ประเพณีสิบสองเดือนของพม่า


สังคมพม่านับได้ว่าเป็นสังคมที่แทบหยุดกาลเวลา และหยุดความเปลี่ยนแปลงไว้ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้เพราะพม่าปิดประเทศมานานกว่า ๓ ทศวรรษ
ประเพณีสิบสองเดือนของพม่า
สังคมพม่านับได้ว่าเป็นสังคมที่แทบหยุดกาลเวลา และหยุดความเปลี่ยนแปลงไว้ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้เพราะพม่าปิดประเทศมานานกว่า ๓ ทศวรรษ ในขณะที่โลกได้พัฒนาด้านเทคโนโลยีไปมาก ในช่วงเวลานั้น สังคมพม่าอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น เน้นความเป็นอยู่แบบพอมีพอกินและพึ่งพาตนเอง สิ่งจำเป็นจึงมีเพียงแค่ปัจจัยสี่ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค อีกทั้งสิ่งยั่วเย้าในการบริโภคที่เกินความจำเป็นก็มีไม่มาก ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่าในช่วงเวลาก่อนหน้านี้จึงมีความเรียบง่าย และไม่มีเรื่องที่จะต้องจับจ่ายกันมากนัก
ส่วนในด้านความบันเทิงนั้น ทางการพม่าจะคอยควบคุมให้อยู่ในกรอบของจารีตประเพณี ดังเช่น เมื่อก่อนหน้านี้ พม่าไม่มีสถานบันเทิงแบบสมัยใหม่ ไม่มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาฉายมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พม่าจะไม่มีการฉายภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ไม่ค่อยมีการเสนอข่าวอาชญากรรม ซึ่งอาจเป็นเพราะขัดกับค่านิยมพม่าที่มักเลือกรับข่าวสารเฉพาะเรื่องที่เป็นมงคล ด้วยเหตุนี้ชาวพม่าจึงพึ่งความบันเทิงแบบท้องถิ่น อาทิ ละคร ดนตรี มวย มายากล และภาพยนตร์พม่า สิ่งบันเทิงเหล่านี้หาชมได้ในช่วงวันงานประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็คืองานฉลองพระเจดีย์
นอกเหนือจากฉลองเจดีย์ที่จัดต่างเวลากันในแต่ละท้องถิ่นแล้ว ชาวพม่าส่วนใหญ่จะนิยมแสวงหาความสุขกับการประกอบบุญกริยาทางศาสนา หากเป็นชาวพุทธก็มักต้องหมั่นเข้าวัดทำบุญ นั่งสมาธิอยู่กับบ้าน หรือ ออกเดินทางแสวงบุญ นอกจากนี้พม่ายังมีงานประเพณีเพื่อสร้างกุศลที่อาจให้ความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย ได้แก่ งานฉลองสงกรานต์ งานวันรดน้ำต้นโพธิ์ งานจุดประทีป และงานทอดกฐิน เป็นต้น งานประเพณีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีสิบสองเดือน ที่ยังพบเห็นได้ในแทบทุกท้องถิ่น บางวันถือเป็นวันหยุดราชการอีกด้วย อาทิ วันสงกรานต์(lWdงoNgoh) จัดในเดือนดะกู ซึ่งเป็นเดือนแรกของศักราชพม่า ปัจจุบันกำหนดตรงกับวันที่ ๑๓ - ๑๗ เมษายน ของทุกปี, วันรดน้ำต้นโพธิ์(gPk'Ngil:oNtx:cg9kN) ตรงกับ วันเพ็ญ ในเดือนกะโส่ง, วันธรรมจักร(T,ม0Edkgoh) ตรงกับวันเพ็ญของเดือนหว่าโส่ ก่อนวันเข้าพรรษา ๑ วัน, วันอภิธรรม(v4bT,มkgoh) ตรงกับวันเพ็ญดะดีงจู๊ต ก่อนออกจากพรรษาหนึ่งวัน และวันตามประทีป(9oNgCk'N96b'Nx:cg9kN) มีในเดือนดะส่องโมง ส่วนวันทางศาสนาอื่นๆที่ถือเป็นวันหยุด ได้แก่ วันคริสตมาส(-i0จ,9Ngoh) และวันสำคัญของชนเผ่าและศาสนาต่างๆ ในส่วนประเพณีสิบสองเดือนของพม่านั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
นับแต่อดีตมา พม่ามีงานประเพณีของแต่ละเดือนในรอบปี เรียกว่า แซะนะล่ะหย่าตี่บะแว (CpNHOa0N]iklux:c) หรือประเพณีสิบสองเดือน ในยุคราชวงศ์ของพม่ามีการกำหนดให้งานนี้เป็นพระราชพิธี แม้ว่าในปัจจุบันพม่าจะยังคงสืบทอดงานประเพณีสิบสองเดือนไว้ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง ประเพณีสิบสองเดือนของพม่าเป็นดังนี้ (เดือน ๑ ของพม่า เท่ากับเดือน ๕ ของไทย และเดือน ๑๒ ไทย เท่ากับเดือน ๘ พม่า)
ลำดับเดือน เดือนพม่า   เดือนสากล  งานประเพณีประจำเดือน
      ๑            ดะกู              มี.ค.-เม.ย.     งานฉลองสงกรานต์ (lWdงoNx:c)
                    (9oN-^t) 
      ๒           กะโส่ง          เม.ย.-พ.ค.     งานรดน้ำต้นโพธิ์ (gPk'Ngil:oNtx:c)
                    (dC6oN)                            
      ๓           นะโหย่ง        พ.ค.-มิ.ย.      งานสอบพระธรรม(0kg9kNexoNx:c)
                    (op6oN)                             ปัจจุบันย้ายไปจัดในเดือนดะกู
      ๔           หว่าโส่          มิ.ย.-ก.ค.      งานบวชพระเณร (xfจ'Nt-"ia'N1xx:c)
                    (;jC6b)                              และ งานเข้าพรรษา (;jC6bx:c)
      ๕           หว่าข่อง        ก.ค.-ส.ค.      งานสลากภัต (0kgit9",cx:c)                    
                    (;jg-j'N)                          ปัจจุบันงานบูชานัตที่ต่องปะโยง
                                                             (g9k'N1x"to9Nx:c) เป็นที่สนใจมากขึ้น
      ๖            ต่อดะลีง        ส.ค.-ก.ย.      งานแข่งเรือ (g]a1xb'Nx:c)
                    (g9kNl]'Nt)                   หรือ งานต่อดะลีงหรืองานติจ์ซีง
                                                             (l0NC'Ntx:c) ปัจจุบันไม่มีการจัดงาน
      ๗           ดะดีงจู๊ต       ก.ย.-ต.ค.      งานจุดประทีป (,ut5:oNtx:c)  
                    (lu9'Ntdฐ9N)                 และ งานออกพรรษา    
                                                             นิยมปล่อยโคมลอยกันในเดือนนี้
      ๘           ดะส่องโมง    ต.ค.-พ.ย.      งานทอดกฐิน (d5boNx:c)
                    (9oNgCk'N,6oNt)                และ งานตามประทีป
                                                             (9oNgCk'N96b'N,ut5:oNtx:c)
      ๙           นะด่อ            พ.ย.-ธ.ค.      งานบูชานัต (o9Nx^g=kNx:c)
                    (o9Ng9kN)   ปัจจุบันจัดงานเทิดเกียรติกวี
                                                             (0kC6bg9kNx:c)แทนงานบูชานัต
    ๑๐           ปยาโต่          ธ.ค.-ม.ค.      งานอัศวยุทธ(e,'Nt-'Ntx:c)
                    (exkl6b)                              ปัจจุบันไม่มีการจัดงาน
    ๑๑           ดะโบ๊ะดแว    ม.ค.-ก.พ.      งานกวนข้าวทิพย์ (pk865,'Ntocx:c)
                    (9x6bh9:c)      และ งานหลัวไฟพระเจ้า(,utz6oNtx:c)
    ๑๒           ดะบอง          ก.พ.-มี.ค.      งานก่อเจดีย์ทราย (lcx6"g09ux:c)
                    (9gxj'Nt)                         หรือ งานดะบอง (9gxj'Ntx:c)
                                                             ปัจจุบันไม่นิยมจัดงานก่อเจดีย์ทราย
เดือนหนึ่ง เรียกว่า เดือนดะกู (มี.ค.-เม.ย.) เป็นเดือนเริ่มศักราชใหม่ และเป็นเดือนต้นฤดูร้อน ประเพณีสำคัญของเดือนนี้คืองานฉลองสงกรานต์ พม่าถือเป็นงานฉลองวันส่งท้ายปีเก่าและย่างสู่ปีใหม่(Oa0Nl0Nd^tx:c) มีการเล่นสาดน้ำกันตลอด ๕ วัน ชาวพม่าถือว่าช่วงเวลานี้เป็นวันมงคล จึงนิยมเข้าวัดรักษาศีล ช่วยกวาดลานวัดและลานเจดีย์ สรงน้ำพระพุทธและเจดีย์ รดน้ำดำหัวพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ตลอดจนครูบาอาจารย์ และสระผมให้ผู้เฒ่าผู้แก่ด้วยน้ำส้มป่อย งดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต บ้างสร้างกุศลด้วยการปล่อยวัว ควาย และปลา กวีพม่าชื่อ อูบุญญะ(Ftx6P) บันทึกไว้ว่า ในยามเที่ยงตรงของเดือนดะกู จะเห็นเงาตนเองใกล้ตัวเพียงแค่ ๓ ฝ่าเท้า หากเป็นเดือนอื่น จะเห็นได้ยาวสุดถึง ๖ ฝ่าเท้า ฉะนั้นเดือนดะกูจึงเป็นเดือนที่ตะวันยามเที่ยงอยู่ตรงศีรษะมากที่สุด เมื่อสิ้นวันสงกรานต์ ชาวพม่าจะนิยมจัดงานบวชเณรให้บุตรและจัดงานเจาะหูให้ธิดา ดังนั้นในช่วงหลังสงกรานต์ จะพบเห็นขบวนแห่ลูกแก้วและลูกหญิงไปตาม ท้องถนนและรอบลานองค์เจดีย์ ตามวัดต่างๆจึงมีสามเณรบวชใหม่อยู่กันเต็มแทบทุกวัด
เดือนสอง เรียกว่า เดือนกะโส่ง (เม.ย.-พ.ค.) พม่ามีสำนวนว่า "ดะกูน้ำลง กะโส่งน้ำแล้ง" เดือนกะโส่งจึงเป็นเดือนที่แห้งแล้ง ภาวะอากาศในเดือนนี้ออกจะร้อนอบอ้าวกว่าเดือนอื่นๆ ชาวพุทธพม่าจึงจัดงานรดน้ำต้นโพธิ์กันในวันเพ็ญของเดือนกะโส่ง และถืออีกว่าวันนี้ตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พม่าได้กำหนดเรียกวันดังกล่าวว่า วันพุทธะ (r6mธgoh) ในวันนี้ชาวพุทธพม่าจะนิยมปฏิบัติบูชาตามวัดและเจดีย์ ด้วยการรักษาศีลและเจริญภาวนา วัดและเจดีย์จึงมีผู้คนไปทำบุญมากเป็นพิเศษ เดือนกะโส่งนับเป็นเดือนที่ฝนเริ่มตั้งเค้า ชาวนาจะเริ่มลงนา เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
