ชนเผ่า
สหภาพพม่าประกอบด้วยชนชาติต่างๆ
ถึง ๑๓๕ ชนเผ่า ที่รู้จักกันดี ได้แก่ พม่า(r,k) เรียก
บะหม่า , มอญ(,:oN) เรียก มูน ,
ฉาน(ia,Nt) เรียก ชาน , กะเหรี่ยง(di'N) เรียก
กะหยี่ง , กะฉิ่น(d-y'N) เรียก กะฉี่ง,
ฉิ่น(-y'Nt) เรียก ชีง , คะยา(dpkt) เรียก กะยา
และยะไข่(i-6b'N) เรียก ยะข่าย ชนทั้ง ๘ เผ่า
เป็นชนชาติที่ได้รับความสำคัญทางวัฒนธรรม
และมีการกำหนดชื่อชนชาติให้เป็นชื่อรัฐ(exPNopN) ๗ รัฐ
ยกเว้นพม่าที่ระบุให้เป็นชนชาติหลักของ ๗ มณฑล(96b'Nt) คือ มณฑลสะกาย
มณฑลมัณฑะเล มณฑลพะโค มณฑลย่างกุ้ง มณฑลเอยาวดี มณฑลมะเกว
และมณฑลตะนาวศรี รวมพื้นที่สำหรับชนชาติพม่าเป็นร้อยละ ๔๕ ของประเทศ
หากดูทางสื่อของรัฐบาล ภาพชนชาติทั้ง ๘ เผ่า
จะปรากฏตัวในชุดแต่งกายประจำเผ่าอยู่เสมอ
มีทั้งการร้องเพลงประสานเสียง ๘ เผ่า การร้องเพลงเป็นภาษาของเผ่า
และการร่ายรำประจำเผ่า
ซึ่งแสดงถึงความพยายามของรัฐในการสร้างภาพความปรองดองของชนชาติต่างๆในประเทศ
นอกจากชนชาติหลักๆดังกล่าวนั้น สหภาพพม่ายังมีชนเผ่าย่อยๆอีกมากมาย
เช่น ธนุ(TO6) ต่องโย(g9k'NU6bt) แต้ะ(ldN) มรมาจี(,i,kWdut)
ดายนา(m6b'Ntokt) อีงตา(v'Ntlkt) ระวาง(i;,N) ลีซู(]uC^)
ลาหู่(]kts^) กอ(gdk) ขขุ(--6) ลาซี(]kiau) ขมี(-,u) นาคะ(ok8)
แม้ว(g,yk'N0ut) ว้า(;) ปะหล่อง(xg]k'N) ปะเล(xg]t) ยีง(p'Nt)
ปะโอ(xv6bh;N) ซะโหล่ง(C]6") ซะเยง(=pb,N) ยีงบ่อ(p'Ntg4kN)
บะแร(ric) ปะด่อง(xgmj'N) ยีงตะแล(p'Nt9]c) คำตี่(-Oµut) โย(p6bt)
ลำ(],N) ขมุ(-,^) ลุ(]6) และขึน(86") เป็นต้น
ชนเผ่าเหล่านี้เป็นชนกลุ่มเล็กๆ
ซึ่งส่วนมากอาศัยกระจายอยู่บนพื้นที่สูงและเขตภูเขาทางภาคเหนือ
ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก มีบ้างเล็กน้อยที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้
ส่วนใหญ่ไม่เป็นที่คุ้นเคยในหมู่ชาวพม่าทั่วไป
เพราะไม่ปรากฏตัวให้เห็นทางโทรทัศน์พม่าบ่อยนัก
และส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ยังล้าหลัง
อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ดูจะได้รับความสนใจจากรัฐบาลมากขึ้น คือ
กลุ่มโกกั้งและกลุ่มว้า ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐฉานใกล้ชายแดนจีน
และภายหลังกลุ่มว้าได้ขยายพื้นที่มาใกล้ไทยอีกด้วย
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่รัฐดูจะเอาใจใส่มากขึ้นคือ นาคะ
ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนจรดกับอินเดีย
ส่วนกลุ่มที่ได้รับความสนใจเพราะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้คือ
ปะด่อง หรือ กะเหรี่ยงคอยาว และ ชาวอีงตา
ซึ่งอาศัยในทะเลสาปอีงเลในรัฐฉาน เป็นต้น
พม่ามีคำเรียกชนชาติต่างๆโดยรวมว่า ไตยีงตา(96b'Nti'Ntlkt)
แปลว่า “ชนพื้นเมือง” มีความหมายโดยศัพท์ว่า “ภูมิบุตร”
คำที่ใช้บ่อยอีกคำคือ ปยีตู่-ลูดุ
(exPNl^]^56) แปลว่า “มวลชน” คำนี้ออกจะเป็นรูปศัพท์แบบสังคมนิยม
และยังเป็นคำที่ใช้บ่อยเช่นกัน คำที่ใช้ได้อีกคำคือ
ไหน่หงั่งตู่-ไหน่หงั่งตา(O6b'N'"l^O6b'N'"lkt)
คำนี้น่าจะเทียบได้กับ ”ประชาชน” ส่วนคำที่มีความหมาย “พลเมือง” คือ
ปยีตู่-ปยีตา(exPNl^exPNlkt)พบใช้น้อยลง
หากเป็น “ราษฎร” น่าจะตรงกับ
ไตตู่-ปยีตา(96b'Ntl^exPNlkt) ในปัจจุบันพม่าใช้คำ
ไตยีงตา หรือ ภูมิบุตรอยู่เสมอ
เพราะให้ความหมายที่ผูกพันกับท้องถิ่นหรือถิ่นเกิด
และเป็นคำที่ให้ความสนิทสนมระหว่างชนชาติต่างๆได้ดี ในขณะที่
ปยีตู่-ปยีตาและไหน่หงั่งตู่-ไหน่หงั่งตา
จะเป็นคำที่ผูกพันกับรัฐ ความนิยมในการใช้คำ ไตยีงตา หรือ
ภูมิบุตร
บ่งให้เห็นว่ารัฐบาลพม่าได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความปรองดองในชาติเพื่อความมั่นคงทางการเมือง
เพราะรัฐถือว่าชนทุกเผ่าที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่ามาแต่ดั้งเดิมนั้น
ต่างเป็นภูมิบุตรหรือลูกของแผ่นดินอย่างเสมอภาค
นอกจากนี้พม่ายังใช้คำที่ผูกพันกับ “เชื้อชาติ” หรือ “ชนชาติ” ว่า
หลู่-มโย (]^,y7bt)
ดังนั้นเวลาจะถามว่าเป็นชนชาติใด ก็มักจะใช้คำนี้ เช่น
เรียกชาวพม่าว่า บะหม่า-หลู่-มโย
(r,k]^,y7bt), เรียกชาวมอญว่า มูน-หลู่-มโย
(,:oN]^,y7bt) เป็นต้น
ส่วนคำสำหรับเรียกผู้คนในระดับท้องถิ่นที่ตรงกับ “ชาวบ้าน”
พม่าจะใช้ว่า ยวาตู่-ยวาตา (U:kl^U:klkt)
และคำสำหรับเรียก ”คนท้องถิ่น” คือ เดตะขัง (gml-") คำทั้ง ๒
มีระดับการใช้ต่างกันเล็กน้อย
กล่าวคือคำแรกเป็นคำที่ใช้เรียกชาวบ้านทั่วไป
ส่วนคำหลังใช้เมื่อต้องการบ่งถึงคนในพื้นที่นั้นๆ
เพื่อให้ต่างจากคนต่างถิ่น ส่วนอีกคำหนึ่ง คือ
