บุษบา
นางสาว บุษบา จุ๋ม วงวิพัฒน์

....จากบ้านนา ด้วยรัก....


เมื่อถึงเวลาจะกลับมา พัฒนาบ้านเกิด

       เมื่อวานผู้เขียน ได้กลับไปเลือกตั้งที่บ้านเกิดค่ะ รู้สึกดีใจมาก ที่จะได้กลับไปหาคุณยายสักที ขึ้นรถที่หมอชิต  2  เวลาประมาณ 23.30 น. กว่ารถจะออกได้ก็ปาเข้าไปเป็นเวลาเริ่มต้นของวันใหม่แล้วค่ะ

      ตลอดเวลาที่นั่งรถกลับบ้านนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ  ผู้เขียนใช้เวลานั่งรถราว 8  ชั่วโมงได้ค่ะ  (นานพอควรเหมือนกันค่ะ) เพราะผู้เขียนนั่งรถ  ป. 2  ทีแรกคุณพ่อคุณแม่จะจองตั๋วรถ  ป. 1  ให้ แต่ปรากฎว่า รถ  ป. 1 เต็มทุกเที่ยว ทุกบริษัทค่ะ  คุณพ่อจึงไปซื้อตั๋ว  ป. 2 ให้ ด้วยเหตุนี้ค่ะ ที่ผู้เขียนนั่งรถนานเกินเวลาปกติ  ไม่อยากบอกเลยค่ะ ว่า รถ  ป. 2  นั้น จอดทุกสถานีที่ผ่านค่ะ  รับคนข้างทางได้ตลอดเวลา  จนทำให้บางครั้งผู้เขียนรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยค่ะ  แต่ก็ไม่เป็นไร  เมื่อคิดไปข้างหน้าว่าจะได้พบหน้า คุณยาย และ ญาตพี่น้อง ทุกคนค่ะ 

      เมื่อรถจอดที่สถานี บ.ข.ส. ร้อยเอ็ด เป็นเวลา 8.30 น. พอดีค่ะ   เมื่อลงจากรถมาสิ่งแรกที่เห็นก็คือ พี่ชายของผู้เขียนมานั่งรอรับแล้ว พี่บอกว่ามารอตั้งแต่  6 โมงเช้าเลยค่ะ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกปลื้มไม่เบาเลย เพราะอยู่กับพี่มา ตั้งแต่เล็ก พี่เค้าทำอะไรไม่เคยจะรอน้องสาวคนนี้เลย  แต่มาถึงวันนี้ พี่มานั่งรอตั้งหลายชั่วโมง  เป็นสิ่งที่ประทับใจ และจะไม่ลืมวันนี้เลยค่ะ

       เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ผู้เขียนทำก็คือ ยกมือไหว้ คุณยาย และคุณลุง คุณป้า จากนั้น ก็ไปหา  น้องเจส ลูกของคุณน้า ที่อยู่บ้านอีกหลังนึง คุณยายบอกว่า หน้าของน้องเหมือนกลับผู้เขียนทุกอย่าง  แต่ผู้เขียนก็มองแล้วมองอีก ก็ไม่มีส่วนเหมือนเลย ( แต่ก็แอบคิดไปว่า ถ้าเหมือนกัน น้องเจสต้องน่ารักแน่เลย  อิ...อิ...) และคุณยายบอกว่า ตอนที่ผู้เขียนยังเล็ก ตัวเท่าน้องเจส  หน้าตาก็เหมือนน้องนี่แหละ

      เวลาล่วงผ่านไปได้ประมาณ  3  ชั่วโมง ทุกคนร่วมรัปทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้า  เว้น แต่คุณพ่อ และคุณแม่ ที่ไม่ได้มาด้วย  ผู้เขียนรู้สึกเสียดายที่พวกท่านไม่ได้มาอยู่กันพร้อมหน้า  ถ้าพร้อมหน้ากันครบทุกคน  คงจะมีความสุขมากกว่านี้  หลังจากรัปทานอาหารเสร็จแล้ว คุณป้า และคุณน้า ได้ชวนกันออกไปเลือกตั้ง ผู้เขียนก็ได้ไปพร้อมๆกับพวกท่าน แต่คุณยายไม่ได้ไป เพราะ ท่านไปเลือกก่อนหน้านี้แล้ว

     จากนั้นคุณป้าก็ออกไปที่สวน เพื่อดูผักต่างๆ ที่ปลูกไว้ คุณน้าก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของแต่ละคน

      เวลาผ่านไปเร็วมากค่ะ  ผู้เขียนต้องกลับกรุงเทพ  ฯ ในวันนั้นเอง เพราะไม่มีใครช่วยคุณแม่ทางนี้  แต่พี่ก็โทรขอแม่แล้ว ว่าให้น้องนอนค้างที่บ้านสักคืนก่อน แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมค่ะ เพราะแม่เห็นว่า รถตู้ของน้าจะมากรุงเทพฯ พอดี น้าจะได้มาส่งถึงบ้านเลย แม่กับพ่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก

      อันที่จริงแล้วผู้เขียนตั้งใจว่าจะกลับวันนี้  และได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ไว้แล้วค่ะ  แต่ก็ต้องผิดหวัง ...เฮ้ย  ! นั่งอยู่บ้านยังสูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่ทันจะทั่วท้องเลย ก็ได้กลับไปที่วุ่นวายเสียแล้ว

       เวลาประมาณ  16.45 น.  รถคุณน้าก็มาจอดรับที่หน้าบ้านแล้วค่ะ  คิดแล้วใจหาย  ก่อนจะขึ้นรถกลับ ผู้เขียนไปกอดคุณยายและไหว้บอกลาพี่ชายด้วย  และฝากบอกลาทุกคนไว้กับพี่ชาย เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าผู้เขียนจะกลับเร็วอย่างนี้ จึงไม่มีใครมาส่ง นอกจาก คุณยาย และพี่ชายอีกคนนึง ก่อนจะขึ้นรถ  หันหลังให้คุณยาย น้ำตาของผู้เขียนคลอลูกตา อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ  รู้สึกใจหายมากค่ะ อยู่กับคุณยายยังไม่หายคิดถึงเลย ก็ได้จากไปอีกแล้ว ทำไงได้ล่ะคะตั้งแต่เล็กจนดต ก็มีคุณยาย เป็นผู้เลี้ยง  ผู้เขียนและพี่ชายมาตลอด จึงมีความรู้สึกรักและเคารพคุณยายมากค่ะ  ก่อนจะขึ้นรถ คุณยายบอกว่า  สงการณ์ค่อยกับมานะลูก ยายจะรออยู่ที่บ้านนี่แหละ  คำพูดของคุณยาย ทำให้น้ำตาของผู้เขียนที่คลออยู่นั้น ไหลออกมาเป็นสายเลยค่ะ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่า ใจหายมากค่ะ 

       ตลอดเวลาผู้เขียนมองข้างทางเสมอค่ะ   คิดว่า    จะจดจำบรรยากาศท้องทุ่งบ้านนา และกลิ่นอายของไอดิน ติดตาเอาไว้เป็นสิ่งเตือนใจว่าเรามาจากที่นี่ และไม่ลืมที่นี่แน่นอน  ยังคิดไปอีกว่า เมื่อเรียนจบแล้วจะนำความรู้มาพัฒนาบ้านเกิดให้ได้ค่ะ  ขณะนั้นอารมณ์ของกวีก็เกิดขึ้น ผู้เขียนได้แต่งกลอนขึ้นมา ระบายความรู้สึก ในขณะที่นั่งรถไป บทกลอนนั้น เอาไว้ให้สมบูรณ์กว่านี้ ผู้เขียนจะนำมาให้ผู้อ่าน ได้ลองอ่านดูเล่นๆ  จากความรู้สึกของเด็กบ้านนอกที่จากบ้านเกิดมา ด้วยความรักและคิดถึง....

 

  ............  pam............ 

หมายเลขบันทึก: 155697เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2007 18:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มีนาคม 2012 22:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ผมเองก็ไม่ยอมที่จะโอนย้ายทะเบียนบ้านมาที่มหาวิทยาลัย   เพราะคิดว่า  การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของารทดแทนบ้านเกิดของตนเอง  และอย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่เทศกาลที่บังคับให้เรากลับบ้านโดยปริยาย...

....

ที่บ้านมีความอบอุ่นจากผู้คน, ทุ่งนา   อ้าแขนรอรับเราอยู่ทุกเช้าค่ำ  การงานในหน้าที่ต่างหากที่พรากเราออกมาจากบ้าน

ทุกวันนี้ก็ไม่พยายามปลูกบ้านอยู่ที่มหาสารคาม  เพราะรูสึกเสมอมาว่า  ถ้าพร้อมที่จะปลูกบ้าน ... ผมก็จะปลูกบ้านที่บ้านเกิดของตนเอง   เพราะที่นั่นแวดล้อมไปด้วยญาติพี่น้องของผม

................

 

  • น่ารักน่าชื่นชมทั้งคู่เลย(pam,แผ่นดิน)
  • สำนึกรักบ้านเกิด เหมือนในโฆษณาอะไรน้า
  • รักเก่าที่บ้านเกิด รักเกิดที่บ้านเก่า

 . ขอบคุณค่ะ

 . อาจารย์  P  แผ่นดิน

 . หนูก็คิดเหมือนกันค่ะ

 . เพราะบ้านเกิดของเราโอบล้อมไปด้วยความรัก  ความเอื้อเฝื้อ เผื่อแผ่  ไม่เห็นแก่ตัว  ทุกคนเป็นญาตกันหมด ทั้งหมู่บ้านเลยค่ะ

 . ขอบคุณค่ะ

 . คุณหมอ  P  KP

 . สำหรับคำชม และแวะมาเยี่ยมเสมอๆ

 . ขอบคุณมากค่ะ

  .........pam.........

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท