พืชสวนครัว


ชาวพม่าตามชนบทส่วนมากยังนิยมดำเนินชีวิตในครรลองเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองเป็นหลัก
พืชสวนครัว
ชาวพม่าตามชนบทส่วนมากยังนิยมดำเนินชีวิตในครรลองเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองเป็นหลัก เห็นได้จากการที่แต่ละเรือนมักกำหนดพื้นที่ในบ้านสำหรับปลูกผักและไม้ผลเพื่อการบริโภคในครัวเรือน รอบตัวเรือนในชนบทหรือชานเมืองจึงมักมีสวนครัวและสวนไม้ผลไว้เก็บกิน ส่วนการจับจ่ายซื้อของจากตลาดจะพึ่งพาบ้างตามความจำเป็นเท่านั้น นั่นคือตลาดยังเป็นเพียงทางเลือกของปากท้อง  หากย้อนไปในสมัยสังคมนิยมซึ่งพม่าปิดประเทศนั้น ทางการพม่าได้เคยรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักมัธยัสถ์และพึ่งตนเอง โดยนำคำขวัญมาเตือนใจประชาชนและสั่งสอนกันตั้งแต่เยาว์วัยว่าให้รู้จัก ปลูกร้านค้าไว้หลังบ้าน(vb,NgokdNgzt gGtC6b'N9PN) คือให้ปลูกผักผลไม้ไว้กินในบ้าน นอกจากนี้พม่ายังมีข้อเตือนใจในการจับจ่ายใช้สอยที่ยังคงจดจำกันได้ดีคือ  ทรัพย์ผลาญ เพราะการครัว (f0¨k1zb 0ktz6bd) หมายความว่า หากใช้จ่ายอย่างไม่ระวังก็จะพาให้สิ้นเนื้อประดาตัว คือ สอนให้ระวังอย่าให้ได้จนเพียงเพราะเรื่องกิน ปัจจุบันคำสอนทั้ง ๒ ข้อยังได้ยินกันคุ้นหู ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความเป็นอยู่ในพม่านั้น แค่เพียงไม่ระวังเรื่องปากท้องก็อาจพานให้ลำบากได้แล้ว ครอบครัวชาวพม่าจึงต้องยึดค่านิยมด้านความประหยัดอย่างเหนียวแน่น และเกือบทุกบ้านมักปลูกพืชสวนครัวไว้กินเอง
ผักสวนครัวที่ชาวพม่าทั่วไปนิยมปลูกเห็นจะเป็น น้ำเต้า (r^t หรืออาจเขียนว่า 4^t ) พริก ('U69N) กระเจี๊ยบแดง (-yfNgxj'N) และกระเจี๊ยบมอญ (U6"tx9u) ส่วนไม้ผลที่นิยมปลูกเห็นจะได้แก่ มะม่วง (lidN) ขนุน (xbO¹c) และฝรั่ง (,k]dk) บางคราวหากพืชสวนครัวมีมากเกินที่จะกินได้ทัน ก็จะนำออกมาวางขายที่หน้าบ้าน หรือเที่ยวเร่ขาย โดยเรียกพืชสวนในบ้านที่นำมาวางขายนี้ว่า ฉั่งท้วด (w-"5:dN) “ออกจากสวนครัว” คนนิยมซื้อพืชสวนครัวเพราะสดและราคาถูก
ในบรรดาผักสวนครัวนั้น ชาวพม่าชอบกินน้ำเต้า โดยกินทั้งส่วนที่เป็นผลและยอดอ่อน แกงไก่ใส่น้ำเต้าถือเป็นแกงยอดนิยมของพม่า และเล่ากันว่ายิ่งเป็นไก่และน้ำเต้าที่ขโมยจากบ้านอื่นจะยิ่งได้รสชาติ! และเรียกแกงแบบนี้ว่า แกงหนุ่ม (dk]lkts'Nt) ที่มาของเรื่องมีอยู่ว่า สมัยก่อนมีการจัดชายหนุ่มให้ทำหน้าที่เฝ้ายามหมู่บ้านในเวลาค่ำคืน เพื่อคอยเคาะเกราะบอกเวลาพร้อมกับระวังฟืนไฟและกันขโมย แต่พวกหนุ่มเฝ้ายามมักจะแอบลักไก่และน้ำเต้าของชาวบ้านมาทำแกง พอมีน้ำเต้าหรือไก่บ้านหายไป และมักจับตัวคนขโมยไม่ค่อยได้เพราะทุกบ้านต่างปลูกน้ำเต้าและเลี้ยงไก่ไว้กินไข่ เลยโทษคนเฝ้ายาม แกงหนุ่มจึงเป็นฉายาของแกงขโมย
พม่ามีภาษิตสอนหญิงเปรียบเทียบน้ำเต้างามกับสามีดีไว้ว่า  น้ำเต้าดีรองร้าน สามีดีเสวยสุข (4^tgdk'Nt]Y'N 0'N-" ]'Ngdk'Nt,a 0"i) หมายความว่า หากเป็นน้ำเต้าที่ให้ผลงาม ก็สามารถตั้งร้านไว้รอกินผลได้ ในทำนองเดียวกับหากได้สามีดี ภรรยาก็ย่อมสุขสบาย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพม่ากลับนิยมเปรียบการมีสามีเสมือนการแทงหวย(5u56bt)ซึ่งยากจะได้รางวัลงามๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่จะหาสามีที่พอพึ่งได้ดีนั้นเป็นเรื่องยากมากในสมัยนี้ อีกทั้งผู้หญิงเองก็อาจต้องพึ่งตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หรือต้องช่วยเหลือครอบครัวในการหารายได้เพิ่มขึ้น
อาหารจากผักสวนครัวที่นิยมอีกอย่างของพม่าคือแกงใบกระเจี๊ยบใส่หน่อไม้ และมองว่าผัดใบกระเจี๊ยบเป็นกับข้าวที่ช่วยให้เจริญอาหาร และชาวพม่าต่างติดรสชาติของกระเจี๊ยบกันมาก จนมีคำกล่าวไว้ว่า  อย่าได้เอาเนื้อไก่มาแลกกระเจี๊ยบยอดทอง  (gU­;-yfNgxj'N ]dNe-ktEddNlktOa'NH ,]cgxj'N) ดังพบว่าขนาดมาทำงานถึงเมืองไทย ชาวพม่าบางคนยังแอบปลูกกระเจี๊ยบไว้กินกันเพราะเมืองไทยหาซื้อยาก ยังมีเรื่องขบขันระหว่างพระกับโยมเกี่ยวกับกระเจี๊ยบอยู่ว่า พระพม่ามักมีโยมอุปัฏฐากคอยดูแล พอโยมทราบว่าพระที่โยมคอยอุปถัมภ์นั้นชอบฉันใบกระเจี๊ยบมาก ดังนั้นทุกวันที่พระท่านมาบิณฑบาตยังบ้าน โยมก็จะจัดสำรับกับข้าวถวายท่านเป็นผัดใบกระเจี๊ยบหรือไม่ก็แกงใบกระเจี๊ยบอยู่ทุกวัน จนพระท่านระอมระอากระเจี๊ยบเต็มทน ในที่สุดถึงกับต้องเปรยกับโยมว่า ต่อเมื่อกระเจี๋ยมเหี้ยนหมดแล้วอาตมาจึงจะหวนมาใหม่ (gU­;-yfNgxj'N96"tdk,a g,k'N46oNtexoN-cH,pN) แม้จะเป็นเรื่องเล่ากันสนุกในวงพระเจ้า แต่ก็ให้ข้อคิดสำหรับพระในการปฏิเสธโยมแบบเลี่ยงไม่ให้ผิดสมณสารูป
นอกเหนือจากผักและไม้ผลที่ปลูกเพื่อบริโภคไว้ในบ้านแล้ว พม่ายังนิยมปลูกไม้มงคลอีกด้วย อาทิ สะเดา (9,k) ซึ่งมักปลูกไว้หน้าบ้าน และยังนิยมปลูกกะแด๊ะ (d9dN) ไว้หลังบ้าน ส่วนไม้ที่ไม่นิยมปลูกไว้หน้าบ้านจะได้แก่ บุนนาค (d"HgdkN) และพิกุล (-gi) เพราะเชื่อว่าจะทำให้หากินลำบาก นอกจากนี้พม่าไม่นิยมปลูกนุ่น (]c) หรืองิ้ว (]c,Abh) ไว้ใกล้บ้านเพราะชื่อไม่เป็นมงคล ด้วยคำเรียกนุ่นจะไปพ้องเสียงกับคำ “ล้ม”   บางบ้านไม่นิยมปลูกกล้วย ('adNgxyk) ไว้ในบ้านนัก เพราะเกรงว่าเวลากล้วยออกเครือจะหันเครือมาทางบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บ้านนั้นอยู่ไม่เป็นสุข และหากปลูกกล้วยในบริเวณบ้าน ก็ต้องคอยสังเกตเครือกล้วย ถ้าหันเข้าหาบ้านก็จะรีบตัดทิ้ง อีกทั้งชาวพม่าไม่นิยมปลูกตะไคร้ (0xjt]'N) เพราะเชื่อว่ามีผีสิง จึงให้ปลูกห่างครัวเพราะถ้าเอาน้ำคาวปลาไปรดบ่อยๆ ตระไคร้ก็จะยิ่งโตเร็ว ผีจะยิ่งดุร้าย จนทำให้คนในบ้านล้มเจ็บได้
ส่วนพืชผักที่ชาวพม่ามักต้องกินกันอย่างระวัง เห็นจะเป็นเห็ด (,Ab) เพราะอาจมีพิษ เวลาทำอาหาร มักต้องใส่ผักบุ้ง (doN0:oNtU:dN) ปนไปกับเห็ดด้วย นัยว่าช่วยแก้พิษ นอกจากนี้ ชาวพม่ายังห้ามกินไข่เป็ด (4cf) ร่วมกับแตงโม (ziclut) ห้ามกินเห็ดร่วมกับมะนาว (l"xiklut) ห้ามกินมันแกว (doN0:oNtf) ร่วมกับช็อคโกแล็ต และห้ามกินมะระ (EddNs'Nt-jtlut) ร่วมกับเนื้อไก่ (EddNlkt) อีกทั้งสังเกตว่าชาวพม่าไม่นิยมกินฟักเขียว (gdykdNzU6") อาจเป็นเพราะพม่านิยมใช้ฟักเขียวดูดกลิ่น โดยเฉพาะเวลามีคนตายก็มักจะวางฟักเขียวไว้ใต้แคร่ตั้งศพเพื่อระงับกลิ่น จึงอาจทำให้บางคนรู้สึกลำบากใจเมื่อจะต้องกินฟักเขียว
แม้การปลูกพืชสวนครัวและไม้มงคลตลอดจนข้อควรระวังต่างๆมากมายนั้นบอกได้ว่าชาวพม่ายังมีข้อห้ามข้อนิยมให้ต้องกังวลอยู่เสมอ  แต่การพึ่งตนเองแบบเรียบง่ายในด้านการกินอยู่นั้นอาจถือเป็นแบบอย่างที่ดี โดยเฉพาะการปลูกสวนครัวเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น
วิรัช นิยมธรรม
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15601เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2006 19:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 07:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น
ห่วยแตก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท