น้ำ
พม่าเรียกน้ำว่า เหย่ ( gi X พม่าถือว่าน้ำเป็นสื่อแห่งกุศล ดังมีคำกล่าวว่า “ หมากหนึ่งคำ น้ำหนึ่งถ้วย เมี่ยงหนึ่งก้าน อ้อยหนึ่งท่อน เป็นทานอันประเสริฐ” พม่าจึงนิยมบริจาคน้ำเป็นทาน ด้วยถือเป็นบุญกิริยาอย่างหนึ่งที่ควรมีต่อเพื่อนมนุษย์ ดังพบว่าตามละแวกบ้านหรือริมทางเดิน มักมีการตั้งร้านน้ำที่พม่าเรียกว่า เหย่ชางสี่ง (gi-y,Nt0'N X หรือ เหย่โอสี่ง Z givb6t0'N X สำหรับให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อาศัยดื่มกิน ร้านน้ำมักทำเป็นหิ้งมุงหลังคา พื้นร้านปูทรายเพื่อวางโอ่งดินเผา โดยมีฝาโอ่งปิดมิดชิด พร้อมกระบวยสำหรับตักน้ำดื่ม หิ้งน้ำมักทำไว้ที่ใต้ร่มไม้ พบเห็นง่ายทั้งในชนบทและย่านชุมชน บางทีอาจพบเห็นต้นข้าวงอกอยู่กับร้านน้ำดูสดชื่น การตั้งร้านน้ำเพื่อเป็นทานจึงนับเป็นกุศลเจตนาที่น่ายกย่อง เป็นทานน้ำใจที่บริสุทธิ์และงดงาม และเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่มีค่าของสังคมพม่า
การทำร้านน้ำบริจาคเป็นทานนั้นพบในสมัยอังวะ ดังมีกล่าวว่า ร้านน้ำตั้งไว้ให้พระ โยมและผู้มาพักพิงได้อาศัยดื่มกิน เพื่อเป็นทานอย่างหนึ่ง เชื่อว่าการบริจาคน้ำดื่มจะได้อานิสงส์ช่วยให้ปราศจากภัยทั้งปวง ก่อความสงบสุขให้กับผู้บริจาค และกล่าวว่ากุศลจากการบริจาคน้ำนั้นมี ๑๐ ประการ ได้แก่ ๑. มีอำนาจวาสนา ๒.มั่งมีศรีสุข ๓.แวดล้อมด้วยบริวาร ๔. ผิวกายนุ่มนวล ๕.ปราศจากภัยพิบัติ ๖.มีเกียรติระบือไกล ๗.ไร้รอยมลทิน ๘.รูปงาม ๙.ค้าขายราบรื่น และ ๑๐.สุขสงบทั้งกายและใจ กุศลจึงเป็นแรงจูงใจของการบริจาคน้ำเป็นทาน
นอกจากการตั้งร้านน้ำตามละแวกบ้านแล้ว ชาวพม่ายังนิยมบริจาคโอ่งดินเผาให้กับวัด โอ่งดินเผาที่นิยมบริจาคจะทำด้วยดินปนทราย ซึ่งจะเก็บความเย็นได้ดี พม่าเรียกโอ่งชนิดนี้ว่า โอ่งทราย หรือ แตโอ ( lcvb6t X จวบจนปัจจุบัน แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่การบริจาคน้ำก็ยังเป็นที่นิยม บ้างเริ่มเปลี่ยนจากการทำร้านน้ำด้วยโอ่งดินเผามาเป็นน้ำก๊อก และบ้างถวายเป็นแท้งค์น้ำที่ทำด้วยพลาสติกแทนการถวายเป็นโอ่งดิน ความเย็นชุ่มฉ่ำคงตัวของน้ำที่เคยได้จากโอ่งดินเผาจึงกำลังถูกทดแทนด้วยน้ำก๊อกและน้ำแทงค์ที่ร้อนเย็นตามสภาพอากาศ
ในการทำบุญถวายสิ่งของให้กับวัด พม่าจะมีการกรวดน้ำ ที่เรียกว่า เหย่แซะชะ ( gi0dN-y X เพื่อประกาศให้พระแม่ธรณี ( ge,g0k'NHo9N X เป็นสักขีพยาน พม่าถือว่าการทำบุญร่วมกันหรือการกรวดน้ำร่วมขันนั้น จะส่งผลให้พบกันในชาติหน้า ฉะนั้นหากได้คบกันในชาตินี้ ก็มักจะพูดว่าเป็นเพราะได้ทำบุญร่วมกันมาแต่ปางก่อน ดังคำกล่าวว่า หยาดน้ำจรด หรือ เหย่แซะโส่ง ( gi0dNC"6 X แต่ถ้าหากมีเรื่องผิดใจกันหรือจำต้องร้างลาจากกันไปก็จะอ้างว่า หยาดน้ำสุดสิ้น หรือเหย่แซะโก่ง ( gi0dNd6oN X ดังนั้นไม่ว่าจะคบกันหรือตัดขาดจากกัน พม่าจึงอาจยกเอากุศลจากการร่วมบุญมาอ้างได้เสมอ
พม่ามีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ อาทิ ในกลางเดือนเมษายน พม่าจะมีเทศกาลสงกรานต์ หรือประเพณีเล่นสาดน้ำ ( gid0kt X ชาวพม่าเชื่อว่าน้ำที่ใช้รดกันในช่วงสงกรานต์เป็นน้ำมงคล ช่วยให้ชีวิตมีความสงบสุข และป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย พม่ามีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่และปล่อยปลาในช่วงสงกรานต์ด้วย และยังมีประเพณีรดน้ำต้นโพธิ์ ( gPk'Ngil:oNx:c X ในเดือนพฤษภาคม หรืออาจทำบุญด้วยการเติมน้ำให้กับบ่อในวัด โดยเฉพาะในวัดที่อยู่ในพื้นที่กันดาร นอกจากนี้ชาวพม่ายังนิยมสรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิดที่รอบองค์พระเจดีย์ และเรียกการสรงน้ำว่า เหย่-ต๊ะแป่ ( gilxxkpN X ชาวพม่าสรงน้ำพระก็เพื่อการสะเดาะเคราะห์และขอพรจากองค์พระ น้ำจึงเป็นสื่อประสานศรัทธาให้บังเกิดความสุขใจได้อย่างอัศจรรย์
พม่ามีภาษิตที่เกี่ยวกับน้ำอยู่มาก เช่น น้ำเชี่ยวเป็นครา ไหลช้าเป็นที หมายถึง ชีวิตเหมือนสายน้ำที่มีทั้งทุกข์และสุข , บัวไม่ให้พันนัว น้ำไม่ให้ขุ่นมัว เหมือนกับ บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น , น้ำมากน้ำชนะ ไฟมากไฟชนะ เหมือนกับน้ำน้อยแพ้ไฟ , น้ำสูง บัวสูง หมายถึง ผู้น้อยย่อมเจริญด้วยผู้ใหญ่ เช่น หากนายตนเลื่อนตำแหน่งฐานะ ลูกน้องก็พลอยเจริญตาม เป็นต้น
ในด้านสุขภาพ ตำรายากลางบ้านของพม่ามีกล่าวว่า ตาคู่กับน้ำ ฟันคู่กับเกลือ หูกับน้ำมันงา หลังล้างหน้าจึงให้เอาน้ำสะอาดประพรมที่ตาด้วยเชื่อว่าจะทำให้ดวงตาแจ่มใส ในเวลาเช้าหลังล้างหน้าให้ดื่มน้ำเพื่อจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ชาวพม่าจะห้ามอาบน้ำทันทีเมื่อเดินผ่านแดดมา และมักกำชับให้อาบน้ำเฉพาะในเวลาแดดอ่อนเท่านั้น นอกจากนี้การอาบน้ำจากบ่อบาดาลที่เย็นยะเยือกอาจทำให้เจ็บไข้ได้ง่าย พม่าเรียกน้ำบาดาลอย่างชวนให้ฉุกคิดว่า น้ำอเวจี หรือ อะหวีซิ-เหย่ ( v;u0bgi X อเวจีเป็นขุมนรกที่ลึกที่สุด สำหรับลงอาญาสัตว์นรกที่บาปหนา เพียงยินแค่ชื่อก็แทบไม่ต้องเตือนซ้ำ
วิรัช นิยมธรรม
พม่าเรียกน้ำว่า เหย่ ( gi X พม่าถือว่าน้ำเป็นสื่อแห่งกุศล ดังมีคำกล่าวว่า “ หมากหนึ่งคำ น้ำหนึ่งถ้วย เมี่ยงหนึ่งก้าน อ้อยหนึ่งท่อน เป็นทานอันประเสริฐ” พม่าจึงนิยมบริจาคน้ำเป็นทาน ด้วยถือเป็นบุญกิริยาอย่างหนึ่งที่ควรมีต่อเพื่อนมนุษย์ ดังพบว่าตามละแวกบ้านหรือริมทางเดิน มักมีการตั้งร้านน้ำที่พม่าเรียกว่า เหย่ชางสี่ง (gi-y,Nt0'N X หรือ เหย่โอสี่ง Z givb6t0'N X สำหรับให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้อาศัยดื่มกิน ร้านน้ำมักทำเป็นหิ้งมุงหลังคา พื้นร้านปูทรายเพื่อวางโอ่งดินเผา โดยมีฝาโอ่งปิดมิดชิด พร้อมกระบวยสำหรับตักน้ำดื่ม หิ้งน้ำมักทำไว้ที่ใต้ร่มไม้ พบเห็นง่ายทั้งในชนบทและย่านชุมชน บางทีอาจพบเห็นต้นข้าวงอกอยู่กับร้านน้ำดูสดชื่น การตั้งร้านน้ำเพื่อเป็นทานจึงนับเป็นกุศลเจตนาที่น่ายกย่อง เป็นทานน้ำใจที่บริสุทธิ์และงดงาม และเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่มีค่าของสังคมพม่า
การทำร้านน้ำบริจาคเป็นทานนั้นพบในสมัยอังวะ ดังมีกล่าวว่า ร้านน้ำตั้งไว้ให้พระ โยมและผู้มาพักพิงได้อาศัยดื่มกิน เพื่อเป็นทานอย่างหนึ่ง เชื่อว่าการบริจาคน้ำดื่มจะได้อานิสงส์ช่วยให้ปราศจากภัยทั้งปวง ก่อความสงบสุขให้กับผู้บริจาค และกล่าวว่ากุศลจากการบริจาคน้ำนั้นมี ๑๐ ประการ ได้แก่ ๑. มีอำนาจวาสนา ๒.มั่งมีศรีสุข ๓.แวดล้อมด้วยบริวาร ๔. ผิวกายนุ่มนวล ๕.ปราศจากภัยพิบัติ ๖.มีเกียรติระบือไกล ๗.ไร้รอยมลทิน ๘.รูปงาม ๙.ค้าขายราบรื่น และ ๑๐.สุขสงบทั้งกายและใจ กุศลจึงเป็นแรงจูงใจของการบริจาคน้ำเป็นทาน
นอกจากการตั้งร้านน้ำตามละแวกบ้านแล้ว ชาวพม่ายังนิยมบริจาคโอ่งดินเผาให้กับวัด โอ่งดินเผาที่นิยมบริจาคจะทำด้วยดินปนทราย ซึ่งจะเก็บความเย็นได้ดี พม่าเรียกโอ่งชนิดนี้ว่า โอ่งทราย หรือ แตโอ ( lcvb6t X จวบจนปัจจุบัน แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่การบริจาคน้ำก็ยังเป็นที่นิยม บ้างเริ่มเปลี่ยนจากการทำร้านน้ำด้วยโอ่งดินเผามาเป็นน้ำก๊อก และบ้างถวายเป็นแท้งค์น้ำที่ทำด้วยพลาสติกแทนการถวายเป็นโอ่งดิน ความเย็นชุ่มฉ่ำคงตัวของน้ำที่เคยได้จากโอ่งดินเผาจึงกำลังถูกทดแทนด้วยน้ำก๊อกและน้ำแทงค์ที่ร้อนเย็นตามสภาพอากาศ
ในการทำบุญถวายสิ่งของให้กับวัด พม่าจะมีการกรวดน้ำ ที่เรียกว่า เหย่แซะชะ ( gi0dN-y X เพื่อประกาศให้พระแม่ธรณี ( ge,g0k'NHo9N X เป็นสักขีพยาน พม่าถือว่าการทำบุญร่วมกันหรือการกรวดน้ำร่วมขันนั้น จะส่งผลให้พบกันในชาติหน้า ฉะนั้นหากได้คบกันในชาตินี้ ก็มักจะพูดว่าเป็นเพราะได้ทำบุญร่วมกันมาแต่ปางก่อน ดังคำกล่าวว่า หยาดน้ำจรด หรือ เหย่แซะโส่ง ( gi0dNC"6 X แต่ถ้าหากมีเรื่องผิดใจกันหรือจำต้องร้างลาจากกันไปก็จะอ้างว่า หยาดน้ำสุดสิ้น หรือเหย่แซะโก่ง ( gi0dNd6oN X ดังนั้นไม่ว่าจะคบกันหรือตัดขาดจากกัน พม่าจึงอาจยกเอากุศลจากการร่วมบุญมาอ้างได้เสมอ
พม่ามีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ อาทิ ในกลางเดือนเมษายน พม่าจะมีเทศกาลสงกรานต์ หรือประเพณีเล่นสาดน้ำ ( gid0kt X ชาวพม่าเชื่อว่าน้ำที่ใช้รดกันในช่วงสงกรานต์เป็นน้ำมงคล ช่วยให้ชีวิตมีความสงบสุข และป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย พม่ามีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่และปล่อยปลาในช่วงสงกรานต์ด้วย และยังมีประเพณีรดน้ำต้นโพธิ์ ( gPk'Ngil:oNx:c X ในเดือนพฤษภาคม หรืออาจทำบุญด้วยการเติมน้ำให้กับบ่อในวัด โดยเฉพาะในวัดที่อยู่ในพื้นที่กันดาร นอกจากนี้ชาวพม่ายังนิยมสรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิดที่รอบองค์พระเจดีย์ และเรียกการสรงน้ำว่า เหย่-ต๊ะแป่ ( gilxxkpN X ชาวพม่าสรงน้ำพระก็เพื่อการสะเดาะเคราะห์และขอพรจากองค์พระ น้ำจึงเป็นสื่อประสานศรัทธาให้บังเกิดความสุขใจได้อย่างอัศจรรย์
พม่ามีภาษิตที่เกี่ยวกับน้ำอยู่มาก เช่น น้ำเชี่ยวเป็นครา ไหลช้าเป็นที หมายถึง ชีวิตเหมือนสายน้ำที่มีทั้งทุกข์และสุข , บัวไม่ให้พันนัว น้ำไม่ให้ขุ่นมัว เหมือนกับ บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น , น้ำมากน้ำชนะ ไฟมากไฟชนะ เหมือนกับน้ำน้อยแพ้ไฟ , น้ำสูง บัวสูง หมายถึง ผู้น้อยย่อมเจริญด้วยผู้ใหญ่ เช่น หากนายตนเลื่อนตำแหน่งฐานะ ลูกน้องก็พลอยเจริญตาม เป็นต้น
ในด้านสุขภาพ ตำรายากลางบ้านของพม่ามีกล่าวว่า ตาคู่กับน้ำ ฟันคู่กับเกลือ หูกับน้ำมันงา หลังล้างหน้าจึงให้เอาน้ำสะอาดประพรมที่ตาด้วยเชื่อว่าจะทำให้ดวงตาแจ่มใส ในเวลาเช้าหลังล้างหน้าให้ดื่มน้ำเพื่อจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ชาวพม่าจะห้ามอาบน้ำทันทีเมื่อเดินผ่านแดดมา และมักกำชับให้อาบน้ำเฉพาะในเวลาแดดอ่อนเท่านั้น นอกจากนี้การอาบน้ำจากบ่อบาดาลที่เย็นยะเยือกอาจทำให้เจ็บไข้ได้ง่าย พม่าเรียกน้ำบาดาลอย่างชวนให้ฉุกคิดว่า น้ำอเวจี หรือ อะหวีซิ-เหย่ ( v;u0bgi X อเวจีเป็นขุมนรกที่ลึกที่สุด สำหรับลงอาญาสัตว์นรกที่บาปหนา เพียงยินแค่ชื่อก็แทบไม่ต้องเตือนซ้ำ
วิรัช นิยมธรรม