์ซึ่งเราจะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวเก็บเกี่ยวเอง

การพัฒนา/สร้างสรรค์/ความรู้เพิ่มเติม

                        -  การตกแต่งสถานที่ให้ดูสะอาด สวยงาม สบายตา                        -  สถานที่ตั้ง มีที่จอดรถสะดวก ไปมาง่าย                        - มีบริการที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก เช่น นวดตัว นวดฝ่าเท้า นวดน้ำมันหอมระเหย นวดประคบด้วยสมุนไพร                        -  การต้อนรับของผู้ให้บริการที่สภาพเรียบร้อย                        -  การนวดได้คุณภาพตามมาตรฐาน   ผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้            ทำให้ตัวข้าพเจ้าทราบถึงอาชีพนวดแผนไทยได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะได้ทราบถึงประวัติความเป็นมา ประโยชน์ โทษของการนวดที่ผิดวิธีและปัญหาต่าง ๆ ของผู้ประกอบอาชีพรวมถึงปัญหาของผู้ใช้บริการ

ปัญหาและอุปสรรค

                        1. ผู้นวดมีขีดจำกัดเวลาในการให้บริการ (ต่อเนื่องไม่เกิน 3 ชั่วโมง )                        2. ผู้ใช้บริการไม่บอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เคยไหล่หลุด ,  แขนหัก ทำให้เกิดการบาดเจ็บ

                        3. ผู้ให้บริการมีไม่เพียงพอกับผู้ใช้บริการ

ชัยรัตน์      ภักดีกุล

4930123100296
หมายเลขบันทึก: 157082เขียนเมื่อ 2 มกราคม 2008 20:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 19:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
การนวดแผนโบราณนึกถึงวัดโพธิ์มีนวดแผนโบราณ เป็นศิลปะด้วยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท