มีเนื้อหาบอกถึงความเป็นนิรันดรของประเทศเมียนมา มองประเทศชาติคือมรดกอันมีค่าและแท้จริงจากบรรพชน และชาวเมียนมาทุกคนมีหน้าที่ต้องพิทักษ์และปกป้องประเทศชาติถึงต้องพลีชีพ เนื้อความของเพลงชาติพม่ามีดังนี้
ธงชาติและเพลงชาติ
เพลงชาติของพม่า
หรือ ไหน่หงั่งด่อ-ตะชีง(O6b'N'"g9kNlu-y'Nt)
มีเนื้อหาบอกถึงความเป็นนิรันดรของประเทศเมียนมา
มองประเทศชาติคือมรดกอันมีค่าและแท้จริงจากบรรพชน
และชาวเมียนมาทุกคนมีหน้าที่ต้องพิทักษ์และปกป้องประเทศชาติถึงต้องพลีชีพ
เนื้อความของเพลงชาติพม่ามีดังนี้
หากโลกไม่สลาย
ต้องมีประเทศเมียนมา
เราจักรักและเทอดทูนให้สมเป็นมรดกอันแท้จริงจากบรรพชนของเรา
เราจักพร้อมพลีชีพเพื่อปกป้องสหภาพ
ประเทศของเรา
แผ่นดินของเรา
ดินแดนที่เราครอบครอง
เราจักพร้อมใจพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศของเราและแผ่นดิน
ของเรา
นี่คือ….หน้าที่ของเรา
เพื่อผืนแผ่นดินอันสูงค่า
ส่วนธงชาตินั้น
หรือ ไหน่หงั่งด่อ-อะหลั่ง (O6b'N'"g9kNv]")
ของสหภาพพม่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นธงชาติที่ได้ใช้มาตั้งแต่สมัยสังคมนิยม
นั่นคือหลังจากที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับสังคมนิยมเมื่อปี ค.ศ.
๑๙๗๔ เป็นต้นมา แม้ปัจจุบันพม่าจะยกเลิกระบอบสังคมนิยมไปแล้ว
แต่พม่าก็มิได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของธงชาติให้ต่างไปจากเดิม
ในแบบเรียนการอ่านภาษาเมียนมา เกรด ๒
ได้กล่าวถึงการเคารพธงชาติและความหมายของสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนผืนธงชาติไว้ดังนี้
บนเสาธงที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนของผม
ธงชาติจะโบกสะบัดอยู่ทุกวันเมื่อเป็นเวลาเปิดเรียน
ในตอนเช้าขึ้นเรียนครูและนักเรียนทั้งหลายจะทำความเคารพธงชาติ
พอได้ยินเสียงตีระฆังขึ้นเรียน
นักเรียนจะยืนเข้าแถวอย่างสงบอยู่หน้าเสาธง จากนั้น
เมื่อครูใหญ่ออกคำสั่งให้เคารพธงชาติ
ทุกคนก็จะแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
ธงชาติมีสีพื้นเป็นสีแดง
มุมบนด้านซ้ายของธงชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน
ในพื้นที่สี่เหลี่ยมนั้น มีดาวขนาดเท่ากันจำนวน ๑๔
ดวงล้อมรอบรวงข้าวและฟันเฟือง
รวงข้าวเป็นสัญลักษณ์ของชาวไร่ชาวนา
ฟันเฟืองเป็นสัญลักษณ์ของกรรมกร
ชาวไร่ชาวนาและกรรมกรถือเป็นชนชั้นรากฐานของการก่อตั้งระบอบสังคมนิยม
ดวงดาว
๑๔ ดวงที่มีขนาดเท่ากันนั้น
สื่อความหมายถึงความเสมอภาคและความสามัคคีของรัฐและมณฑล ๑๔
แห่ง
สีขาวในธงชาติหมายถึงความสะอาดบริสุทธิ์
สีแดงหมายถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว
สีน้ำเงินบนมุมบนด้านซ้ายของธงชาติหมายถึงสันติภาพและความสุขุม
พวกเราเคารพธงชาติโดยจะรำลึกอยู่เสมอว่าจะช่วยกันดำรงสัจจะต่อชาติและร่วมกันปกป้องเอกราช
รูปลักษณ์ของธงชาติพม่าสะท้อนรูปแบบของการปกครองและอุดมการณ์ของชาติ
กล่าวคือธงชาติได้สื่อความหมาย “สาธารณรัฐสังคมนิยมแห่งสหภาพเมียนมา”
โดยกำหนดดวงดาว ๑๔ ดวงให้มีขนาดเท่ากันรวมตัวอยู่บนผืนธง
เพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวและความเท่าเทียมกันของรัฐ ๗
รัฐซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยดั้งเดิมของชนชาติส่วนน้อย และมณฑล ๗
มณฑลซึ่งเป็นที่อาศัยของชนชาติพม่าซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
และธงชาติยังสะท้อนภาพสังคมชาวนาและกรรมกรให้เป็นชนชั้นรากฐานของสังคมในรูปของรวงข้าวกับฟันเฟือง
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันพม่ามิได้เน้นความสำคัญของชนชั้นรากฐานดังกล่าวอีกแล้ว
เพราะระบอบสังคมนิยมกำลังถูกแทนที่ด้วยระบอบประชาธิปไตยในแนวทางที่รัฐบาลทหารจะกำหนด
สำหรับสีของธงชาติพม่านั้นจะใช้สื่อความหมายทางจิตใจ
กล่าวคือการมีจิตใจอันบริสุทธิ์หมดจดอย่างชาวพุทธ
การมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างนักรบที่ร่วมสร้างชาติและกอบกู้เอกราช
และการมีความรักในสันติภาพ
เพื่อชนทุกเผ่าพันธุ์จักได้อาศัยร่วมแผ่นดินเดียวกันอย่างสงบสุข
ในปัจจุบันพม่าได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองจากระบอบสังคมนิยมมาเป็นระบอบข้าราชการที่มีกองทัพเป็นกลไกหลัก
ผู้นำสูงสุดได้เปลี่ยนจากประธานาธิบดีมาเป็นประธานประเทศ
พร้อมกับยกเลิกรูปลักษณ์ของการเป็นสาธารณรัฐในวิถีสังคมนิยม
หันมาเน้นความเป็นเอกภาพในรูปแบบสหภาพ
นอกจากนี้อุดมการณ์ของชาติก็เน้นเรื่องจิตใจรักชาติและเผ่าพันธุ์
และจิตสำนึกแห่งสหภาพ เพื่อให้เป็นหัวใจของชาติ
ในการแสดงความเคารพธงชาติ หรือ อะเล-ปยุ(vg]t1x)
ชาวพม่าจะยืนตรงโดยมือทั้งสองวางแนบกายพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อย
สำหรับบางโรงเรียน
การทำความเคารพธงชาติหน้าเสาธงจะกระทำเฉพาะในวันสำคัญเท่านั้น
มิได้มีการยืนเข้าแถวหน้าเสาธงทุกเช้า
โรงเรียนบางแห่งนักเรียนจะต้องร้องเพลงชาติวันละ ๒ หน คือ
ในเวลาเช้าก่อนเข้าเรียนและในเวลาเย็นก่อนเลิกเรียน
โดยอาจร้องพร้อมกันในห้องเรียนทุกชั้น
ส่วนการเชิญธงขึ้นหรือลงจะมีนักเรียนทำหน้าที่ชักธงที่สนามหน้าโรงเรียน
และหลังจากร้องเพลงชาติในตอนเช้าก็จะต้องท่องบทสวดพุทธคุณด้วย
ส่วนในโรงภาพยนตร์นั้น
จะมีการเปิดเพลงชาติก่อนเริ่มแสดงเช่นกันและทุกคนจะต้องยืนตรงจนกว่าเพลงชาติจะจบลง
เคยลองถามความเห็นจากชาวพม่าว่า ในเวลาร้องเพลงชาติทุกเช้า
ทำไมโรงเรียนบางแห่งจึงไม่ให้นักเรียนยืนเข้าแถวพร้อมกันหน้าเสาธงในสนาม
มีคำตอบว่าหากยืนชุมนุมกันเช่นนั้นทุกวัน
อาจเป็นช่องทางก่อเหตุไม่สงบโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาล
และผู้บริหารโรงเรียนก็คงจะอุ่นใจกว่า
นับเป็นเหตุผลที่ฟังแล้วน่าเห็นใจคนพม่า
นี่อาจเป็นเพราะการคุมเข้มของรัฐมีมากเกินไป
จนทำให้ชาวบ้านชอบตีความเรื่องต่างๆให้เป็นการเมืองไปหมด
วิรัช
นิยมธรรม