ดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมมายาวนานนับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสมัยปัจจุบัน
สิ่งแวดล้อมกับวิถีชีวิตชาวพม่า
สหภาพพม่านับเป็นประเทศหนึ่งในอุษาคเนย์
ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมมายาวนานนับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสมัยปัจจุบันและเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางเอกลักษณ์วัฒนธรรมชาติหนึ่ง
จากลักษณะทางด้านภูมิศาสตร์ของ ประเทศพม่านั้น
พม่าได้ตั้งอยู่ระหว่างอู่อารยธรรมอันเก่าแก่ของโลกตะวันออกสองแหล่งคือ
จีนและอินเดีย
และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก
ทั้งยังเป็นดินแดนอันเก่าแก่ของมนุษย์ที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ
ศาสนา และวัฒนธรรม
ดำรงอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติแห่งนี้
และได้หล่อหลอมให้พม่ามีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม
รูปแบบสถาปัตยกรรม ประเพณี วิถีชีวิต สภาพสังคม
อันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาช้านาน
จากปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมของพม่าได้มีอิทธิพลอย่างยิ่งในการกำหนดแบบแผนทางด้านวัฒนธรรม
อาหารการกิน สภาพวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชนชาวพม่าและชนชาติอื่นๆ
จากหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์จะพบว่าราชธานีโบราณที่สำคัญของชาวพม่ามักจะกระจุกตัวอยู่แต่บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีในบริเวณพื้นที่ราบทางตอนกลางของประเทศ
ซึ่งเป็นเขตที่แห้งแล้ง
อันเนื่องมาจากแนวเทือกเขายะไข่และแนวเทือกเขาฉิ่นที่ได้พาดผ่านจากด้านทิศเหนือลงมาสู่ด้านทิศใต้
ทางด้านทิศตะวันตกของประเทศ
ซึ่งได้ขวางกั้นลมมรสุมที่พัดพาเอาความชุ่มชื้นจากอ่าวเบงกอลมาสู่บริเวณนี้
แต่เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้มีแม่น้ำลำคลองไหลผ่านหลายสาย อาทิเช่น
แม่น้ำอิรวดี แม่น้ำชิดวินห์ แม่น้ำมฺยิดแหง่
แม่น้ำมู แม่น้ำซอจี แม่น้ำปางล่อง แม่น้ำซโม่ง
ฯลฯ
ซึ่งแม่น้ำเหล่านี้ได้พัดพาเอาดินตะกอนอันโอชะที่มีความอุดมสมบูรณ์ลงมาสู่บริเวณพื้นที่ราบลุ่มในเขตนี้
โดยเฉพาะบริเวณที่ราบลุ่มเจ๊าก์แซ ( gdykdNCPN)
ที่ถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออาณาจักรโบราณของชนชาวพม่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาณาจักรพุกกามอันรุ่งโรจน์
ความยิ่งใหญ่ของศาสนสถานทางพระพุทธศาสนาและหมู่พระเจดีย์อันงดงามกว่าสี่พันองค์
ที่หลงเหลือเป็นมรดกมาให้กับชาวพม่าและผู้คนทั่วโลกได้ภาคภูมิใจในทุกวันนี้
อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จของอาณาจักรพุกกามมาจากผลผลิตทางด้านเกษตรกรรมจากนาข้าวบริเวณพื้นที่ราบเจ๊าก์แซ
ผนวกกับวิทยาการทางด้าการชลประทานอันซับซ้อน
ประกอบกับความสามารถในการจัดการด้านแรงงาน
อันมีประสิทธิภาพของกษัติริย์พม่าแต่โบราณ ในด้านความเป็นองค์เทวสิทธ์
ที่ได้รับคติจากพราหมณ์-ฮินดูนี้เองที่ทำให้อาณาจักรพุกกามสามารถดำรงความยิ่งใหญ่มายาวนานนับพันปี
นอกเหนือจากการเพาะปลูกข้าวที่เป็นพืชที่มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้แล้ว
บริเวณที่ราบลุ่มทางตอนกลางอันแห้งแล้งนี้ยังเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ
อาทิเช่น ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ งา
ไม้ยืนต้นจำพวก ต้นตาล มะม่วง ขนุน ฝรั่ง มะพร้าว