อยัตตา (vixNlkt) แปลว่า “พลเรือน”
ใช้สำหรับเรียกชาวบ้านเพื่อให้ต่างจากเจ้าหน้าที่รัฐ
หากเป็นคนบ้านนอกจะใช้ว่า ตอตู่ตอตา (g9kl^g9klkt) แปลว่า
”คนบ้านป่า” หากเป็นชาวเมืองจะเรียกว่า
มโยะตู่-มโยะตา(1,bhl^1,bhlkt)
ถ้าเป็นชาวเขาจะเรียกว่า ต่องบ่อตา (g9k'NgxKlkt)
และเรียกชาวไร่ชาวนาว่า ตองตู่แล-ตมา
(g9k'Nl^]pNl,kt) เป็นอาทิ
สำหรับคำเรียกชาวพม่าตามท้องถิ่นต่างๆที่นาสนใจมีอาทิ
เรียกคนพม่าที่อยู่ตอนบนว่า อะหญ่าตา (vPklkt)
แปลว่า “คนเมืองบน” และพบว่าคนพม่าทางใต้จะเรียกชาวพม่าตอนบนนี้ว่า
ปะกังตา (x68"lkt) แปลว่า “ชาวพุกาม” อีกด้วย
ส่วนคนพม่าที่อาศัยอยู่ทางตอนล่างของประเทศ จะเรียกว่า
เอ้าก์ตา (gvkdNlkt) แปลว่า “คนเมืองล่าง”
และเรียกคนภาคกลางว่า มเยลัตตา(ge,]9Nlkt)
หากอาศัยอยู่แถบปากน้ำอิรวดี จะเรียกว่า
มยิจ-วะจูนบ่อตา (e,0N;d°oNtgxKlkt) แปลว่า
“คนปากน้ำ” เป็นต้น
ในทัศนะของชาวพม่าที่มีต่อชนชาติที่อาศัยตามท้องถิ่นต่างๆในพม่านั้น
พม่าดูจะมีความรู้สึกใกล้ชิดกับมอญมากที่สุด รองลงมาคือยะไข่
พม่าถือว่ามอญคล้ายกับพม่าในทางวัฒนธรรม
ส่วนยะไข่นั้นมีสายเลือดเดียวกับพม่า และเป็นชนชาติที่หยิ่งในตนเอง
เพราะเคยมีอารยธรรมพอๆกับพม่าในอดีต พม่ามองกะเหรี่ยงว่าซื่อๆ
คบหาง่าย และมีสัจจะ มองไทใหญ่ว่าเป็นคนเย็นๆและรู้จักประนีประนอม
มองกะฉิ่นในภาพของพ่อค้าและฉลาด
มองฉิ่นและคะยาว่ายังล้าหลังกว่าผู้อื่นและรู้สึกห่างเหิน
และมองว้าว่าเป็นชนเผ่าที่ดุร้าย
ส่วนคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมักจะมองกันว่าเป็นยะไข่
และในด้านความสวยงามนั้น ไทใหญ่ มอญ
และยะไข่ดูจะโดดเด่นกว่าชนชาติอื่น
สำหรับแขกและจีนในพม่านั้น พม่าไม่นับรวมเป็นภูมิบุตร
หรือไตยีงตา แต่จะถือเป็น
ลู-มโยชา(]^,y7bte-kt) คือ “คนต่างชาติ”
จึงดูแปลกแยกทั้งที่ต่างมักอาศัยอยู่ในสังคมเมือง
และชาวพม่ามักมองจีนและแขกว่าชอบดูแลประโยชน์ตน
ส่วนการที่แขกมีผิวดำตาโตต่างจากชนชาติอื่นในพม่า แขกจึงดูน่ากลัว
ชาวพม่าเล่าอีกว่าแขกผู้ชายที่แก่ๆมักไว้หนวดเครายาวและชอบเดินคุ้ยเขี่ยขยะ
เวลาเด็กๆร้องไห้ ผู้ใหญ่ก็มักขู่ว่า “แขกเฒ่ามาแล้ว”(
d6]ktv46btWdut]kwxu) เพียงเท่านั้นเสียงร้องงอแงก็จะเงียบทันที
เพราะกลัวแขกจับใส่ถุงขยะไปขาย
วิรัช
นิยมธรรม