เดือนสาม เรียกว่า เดือนนะโหย่ง (พ.ค.-มิ.ย.) เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มการเพาะปลูก ฝนฟ้าเริ่มส่อเค้าและโปรยปราย อากาศเริ่มคลายร้อน ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มแตกยอด โรงเรียนต่างเริ่มเทอมใหม่หลังจากปิดภาคฤดูร้อน เดือนนะโหย่งจึงนับเป็นเดือนเริ่มชีวิตใหม่หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายเดือน ในสมัยราชวงศ์เคยจัดพิธีแรกนาขวัญในเดือนนี้ พม่าเรียกพิธีนี้ว่า "งานมงคลไถนา" (]pN5:oN,8ง]kx:c) ส่วนในทางศาสนา เคยเป็นเดือนสอบท่องหนังสือ พุทธธรรม(0kg9kNexoNx:c)สำหรับพระเณร กล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยของพระเจ้าตาหลุ่นมีงตะยา(lk]:oN,'Nt9ikt) แห่งอังวะยุคหลัง ในอดีตจะสอบเฉพาะท่องหนังสือด้วยปากเปล่า แต่ปัจจุบันมีทั้งการสอบเขียนและสอบท่อง และได้ย้ายไปจัดในเดือนดะกูซึ่งเป็นเดือนแรกของปี
เดือนสี่ เรียกว่า เดือนหว่าโส่ (มิ.ย.-ก.ค.) ถือเป็นเดือนสำคัญทางพุทธศาสนา ด้วยเป็นเดือนเข้าพรรษา พม่ากำหนดให้วันเพ็ญเดือนหว่าโส่เป็นวันธรรมจักร(T,ม0Edkgoh) เพื่อน้อมรำลึกวันปฏิสนธิ วันออกบวช และวันปฐมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันนี้ชาวพุทธพม่าจะเข้าวัดทำบุญและนมัสการพุทธเจดีย์กันอย่างเนืองแน่น และถัดจากวันธรรมจักร คือ วันแรม ๑ ค่ำของเดือนหว่าโส่ จะเป็นวันที่พระสงฆ์เริ่มจำพรรษาในเดือนนี้สาวๆพม่าในหมู่บ้านมักจะจับกลุ่มออกหาดอกไม้นานา เรียกรวมๆว่า ดอกเข้าพรรษา(;jC6bxoNt) ซึ่งขึ้นอยู่ตามชายป่าใกล้หมู่บ้าน เพื่อนำมาบูชาพุทธเจดีย์ นอกจากนี้ยังมีการถวายจีวรและเทียนที่วัด กิจกรรมสำคัญอีกอย่างหนึ่งในเดือนหว่าโส่ คือ งานบวชพระ ด้วยถือว่าวันเพ็ญเดือนหว่าโส่นั้น เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้กับเบญจวัคคี ในอดีตนั้นพระมหากษัตริย์จะทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ การบวชพระและเณรสำหรับผู้สอบผ่านพุทธธรรมตามที่จัดสอบกันในเดือนนะโหย่งที่ผ่านมา ฤดูฝนจะเริ่มในเดือนหว่าโส่ และในเดือนหว่าโส่นี้ยังเป็นเดือนลงนาปลูกข้าว เล่ากันว่าชาวนาจะลงแขกปักดำข้าวในนา พร้อมกับขับเพลงกันก้องท้องทุ่งนา
เดือนห้า เรียกว่า เดือนหว่าข่อง (ก.ค.-ส.ค.) เป็นเดือนกลางพรรษา และเป็นเดือนที่มีงานบุญสลากภัต พม่าเรียกว่า สะเยดั่งบแว (0kgit9"x:c) แต่เดิมใช้การจับติ้ว ภายหลังหันมาใช้กระดาษม้วนเป็นสลาก ปัจจุบันการจัดงานบุญสลากภัตมีกล่าวถึงกันน้อยลง แต่กลับมีงานที่เด่นดังระดับประเทศขึ้นมาแทน คืองานบูชาผีนัตที่หมู่บ้านต่องปะโยง ณ ชานเมืองมัณฑะเล เดือนนี้เป็นเดือนที่ฝนมักตกหนักกว่าเดือนอื่น
เดือนหก เรียกว่า เดือนต่อดะลีง (ส.ค.-ก.ย.) เป็นเดือนน้ำหลาก น้ำตามแม่น้ำลำคลองจะขึ้นเอ่อเต็มตลิ่ง หลายท้องถิ่นจะจัดงานแข่งเรือกันอย่างสนุกสนาน และในเดือนนี้เช่นกันจะพบเห็นแพซุงล่องตามลำน้ำเป็นทิวแถว โดยเฉพาะในแม่น้ำอิระวดี แพซุงจะล่องจากเหนือสู่ปลายทาง ณ ท่าน้ำเมืองย่างกุ้ง และเดือนนี้อีกเช่นกันที่ชาวประมงจะเริ่มลงอวนจับปลา ด้วยเป็นเดือนที่มีปลาออกจะชุกชุมเป็นพิเศษ
เดือนเจ็ด เรียกว่า เดือนดะดีงจุ๊ต (ก.ย.-ต.ค.) ในวันเพ็ญของเดือนนี้จะมีการทำปวารณาในหมู่สงฆ์ ชาวพุทธพม่าเรียกวันนี้เป็นวันอภิธรรม (v4bT,มkgoh) ด้วยเป็นวันที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่ทรงเทศนาพระอภิธรรมตลอด ๓ เดือนในพรรษาที่ผ่านมา ชาวพุทธจะจัดงานจุดประทีปเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังมีงานลอยโคมไฟ (,utx6"txy"]ญ9Nx:c) บางที่จะทำโคมลอยขนาดใหญ่เป็นรูปโพตู่ด่อ (z6btl^g9kN) หรือปะขาว รูปช้าง และรูปเสือ เป็นอาทิ นัยว่าทำเพื่อบูชาพระธาตุจุฬามณี ซึ่งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นอกจากนี้ในรัฐฉานจะมีงานบูชาพระเจ้าผ่องด่ออู (gzk'Ng9kNFt46iktx:cg9kN) ซึ่งเป็นพุทธรูป ๕ องค์ ที่หมู่บ้านนันฮู (ooNts^t) ณ กลางทะเลสาปอีงเล (v'Ntg]t) กล่าวกันว่าพระเจ้าผ่องด่ออูเป็นพระพุทธรูปที่มีมาแต่สมัยพระเจ้าอะลองสี่ตู่แห่งพุกาม ต่อจากวันอภิธรรมจะเป็นวันออกจากพรรษา ซึ่งตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ ของเดือนดะดีงจุ๊ต ในเดือนดะดีงจุ๊ตนี้ยังจัดประเพณีไหว้ขมาต่อบิดามารดาและครูบาอาจารย์ นอกจากนี้ชาวพม่ายังเริ่มจัดงานมงคลสมรสกันในเดือนนี้ โดยเริ่มจัดนับแต่วันแรม ๑ ค่ำ ของเดือนตะดีงจุ๊ต ด้วยเชื่อว่าช่วงในพรรษานั้น กามเทพหรือเทพสัตตะภาคะ(l9ต4k8o9N)จำต้องพักผ่อน จึงต้องเลี่ยงจัดงานแต่งงานในช่วงเวลาดังกล่าว จนกว่าจะพ้นช่วงพรรษา
เดือนแปด เรียกว่า เดือนดะส่องโมง (ต.ค.-พ.ย.) เป็นเดือนเปลี่ยนฤดูจากหน้าฝนย่างเข้าหน้าหนาว กล่าวคือครึ่งแรกของเดือนจะเป็นท้ายฤดูฝน และครึ่งหลังของเดือนจะเป็นช่วงต้นหนาว ชาวนาจะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวกันในเดือนนี้ ในทางพุทธศาสนานั้น เดือนดะส่องโมงถือเป็นเดือนสำหรับงานทอดกฐิน ซึ่งที่จริงพม่ากำหนดช่วงเวลาจัดงานทอดกฐินเริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำกลางเดือนดะดีงจุ๊ต จนถึงวันเพ็ญกลางเดือนดะส่องโมง รวมเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ในงานกฐินนี้จะมีการแห่ครัวทานที่พม่าเรียกว่า ปเดต่าบี่ง(xgmlkx'N) หรือ ต้นกัลปพฤกษ์ และในวันสุดท้ายของฤดูกฐิน ซึ่งตรงกับวันเพ็ญของเดือนดะส่องโมงนั้น ชาวพุทธพม่าจะมีการจัดงานจุลกฐิน พม่าเรียกจุลกฐินนี้ว่า มโตตี่งกาง (,l6btldงoNt) แปลตามศัพท์ว่า "จีวรไม่บูด" เทียบได้กับอาหารที่ไม่ทิ้งให้ค้างคืนจนเสีย มโตตี่งกางเป็นกฐินที่ต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว เริ่มแต่ปั่นฝ้ายให้เป็นด้าย จากด้ายทอให้เป็นผืนผ้า แล้วย้อมตัดเย็บเป็นจีวร ในเดือนนี้ยังมีพิธีตามประทีป และทอดผ้าบังสุกุล หรือปั้งดะกู่ (x"Hld^)อีกด้วย
เดือนเก้า เรียกว่า เดือนนะด่อ (พ.ย.-ธ.ค.) เป็นเดือนที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ชาวนา จะนวดข้าวและสงฟางสุมเป็นกอง เดิมเคยเป็นเพียงเดือนสำหรับบูชานัตหลวงหรือผีหลวงที่ เขาโปปาแห่งเมืองพุกาม แต่ปัจจุบันพม่ากำหนดให้มีงานเทิดเกียรติกวีและนักปราชญ์ของพม่า(0kC6bg9kNgoh)แทน โดยจัดในวันขึ้น ๑ ค่ำ งานนี้เริ่มจัดเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๔๔ ทุกๆปีจะจัดให้มีการอ่านบทประพันธ์และการเสวนาเกี่ยวกับวรรณกรรมกันตามสถานศึกษา และตามย่านชุมชนต่างๆ สำหรับในยุคราชวงศ์เคยถือเอาเดือนนี้จัดพระราชพิธีเพื่อมอบบรรดาศักดิ์ให้กับนักรบนักปกครอง ตลอดจนกวีที่มีผลงานดีเด่น ตัวอย่างบรรดาศักดิ์สำหรับนักรบมีเช่น เนมะโยเชยยะสูระ(go,y7btg=pyl^i) และมหาสีริเชยยะสูระ(,skluibg=pyl^i) เป็นต้น ส่วนบรรดาศักดิ์สำหรับกวี อาทิ นัตฉิ่งหน่อง(o9NlY'Ngok'N) ปเทสะราชา(xgmlik=k) ชเวต่องนันทะสู(gUญg9k'NoOทl^) และเส่งตะจ่อตู่(0bOตgdykNl^) เป็นต้น แต่เดิมนั้นเดือนนี้ยังเป็นเดือนสำหรับการคล้องช้างอีกด้วย
เดือนสิบ เรียกว่า เดือนปยาโต่ (ธ.ค.-ม.ค.) เดือนนี้เป็นเดือนที่หนาวจัด กวีหญิงของพม่าสมัยคองบอง ชื่อแหม่เควฺ(,pNg-:) เคยบันทึกไว้ว่า "เดือนปยาโต่ หนาวเหน็บจนกายสั่น ผิงไฟยังมิอุ่น ห่มผ้าหลายผืนยังมิคลาย" ในเดือนนี้ชาวไร่ที่กำลังเก็บเกี่ยวงาจะต้องคอยเฝ้าระวังฝนหลงฤดู หากฝนตกลงมาในเวลาที่เก็บงา งาก็จะเสียหาย ชาวนาพม่าจะเรียกฝนที่ตกยามนี้ว่า ฝนพังกองงา (Oa,Ntx6"zydN,6bt) ความหนาวเย็นจะล่วงมาจนถึงเดือนดะโบ๊ะดแวซึ่งเป็นเดือนถัดมา ในอดีตเคยจัดงานอัศวยุทธโดยมีการประลองยุทธด้วยช้างศึก ม้าศึก และการใช้อาวุธต่างๆ อาทิ ดาบ หอก เป็นต้น รัฐบาลพม่าเคยรื้อฟื้นจัดงานนี้ในปีท่องเที่ยวพม่า แต่ก็จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น
เดือนสิบเอ็ด เรียกว่า เดือนดะโบ๊ะดแว (ม.ค.-ก.พ.) ในเดือนนี้ชาวพม่ารำลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ย่อมต้องทรงผจญต่อภัยหนาวเช่นกัน และเชื่อว่าการผิงไฟจะช่วยให้ธาตุ ๔ คืนสู่สมดุลย์ ชาวพม่าจึงจัดงานบุญบูชาไฟแด่พระพุทธและพระเจดีย์ซึ่งเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า เรียกว่างานหลัวไฟพระเจ้า (,utv]qx:c) หรือ งานบุญไฟ (,utd6l6b]Nx:c) ปัจจุบันยังคงมีงานบุญเช่นนี้เฉพาะในบางท้องที่ของพม่าตอนบน ในเดือนนี้ยังมีงานกวนข้าวทิพย์ ซึ่งจัดในช่วงข้างขึ้นของเดือน กล่าวว่าพม่าจัดงานนี้มาแต่สมัยญองยาง(gPk'Ni,Ntg-9N) และในเดือนนี้อีกเช่นกันที่ชาวบ้านจะเริ่มเกี่ยวข้าวและปีนเก็บน้ำตาลสดจากยอดตาล ซึ่งพบเห็นทั่วไปในเขตพม่าตอนกลางและตอนบน
เดือนสิบสอง เรียกว่า เดือนดะบอง (ก.พ.-มี.ค.) ในเดือนนี้อากาศจะเริ่มคลายหนาว และเริ่มเปลี่ยนไปสู่ฤดูร้อนในช่วงหลังของเดือน ประเพณีสำคัญคืองานก่อเจดีย์ทราย โดยจะก่อทรายเป็นรูปจำลองเขาพระสุเมรุ ทำยอดซ้อนเป็น ๕ ชั้น พม่าเคยจัดประเพณีนี้ในยุคราชวงศ์ ปัจจุบันไม่นิยมจัดแล้ว ตามตำนานกล่าวว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่เริ่มมีการสร้างเจดีย์พระเกศธาตุหรือพระเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งตกในปีมหาศักราช ๑๐๓ (พม่าถือว่าปีนี้เป็นปีที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้)ชาวพม่าจึงกำหนดเดือนดะบองเป็นเดือนสำหรับงานบูชาเจดีย์ชเวดากอง(gUญ9b86"46iktx:c)ด้วยเช่นกัน เดือนดะบองนี้ถือเป็นเดือนสุดท้ายของปีตามศักราชพม่า
ในการกำหนดวันประเพณีเป็นวันหยุดราชการนั้น ทางรัฐบาลกำหนดไว้เพียงบางวัน ได้แก่ วันสงกรานต์ (lWdงoNgoh) ในเดือนดะกู จัดราววันที่ ๑๓ - ๑๗ เมษายนของทุกปี, วันรดน้ำต้นโพธิ์ (gPk'Ngil:oNtx:cg9kN) หรือ วันพุทธะ (r6mธgoh) ในวันเพ็ญของเดือนกะโส่ง ตรงกับวันวิสาขบูชาของไทย, วันธรรมจักร (T,ม0Edkgoh) ในวันเพ็ญของเดือนหว่าโส่ ตรงกับวันอาสาฬหบูชาของไทย, วันอภิธรรม (v4bT,มkgoh) ในวันเพ็ญของเดือนดะดีงจุ๊ต ตรงกับวันออกพรรษาของไทย และวันตามประทีป (9oNgCk'N96b'Nx:cg9kN) ในวันเพ็ญของเดือนดะส่องโมง ตรงกับวันลอยกระทงของไทย
สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ ในอดีตนั้นงานประเพณีสิบสองเดือนของพม่าจะรวมเอาการบูชานัตหรือผีหลวงไว้ด้วย โดยจัดกันในเดือนเก้า(เดือนนะด่อ) ในระยะหลังได้เปลี่ยนเป็นงานเทิดเกียรติกวี อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็ยังคงรักษาพิธีบูชาผีนัตไว้ และยังจัดงานใหญ่กันในเดือนหว่าข่อง(เดือนห้า)
อรนุช นิยมธรรม
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15557เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2006 18:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ได้ความรู้ดีค่ะ

ขอบคุณมากๆค่ะข้อมูลนี้สำคัญต่ออนาคตของหนูและเพื่อนๆมาก ถ้าไม่ได้ข้อมูลนี้คงแย่

งานไม่เสร็จแน่นอน ขอบคุณมากๆนะคะ

ผมขอบคุณข้อมูลนี้มากๆๆๆเลยครับ

 

 

ขอบคุณข้อมูลนี้มากๆๆครับที่ทำให้ผมได้

รับความรู้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท