พม่ามีคำเฉพาะสำหรับนำหน้าชื่อชายหญิงในวัยผู้ใหญ่ อย่างกรณีชายวัยผู้ใหญ่แต่ยังไม่ถึงวัยกลางคน จะนิยมใช้คำนำหน้าชื่อว่า โก
ชื่อพม่า
อู-ด่อ
พม่ามีคำเฉพาะสำหรับนำหน้าชื่อชายหญิงในวัยผู้ใหญ่
อย่างกรณีชายวัยผู้ใหญ่แต่ยังไม่ถึงวัยกลางคน
จะนิยมใช้คำนำหน้าชื่อว่า โก Z db6 X เช่น
โกไหน่หม่อ หากเป็นผู้ใหญ่อายุเลยกลางคนแล้ว จะไม่ใช้คำว่า โก
แต่จะใช้คำว่า อู ( fut X นำหน้าชื่อเช่น
อูเนวิน ส่วนผู้หญิงนั้น จะต้องใช้คำว่า ดอ ( gmK X นำหน้าชื่อ
เช่น ดอแต๊ะฉ่วย เป็นต้น
การเรียกชื่อชาวพม่าไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงจะต้องใช้คำนำหน้าชื่อ
ได้แก่ หม่อง ( สำหรับเด็กชายหรือเด็กหนุ่ม ) มะ (
สำหรับเด็กหญิงหรือเด็กสาว ) โก อู หรือ ดอ
ตามกล่าว
ที่สำคัญควรต้องใช้ให้เหมาะสมกับวัยและไม่ควรเรียกเฉพาะชื่อด้วยจะดูไม่สุภาพ
แต่ถ้าจำชือไม่ได้ก็ควรใช้คำเครือญาติแทน
ถ้าผู้พูดด้วยเป็นพระสงฆ์หรือแม่ชี
จะต้องใช้คำนำหน้าฉายาเช่นกัน หากเป็นพระสงฆ์จะขึ้นต้นนามด้วย
อะฉิ่งอู (via'NfutX
และตามด้วยฉายา เช่น อะฉิ่งอูโกณฑัญญะ
แต่ถ้าไม่ทราบฉายาให้เรียกท่านว่า อูบะซีง (
futxf0'NtX หรือ อูซีง ( fut='Nt X
สองคำนี้ใช้สำหรับพระหนุ่ม แต่ถ้าพรรษาสูงหน่อยให้ใช้ว่า
โพงจี ( 46oNtWdut X
และถ้าจะเรียกอย่างสนิทสนมให้เรียกท่านว่า โพงโพง
Z46oNt46oNt X มีนัยเหมือนกับ “หลวงพี่” หรือ “หลวงลุง”
ของไทยเรา
แต่ถ้าเป็นระดับเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งสูง ควรใช้ว่า
ซะยาดอ ( Cikg9kN X แปลว่า “พระอาจารย์” ส่วนสรรพนามสำหรับพระสงฆ์
จะใช้ว่า อะฉิ่งพยา ( via'N46ikt X เทียบได้กับ
“พระคุณเจ้า”และใช้คำสรรพนามแทนตัวว่า ตะแบ๊ะด่อ (
9xPNHg9kN X แปลตามศัพท์ว่า “ศิษย์” ส่วนผู้หญิงให้ใช้
ตะแบ๊ะด่อมะ Z 9xPNHg9kN, X
โดยเติมปัจจัย มะ หมายถึง “หญิง” ต่อท้ายคำ
แต่ถ้าพูดกับสามเณรให้ใช้สรรพนามแทนท่านว่า
โกยีง ( db6i'N X หรือ
หม่องฉิ่ง Z g,k'Nia'N X
สำหรับแม่ชีนั้นก็ต้องใช้สรรพนามตามวัยตามฐานะเช่นกัน
หากพูดกับแม่ชีสูงอายุหรือแม่ชีระดับเจ้าสำนักควรใช้ว่า
ซะยาจี ( CikWdut X แปลว่า “ อาจารย์ใหญ่”
แต่ถ้าเป็นแม่ชีที่อายุยังน้อย จะเรียกว่า
ซะยาเล ( Cikg]t X แปลว่า “ครูน้อย”
ถึงแม้จะเป็นชีเพียงวัยเยาว์ ก็ควรเรียกเธออย่างยกย่องตามนั้น
ชาวพม่ายกย่องผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านและเรียกนำหน้าชื่อหรือแทนชื่อด้วยคำว่า
ซะยา ( Cik X อาทิ หมอยา หมอดู
ครูบาอาจารย์ ช่างศิลป์ ช่างฝีมือ
หรือแม้แต่คนขับรถก็นิยมเรียกว่า ซะยา คำนี้ตรงกับคำว่า
สล่า ในภาษาถิ่นเหนือของไทย
แต่สำหรับแพทย์ปริญญาจะขึ้นต้นด้วย ด็อกต่า
(gmjdN9k X มาจาก Doctor และใช้คำเรียกอย่างสุภาพว่า
ตะมาด่อ ( l,ktg9kN X เทียบได้กับ
“คุณหมอ”ในภาษาไทย
ชาวพม่าที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มักจะตั้งฉายานำหน้าชื่อของตน
โดยเฉพาะนักเขียนและศิลปิน เช่น
นักเขียนที่ผ่านการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย จะขึ้นต้นนามตัวว่า
ตักกะโต ( 9ddlb6]N X คำนี้แปลว่า “มหาวิทยาลัย”
เช่น ตักกะโตหม่องตุไหล่
หากเป็นดาราตุ๊กตาทองจะขึ้นต้นด้วยฉายาว่า อะแกดะหมี่ (vdpNm,u X
มาจากภาษาอังกฤษว่า academy เช่น อะแกดะหมี่ ยันอ่อง
เป็นดาราชายชื่อดังของพม่า บางคนใช้ชื่อบ้านเกิดของตนมานำหน้าชื่อ
เช่น ธนุพยู หม่องขิ่งหมิ่ง หมายถึง
“หม่องขิ่งหมิ่งแห่งเมืองธนุพยู”สำหรับพระสงฆ์ที่ประกอบคุณความดี
ชาวบ้านมักจะตั้งฉายาพิเศษให้ท่านเป็นนามบ้านเกิด อาทิ
พระอาจารย์อูโกสัลละ
อดีตพระผู้ทรงพระไตรปิฎกที่เพิ่งมรณภาพเมื่อปลายปี พ.ศ ๒๕๓๘
ท่านกำเนิดที่เมืองแปร จึงได้รับฉายาว่า ปยีซะยาด่อ
(exPNCikg9kN Xคำว่า ปยี ( exPN X หมายถึงเมืองแปร
ตามเรียกในสำเนียงพม่า ด้วยเหตุที่พม่าชอบมีฉายาแสดงเกียรติประวัติ
จนแม้แต่พระพม่าที่เดินทางกลับจากเมืองนอก
อาจจะเพียงครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ยังตั้งฉายาให้ อาทิ
โยดะยาเปียงโพงจี ( pb6tmpktexoN46oNtWdut X แปลว่า
“สงฆ์ผู้กลับจากเมืองไทย” แบบนี้ก็เป็นฉายาได้เช่นกัน
วิรัช นิยมธรรม