พืชผักสวนครัวและถั่วชนิดต่างๆ โดยเฉพาะถั่วหรือที่ชาวพม่าเรียกว่า “
แบ” ( xc)
นั้นชาวพม่ารู้จักถั่วและนิยมบริโภคถั่วมากมายสารพัดชนิด
การบริโภคถั่วจึงเข้ามาเป็นบริโภคนิสัยของชาวพม่าและถือเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมการกินที่โดดเด่นชาติหนึ่ง
ชาวพม่าสามารถนำถั่วมาดัดแปลงและประกอบปรุงเป็นอาหารสารพัดอย่าง
และด้วยเหตุที่ถั่วเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของคนพม่านี้เอง
จึงทำให้คำว่าถั่วเข้าไปปรากฏในสำนวน สุภาษิต
และคำเปรียบเปรยต่าง ๆ
ที่สะท้อนหรือสื่อให้เห็นถึงความสำคัญและมีนัยยะที่สัมพันธ์ต่อวิถีการดำรงชีวิตในสังคมของชาวพม่า
นอกจากนี้แล้วบริเวณพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศพม่านี้
ยังอดุมไปด้วยทรัพย์ในดินที่มีคุณค่าในทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น
น้ำมันดิบและแร่รัตนชาติ
ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกในปัจจุบัน
ส่วนผืนแผ่นดินบริเวณตอนล่างของประเทศพม่านั้น
ลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยพื้นที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์สามแห่งใหญ่ๆ
คือ ที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี
ที่ราบลุ่มปากแม่น้ำสะโตงและที่ราบลุ่มปากแม่น้ำสาละวิน
ทำให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีการกระจายตัวของประชากรหนาแน่นที่สุดในพม่า
โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดีนั้น
แม่น้ำอิรวดีได้ฉีกตัวเองออกเป็นรูปพัด ก่อนที่จะไหลลงสู่อ่าวเมาะตะมะ
ก่อให้เกิดพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์สูงสุดที่หลากหลายทางด้านชีวภาพและมีความเหมาะสมต่อการเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำนาข้าว
ทั้งยังเป็นแหล่งปลาน้ำจืดที่สำคัญนา ๆ ชนิด
ความเกื้อกูลของแม่น้ำอิรวดีที่มีต่อชาวพม่านี้เองทำให้ชาวพม่ายกย่องเทิดทูนเสมือนเส้นโลหิตใหญ่ที่หล่อเลี้ยงและโอบอุ้มชีวิตของประเทศนี้เอาไว้
นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาบริเวณพื้นที่ทางตอนล่างที่มีความอุดมสมบูรณ์ของประเทศพม่านี้
เป็นเขตอิทธิพลทางวัฒนธรรมของชนชาติมอญมาก่อนหน้าที่ชนชาวพม่าจะแผ่อิทธิพลลงมาครอบคลุมบริเวณพื้นที่เหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด
ด้วยความเหมาะสมในด้านทำเลที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศที่เอื้ออำนวย
ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของผิวดิน
พันธุ์พืชและทรัพยากรธรรมชาติ มอญจึงเป็นชนชาติหน้าด่านแรกๆ
ที่รับเอาความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรมมาพร้อมๆ
กับพระพุทธศาสนาที่เผยแพร่เข้ามาจากอินเดีย
ซึ่งเข้ามามีอิทธิพลและมีบทบาทต่อวิถีชีวิตและสังคมชาวมอญ
ก่อนที่ชนชาติมอญจะถ่ายทอดวิทยาการอันรุ่งโรจน์นี้ให้กับชนชาติพม่าและชนเชื้อชาติอื่นๆ
ในอุษาคเนย์
โดยเฉพาะอิทธิพลทางด้านพระพุทธศาสนานั้นได้หยั่งรากลึกลงในสังคมของชาวพม่าผสมผสานกับความเชื่อปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
และผีสางเทพยดาหรือนัต ( o9N)
จนหล่อหลอมให้เกิดจารีตและประเพณีเพื่อให้สามารถดำรงวิถีชีวิตได้อย่างร่มเย็นสงบสุขสอดคล้องกับความเป็นไปของธรรมชาติและสภาวะแวดล้อม
อิทธิพลของลมมรสุมก็มีความสำคัญยิ่งต่อวิถีชีวิตของชาวพม่า
ในฐานที่เป็นปัจจัยหรือเป็นตัวกำหนดฤดูกาลเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยว
ในอดีตเมื่อลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดพามาถึงซึ่งจะพัดพานำเอาความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรอินเดียมาสู่ผืนแผ่นดินพม่า
ฤดูแห่งการเพาะปลูกจึงได้เริ่มขึ้น
ทั้งยังพัดพาหรือนำเอากองเรือคารวานสินค้าทั้งจากในยุโรบ
เอเชีย และตะวันออกกลางเข้ามาค้าขายและหลบลมมรสุม
ยังแถบหัวเมืองท่าทางภาคใต้ของพม่าที่มีชื่อเสียงในอดีตเช่น
สะเทิม สิเรียม หงสาวดี
เมาะลำไย ตะเกิง ( ย่างกุ้ง ) ทวาย มะริด และตะนาวศรี
จนทำให้บริเวณพื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลกที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
และกองคาราวารเรือสินค้าเหล่านี้ก็จะนำเอาสินค้าประเภทที่เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศของตน
อาทิเช่น เครื่องเทศ ไม้หอม หนังสัตว์ งาช้าง ปรอท ทองคำ ข้าว
แร่รัตนชาติ ฯลฯ
ที่มีอยู่อย่างชุกชุมในบริเวณพื้นที่แห่งนี้กลับออกไป
ความอุดมสมบูรณ์นี่เองทำให้บริเวณแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า
“สุวรรณภูมิ” หรือแผ่นดินทอง
อันมีนัยยะที่สำคัญถึงความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งร่ำรวยของบริเวณพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง
ในบริเวณพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศพม่านั้นลักษณะภูมิประเทศประกอบด้วยที่ราบชายฝั่งทะเลและที่ราบลุ่มแม่น้ำแคบๆ
เป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ที่ไหลลงสู่ทะเลอันดามันอาทิเช่น แม่น้ำทวาย
แม่น้ำตะนาวศรี แม่น้ำเย และแม่น้ำปากจั่น
ซึ่งที่ราบชายฝั่งเหล่านี้ได้ขนานไปกับแนวเทือกเขาตะนาวศรี
ทั้งยังประกอบไปด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อยมากมายหลายร้อยเกาะ
ที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีคือหมู่เกาะมะริด
นอกจากนี้แล้วบริเวณชายฝั่งเหล่านี้ยังมีความเหมาะสมในการสร้างเป็นท่าเทียบเรือน้ำลึกได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งในช่วงฤดูลมมรสม
เนื่องจากบริเวณเหล่านี้ไม่มีแนวเทือกเขาที่เป็นตัวขวางกั้นทิศทางลม
จึงทำให้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมอย่างเต็มที่
ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกชุกเกือบตลอดฤดู
พืชพรรณธรรมชาติจึงมีลักษณะแบบป่าดงดิบชื้น
ด้วยลักษณะสภาพภูมิอากาศเช่นนี้จึงทำให้มีความเหมาะสมต่อการทำสวนผลไม้
อาทิเช่น ลางสาด เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ส้มโอ
ฯลฯ และพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ อาทิเช่น ยางพารา
หวาย และเครื่องเทศ เป็นต้น
อีกทั้งตามแนวชายฝั่งทะเลก็พบป่าชายเลนกระจายอยู่ทั่วไปเป็นบริเวณกว้าง
ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำทะเลที่สำคัญในระบบนิเวศ
นอกจากนี้แล้วในบริเวณอ่าวเมาะตะมะ และทะเลอันดามัน
ยังอุดมไปด้วยสินในน้ำทั้งสัตว์น้ำทะเลนาๆ ชนิดและก๊าซธรรมชาติ
แม้ว่าในสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน
ประชาชนชาวพม่าก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่อัตคัตนักซึ่งก็เนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดิน
ผนวกกับวิธีชีวิตแบบพอเพียงตามแนวทางพระพุทธศาสนาที่สอดประสานไปกับประเพณีและวิถีความเชื่อของสังคมที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
จึงทำให้พม่ายังคงความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางด้านชีวภาพกระทั่งปัจจุบัน
ในแถบที่ราบสูงฉาน
และรัฐกะเหรี่ยงซึ่งประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อนแม้ว้าจะมีพื้นที่ราบที่เหมาะแก่การเกษตรอยู่เพียงเล็กน้อยแต่บริเวณพื้นที่เหล่านี้ก็มั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรอันมีค่าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก
โดยเฉพาะไม้สัก แร่ธาตุและอัญมณี
ทั้งสภาพอากาศที่มีควาามเหมาะสมต่อการปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนาว
อาทิเช่น ชา กาแฟ สตรอเบอร์รี่
และพืชผักผลไม้เมืองหนาวอื่นๆ
โดยเฉพาะบริเวณทางตอนเหนือของรัฐฉานซึ่งในอนาคตบริเวณพื้นที่เหล่านี้จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นทวีคูณยิ่งขึ้นและอาจจะกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนที่พึ่งพาอาศัยธรรมชาติเป็นหลักก็อาจเป็นได้
นอกจากนี้แล้วบริเวณที่ราบสูงฉานนี้ยังเต็มไปด้วยความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์
โดยเฉพาะพวกฉานหรือไทยใหญ่ กะเหรี่ยง ปะหล่อง ปะโอะ ว้า
อีงตา ฯลฯ
ความแตกต่างของสภาพพื้นที่
ได้เป็นปัจจัยกำหนดแบบแผนทางด้านวัฒนธรรม รูปแบบทางสังคมและ
วิถีการดำรงชีวิต
ให้สอดคล้องไปกลับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมที่แวดล้อมสังคมหรือชุมชนนั้นๆ
อาทิ
ชาวไทใหญ่หรือชาวฉานมักอาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มแม่น้ำที่สำคัญหรือที่ราบลุ่มบริเวณหุบเขา
ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะการทำนาและการทำสวนผัก
แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่บริเวณพื้นที่เหล่านี้เต็มไปด้วยภูเขาจึงต้องใช้วิธีการทำนาในรูปแบบที่เรียกว่าการทำนาขั้นบันได
ชาวฉานนับถือพระพุทธศาสนา
วิถีการดำรงชีวิตจึงผสมผสานเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
สังคมชาวฉานจึงมีประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาและการอนุรักษ์ธรรมชาติอันเป็นภูมิปัญญาเชิงจิตวิทยา
เพื่อให้สามารถจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ชาวกะเหรี่ยงและชาวปะหล่อง
อาศัยอยู่ในเขตภูเขาสูงดำรงชีวิตด้วยการเพาะปลูกที่เรียกว่าการทำไร่ดอย
ซึ่งจะย้ายไปทำการเพาะปลูกในพื้นที่ใหม่ทุก 2-3 ปี
เพื่อฟื้นคืนสภาพของดิน
ให้สามารถกลับมาเพาะปลูกได้อีกครั้งนับเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สามารถจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้แล้ว
ชาวอีงตาก็เป็นภาพลักษณ์อันโดดเด่นชนชาติหนึ่งที่สามารถดำเนินวิถีชีวิต
ให้สอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อมที่แวดล้อมสังคมและชุมชนของตน
ชาวอิงตาหรือที่ชาวไทใหญ่เรียกว่า “ม่านหนอง”
ได้อาศัยและตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณทะเลสาบอิงตาซึ่งเป็นหนองน้ำใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ
ข้อจำกัดทางด้านภูมิศาสตร์ในการทำการเกษตรกรรมจึงทำให้ชาวอิงตาใช้ภูมิปัญญาที่สั่งสมมาแต่บรรพชนผนวกกับวิทยาการอันซับซ้อนและความคิดสร้างสรรค์
ทำให้ชาวอิงตารู้จักนำเอาวัชพืชที่มีอยู่อย่างมากมายในทะเลสาบแห่งนี้มารังสรรค์เป็นสวนน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถเพาะปลูกพืชผักนาๆชนิดได้ผลอย่างดียิ่ง
ในบริเวณพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศอันเป็นที่ตั้งของรัฐยะไข่ในปัจจุบันนี้พื้นที่บริเวณนี้ประกอบด้วยพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำและพื้นที่ราบชายฝั่งแคบๆขนานไปกับอ่าวเบงกอลและขนาบไปด้วยเทือกเขาสูงที่เป็นฉากอยู่เบื้องหลัง
แม่น้ำที่ถือว่ามีความสำคัญและถือเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมของชนชาวยะไข่คือแม่น้ำกะลาดาน
และถือเป็นเขตการเกษตรกรรมที่มีความสำคัญและมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่งคั่งให้กับราชธานีโบราณของชาวยะไข่ในอดีต
จากลักษณะภูมิประเทศของรัฐยะไข่ซึ่งทำให้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมที่พัดพามาจากอ่าวเบงกอลอย่างเต็มที่ในทุกๆปี
และมักก่อให้เกิดอุทกภัยอยู่เนืองๆ
ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่เป็นเช่นนี้อาจมีส่วนให้อุปนิสัยของชาวยะไข่มักมีลักษณะดุดัน
ตรงไปตรงมา จนทำให้ชาวพม่าเปรียบเปรยชาวยะไข่ว่า
ถ้าหากพบงูพิษกับชาวยะไข่ ก็ให้ตีชาวยะไข่ก่อน
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนัยยะที่แฝงทัศนคติของชาวพม่าที่มีต่อชาวยะไข่
ชาวยะไข่เป็นชนชาติที่นับถือพระพุทธศาสนา
และเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด ศิลปวัฒนธรรม
ประเพณีของชาวยะไข่จึงถูกถ่ายทอดออกมาให้สอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิตตามแบบฉบับของสังคมพุทธ
ในบริเวณพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศประกอบไปด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนน้อยใหญ่
พื้นที่ราบที่เหมาะสมต่อการเกษตรมีน้อยจึงเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบางที่สุด
กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความสำคัญในบริเวณนี้คือ พวกกะฉิ่น
ชาวกะฉิ่นมิได้นับถือพระพุทธศาสนาแต่มีความเชื่อในเรื่องของผีบรรพบุรุษ
นัต และมีบางส่วนนับถือศาสนาคริสต์ ประเพณี
สังคมและวัฒนธรรมของชาวกะฉิ่นจึงดำเนินให้มีความเป็นไปและใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ
เพื่อความผาสุก เพื่อความกินดีอยู่ดีของชาวกะฉิ่น
สภาพภูมิศาสตร์และสภาพสิ่งแวดล้อมที่มีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของประเทศพม่าได้เป็นตัวกำหนดบทบาทวิถีการดำเนินชีวิต
กิจกรรมทางสังคม ประเพณี และศิลปวัฒนธรรม
ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนชาติในแต่ละพื้นที่
อิทธิพลของพระพุทธศาสนาที่เผยแพร่มายังดินแดนแถบนี้เมื่อหลายพันปีก่อนได้เข้ามามีอิทธิพลต่อกลุ่มชนที่ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาอย่างเช่น
มอญ และ พม่า
พร้อมกับอารยธรรมที่หลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับพระพุทธศาสนาจากอินเดีย
ผสมผสานกับวิถีความเชื่อดั้งเดิมของชาวพม่าที่กราบไหว้บูชาผีบรรพบุรุษและเทพยดา
หรือที่เรียกว่า นัต ที่หยั่งรากลึกลงในสังคมพุทธของชาวพม่า
ซึ่งไม่อาจสามารถที่จะแยกความสำพันธ์ระหว่างพุทธ
และนัตในสังคมชนชาวพม่าได้แม้ในปัจจุบัน
ความเป็นไปในจักรวาลและธรรมชาติถูกนำมาเชื่อมโยงให้สอดคล้องกับวิถีแห่งพุทธและนัต
ก่อให้เกิดเป็นประเพณีที่กำหนดแบบแผนการดำรงชีวิตในวิถีทางสังคมตามแนวทางพม่าที่อาศัยภูมิปัญญาที่ได้สั่งสมกันมาและการปรับตัวให้เข้ากับความเป็นไปในระบบวัฏจักรแห่งธรรมชาติเพื่อให้บังเกิดความผาสุกร่มเย็น
วิถีการดำเนินวิถีชีวิต
จึงสะท้อนออกมาเป็นอัตตลักษณ์ทางสังคม
พม่าจึงเป็นสังคมที่ดำเนินวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมที่แวดล้อมสังคมอยู่ผสมผสานกับความเชื่อ
ภูมิปัญญาและวิถีทางที่เรียบง่ายตามแนวพระพุทธศาสนา
สังคมพม่าจึงดำเนินไปได้อย่างไม่อัตคัตภายใต้ดินแดนที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติแห่งนี้
สามารถ บุตรแก้ว
นิสิตเอกพม่าศึกษา ปี 3