ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศสหภาพพม่า
สภาพภูมิประเทศ
ประเทศสหภาพพม่า (exPNg5k'N06e,oN,kO6b'N'"g9kN -Union
of Myanmar) มีพื้นที่ทั้งหมด ๖๗๗,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร
สหภาพพม่าตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออุษาคเนย์
ณ จุดตัดของเส้นรุ้งที่ ๒๒ องศาเหนือ กับเส้นแวงที่ ๙๘ องศาตะวันออก
สหภาพพม่าทางตอนล่างติดกับทะเลอันดามัน (dx»]ux'N]pN-Andaman
Sea) และอ่าวเบงกอล (48§]ktx'N]pNgvkN -Bay of Bengal)
มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ๕ ประเทศ ได้แก่
ด้านตะวันตกติดกับบังคลาเทศ(48§]ktgmHiaN) และอินเดีย (vbO·bp)
ด้านเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศจีน (9U69N)
ด้านตะวันออกติดกับประทศลาว(]kv6b) และประเทศไทย(56b'Nt)
รวมเส้นเขตแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ๖,๑๒๕ กิโลเมตร
กล่าวคือติดกับบังคลาเทศ ๒๔๔ กิโลเมตร ติดกับอินเดีย ๑,๓๗๙ กิโลเมตร
ติดกับจีน ๒,๑๘๓ กิโลเมตร ติดกับลาว ๒๐๕ กิโลเมตร และติดกับไทย ๒,๑๑๔
กิโลเมตร (บางข้อมูลว่าราว ๒,๔๐๐ กิโลเมตร)
ส่วนที่ติดกับทะเลจากปากแม่น้ำนัตถึงเกาะสองมีระยะทางยาว ๒,๒๒๘
กิโลเมตร ได้แก่ แนวฝั่งยะไข่(Rakhine coast)ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้
แนวฝั่งริมพื้นที่ปากน้ำอิรวดี และแนวฝั่งตะนาวศรี(Taninthayi
coast)ทางด้านใต้ของประเทศ
และหากวัดระยะทางจากเหนือสุดลงใต้สุดจะยาวถึง ๒,๐๕๑ กิโลเมตร
และมีระยะกว้างที่สุดถึง ๙๓๖ กิโลเมตร
กล่าวกันว่ารูปร่างของประเทศพม่านั้นคล้ายว่าวหางยาว บ้างว่าคล้ายเพชร
และบ้างว่าคล้ายกับคนที่หันหน้าไปทางตะวันออก
สภาพภูมิประเทศของพม่านั้น
ส่วนใหญ่เป็นที่สูงและเทือกเขาอยู่โดยรอบคล้ายรูปเกือกม้า
กล่าวคือด้านตะวันตกและด้านเหนือเป็นพื้นที่ภูเขา
และด้านตะวันออกเป็นที่ราบสูงและภูเขา
ส่วนพื้นที่ราบจะอยู่ตอนกลางประเทศ บริเวณลุ่มน้ำ
และตลอดแนวชายฝั่งทะเลจากด้านตะวันตกถึงด้านใต้
แนวเทือกเขาในประเทศพม่าจะทอดแนวต่อจากเทือกเขาหิมาลัยในทิศทางจากเหนือลงไปทางใต้เป็น
๓ แนว ได้แก่ ด้านตะวันตกมีเทือกเขานาคะ(Naga Hills) เทือกเขาชิน(Chin
Hills) และเทือกเขายะไข่ (Rahkine Yoma) ซึ่งทอดแนวโค้งคล้ายคันศร
มีเทือกเขาพะโค(Bago Yoma)อยู่ตอนกลาง และมีที่ราบสูงฉาน(Shan
Plateau)สลับแนวเขาอยู่ด้านตะวันออก
พื้นที่สูงและภูเขามีความสูงเฉลี่ยราว ๓,๐๐๐ ฟุต โดยมีจุดสูงสุดคือ
ยอดเขาคากาโบราซี(-jdk46bik=u-Mt. Hkakaborazi)
ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศ มีความสูงถึง ๑๙,๒๙๖ ฟุต
ระหว่างเทือกเขาทั้ง ๓ แนวนั้น
จะมีที่ราบลุ่มน้ำของแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลขนานในทิศทางเหนือ-ใต้ ได้แก่
แม่น้ำชิดวิน(Chindwin) แม่น้ำอิรวดี(Irrawaddy)
แม่น้ำสะโตง(Sittoung) และสาละวิน(Thanlwin)
แม่น้ำสายสำคัญที่สุดคือแม่น้ำอิรวดี
มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัยไหลผ่านใจกลางประเทศลงสู่ทะเลอันดามัน
มีความยาว ๒,๑๗๐ กิโลเมตร
และมีเมืองสำคัญหลายเมืองซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสายนี้
อีกทั้งเป็นที่ตั้งของราชธานีโบราณหลายแห่งของพม่าอีกด้วย อันได้แก่
มัณฑะเล(Mandalay) อังวะ (Ava) อมรปุระ(Amarapura) แปร(Prome)
และพุกาม(Pagan) แม่น้ำอิรวดีถือเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญที่สุด
สามารถล่องเรือขนส่งสินค้าขึ้นไปได้ไกลถึงเมืองพะมอในรัฐกะฉิ่นตอนล่าง
โดยขึ้นล่องได้ถึง ๑,๔๕๐ กิโลเมตร
แม่น้ำอิรวดีตอนล่างเป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่ประกอบเป็นมณฑลเอยาวดี
กินพื้นที่ราว ๒๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร โดยแตกย่อยเป็นสายน้ำ ๘
สายไหลลงสู่ทะเลอันดามัน บริเวณนี้ถือเป็นอู่ข้าว(rice
bowl)ของประเทศพม่า
เพราะมีดินที่อุดมสมบูรณ์อันเกิดจากน้ำท่วมและการทับถมของแร่ธาตุที่ถูกสายน้ำพัดพามา
ส่วนแม่น้ำสายยาวที่สุดคือแม่น้ำสาละวิน มีความยาวถึง ๒,๘๑๕ กิโลเมตร
แม่น้ำสายนี้ไหลจากภูเขาหิมาลัยผ่านที่ราบสูงฉานแล้วลงสู่ทะเลอันดามันที่อ่าวเมาตะมะ(Gulf
of Martaban)ในรัฐมอญ
แม่น้ำทั้งหลายนั้นต่างเป็นสายน้ำสำคัญที่ก่อให้เกิดพื้นที่ราบลุ่มน้ำอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศพม่า
สภาพภูมิอากาศ
สหภาพพม่าตั้งอยู่ในเขตมรสุมเมืองร้อน
(tropical monsoon) จำแนกฤดูกาลออกเป็น ๓ ฤดู ได้แก่
ฤดูร้อนอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งอาจอุณหภูมิสูงถึง ๔๓
องศาเซลเซียส ฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดเข้าสู่ประเทศทำให้ฝนตกเกือบทุกวัน
พื้นที่ฝนชุกที่สุดจะได้แก่พื้นที่ชายฝั่งทะเล อันได้แก่ รัฐยะไข่
มณฑลเอยาวดี มณฑลพะโค และมณฑลตะนาวศรี ได้รับปริมาณน้ำฝนถึง ๑๒๐–๒๐๐
นิ้วต่อปี ในเขตพื้นที่ราบอื่นๆจะมีฝนตกเฉลี่ย ๑๐๐ นิ้วต่อปี
ทางตอนกลางของประเทศซึ่งถูกกำบังด้วยแนวเขายะไข่ด้านตะวันตกจะมีฝนตกน้อยเพียง
๒๐–๔๐ นิ้วต่อปีเท่านั้น หรือเฉลี่ยราว ๒๙ นิ้วต่อปี
ส่วนฤดูหนาวนั้นอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย ๒๑–๒๙ องศาเซลเซียส
สภาพอากาศของประเทศพม่ายังแตกต่างตามความสูงต่ำของพื้นที่อีกด้วย
กล่าวคือในพื้นที่สูงจะหนาวเย็นยิ่งขึ้น
และยอดเขาทางตอนบนสุดของประเทศอาจมีหิมะตกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม
อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศต่ำสุดราวศูนย์องศาเซลเซียสทางตอนบน
และสูงสุด ๔๕ องศาเซลเซียสทางตอนกลางของประเทศ
พื้นที่ตอนกลางของประเทศพม่าจะมีสภาพอากาศแห้งแล้งกว่าที่อื่น
ตอนบนจะอุดมไปด้วยป่าไม้ และมีฝนตกชุกมากในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตอนล่าง
พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ของพม่าจะอยู่ ณ
บริเวณที่ราบลุ่มปากแม่น้ำอิรวดี สะโตง และสาละวิน
ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญต่อการปลูกข้าวและผลไม้เมืองร้อน
ทรัพยากรท้องถิ่น
จากการที่ประเทศพม่าตั้งอยู่ทั้งในเขตร้อนชื้นและเขตอบอุ่น
จึงมีทั้งป่าฝนเมืองร้อนทางตอนใต้
และป่าเขตอบอุ่นในพื้นที่ตอนบนและบนพื้นที่สูง
ไม้สักและไม้เนื้อแข็งเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด
ซึ่งมีมากในเขตเทือกเขาพะโค ส่วนพื้นที่ชายฝั่งอุดมด้วยป่าโกงกาง
และภาคเหนือสุดอุดมด้วยป่าสนและป่าโอ๊ค
นอกจากนี้ประเทศพม่ายังเป็นแหล่งไม้ไผ่ ไม้ผลเมืองร้อน
โรโดเดนดรอน(rhododendron) แม็กโนเลีย(magnolia) มาเปิล ปาล์ม
และไม้ดอกนานาชนิด
ประมาณกันว่าครึ่งหนึ่งของประเทศพม่ายังเป็นป่าธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม
มีรายงานว่าป่าไม้ได้ถูกทำลายไปไม่น้อยเช่นกัน
เนื่องจากมีการตัดไม้เกินกว่าปริมาณที่เหมาะสม
ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตกซึ่งเป็นเขตภูเขาที่ทอดยาวจากเหนือลงมาทางภาคตะวันตกเฉียงใต้นั้น
กินพื้นที่รัฐกะฉิ่น รัฐฉิ่น และรัฐยะไข่
มียอดเขาสูงอยู่ในพื้นที่นี้หลายแห่ง เช่น ยอดเขาคากา-โบราซี
ซึ่งสูงสุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และ Mt.Gamlanrazi
ยอดเขาทั้งสองอยู่ทางตอนเหนือของรัฐกะฉิ่น
ส่วนในรัฐฉิ่นมียอดเขาสูงสำคัญ คือ Mt.Sarameti และ Mt.Victoria
ในพื้นที่รัฐยะไข่มีบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล
ซึ่งกว้างทางตอนบนแล้วแคบลงเลียบชายฝั่งทะเลมาทางตอนล่าง
มีที่ตากอากาศบนชายฝั่งรัฐยะไข่อยู่หลายแห่ง ที่มีชื่อคือ
งะปะลี('x]u) นอกชายฝั่งออกไปมีหมู่เกาะทอดแนวอยู่ในอ่าวเบงกอล
พืชพันธุ์ไม้ในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันตกมีทั้งพืชเมืองร้อน
กึ่งเมืองร้อน เขตอบอุ่น และเขตเทือกเขาแอลป์ พืชที่พบมากคือ
โรโดเดนดรอน แม็กโนเลีย สน เบิช(birch) และเชอร์รี่
มีป่าไผ่ปกคลุ่มทั่วไปบนเทือกเขายะไข่ สัตว์ป่าสำคัญในเขตภูเขาได้แก่
หมี ชะมด(civet cat) ช้าง เสือดาว และเสือโค่ง เป็นต้น
ส่วนบนภูเขาในเขตอบอุ่นจะพบ takin red pandar สมเสร็จ
เสือดาวหิมะ และ musk deer
ในเขตพื้นที่ภาคกลางของประเทศพม่าแม้ส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่แห้งแล้ง
แต่ก็ปรากฏที่ราบลุ่มน้ำอิรวดี ชิดวิน และสะโตงอยู่ด้วย
ในเขตแห้งแล้งจะมีไม้หนาม ไม้พุ่มเตี้ย ตะบองเพชร
และยังพบงูพิษอยู่ทั่วไป พื้นที่นี้ยังเป็นแหล่งน้ำมันปิโตรเลียม
และก๊าซธรรมชาติ พืชเกษตรที่สำคัญได้แก่ ถั่วนานาชนิด ฝ้าย มะนาว พริก
ยาสูบ ในพื้นที่บนไหล่ขามีไม้สักและไม้เนื้อแข็ง
ส่วนบริเวณที่ราบลุ่มน้ำเป็นแหล่งปลูกข้าว
นอกจากนี้ยังมีการปลูกพืชเพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม
ได้แก่ ปอกะเจาและน้ำตาล ส่วนปลาและกุ้งหาได้ง่ายตามแหล่งน้ำ
โดยเฉพาะแถบปากน้ำอิรวดี
อีกทั้งยังมีการเลี้ยงปลาและกุ้งอยู่ทั่วไปในพื้นที่ราบภาคกลางนี้ด้วย
ในพื้นที่ราบสูงฉาน ซึ่งอยู่ด้านตะวันออกของประเทศพม่านั้น
มีชายแดนติดกับจีน ลาว และไทย สภาพอากาศโดยทั่วไปจะหนาวเย็นตลอดปี
ต้นไม้ที่พบทั่วไป คือ ต้นสน เชอรี่ กล้วยไม้ป่า
ในเมืองโมโกะ(Mogok)ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของรัฐฉานมีบ่อทับทิมและอัญมณีต่างๆ
นอกจากนี้ยังพบตะกั่ว ดีบุก เงิน ทังสะเตน และหินอ่อน
พืชเกษตรสำคัญในเขตที่ราบสูงฉาน ได้แก่ ชา และผลไม้ เช่น อโวคาโด
สาลี่ ส้ม ส้มเปลือกหนา สตอเบอร์รี่ และผักนานาชนิด อาทิ แครอท
กะหล่ำปลี และถั่วต่างๆ
นอกจากนี้พื้นที่สูงรัฐฉานบางส่วนยังขึ้นชื่อในเรื่องการปลูกฝิ่นอีกด้วย
ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตอนใต้อันประกอบด้วยรัฐมอญและมณฑลตะนาวศรีนั้น
เป็นพื้นที่แนวเขาและที่ราบชายฝั่งทอดยาวต่อจากที่ราบสูงฉานไปจนถึงปลายแหลมบุเรงนอง
โดยมีแนวเขากั้นเขตแดนไทย-พม่าอยู่ด้านตะวันออก
แร่ธาตุสำคัญคือดีบุกและทังสเตน
อีกทั้งมีการทำไม้ในพื้นที่แถบนี้มากพอควร
ส่วนที่เป็นพื้นที่การเกษตรคือเขตแนวที่อยู่ด้านตะวันตกระหว่างภูเขากับทะเล
มีการปลูกข้าวเป็นพืชหลัก นอกนั้นมีการทำสวนผลไม้ อาทิ สับปะรด
ทุเรียน เงาะ มะม่วง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และมะพร้าว
นอกจากนี้ยังมีการทำสวนยางอีกด้วย ในด้านการประมงนั้น
มีการทำอุตสาหกรรมบรรจุกระป๋องและถนอมอาหารทะเลที่เมืองทวาย(Tavoy)และมะริด(Mergui)
ในบริเวณริมฝั่งทะเลตะนาวศรีมีที่พักตากอากาศหลายแห่ง
แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเข้าไปไม่สะดวกนัก
ส่วนเมืองทวายและเมาะลำไยถือเป็นเมืองสำคัญที่นำเข้าสินค้าจากไทย
นอกชายฝั่งตะนาวศรีจะเป็นหมู่เกาะมะริด(The Mergui Archipelago)
หมู่เกาะนี้มีเกาะเล็กเกาะน้อยรวมกันราว ๘๐๐ เกาะ
กระจายอยู่ตรงข้ามเมืองมะริด
มีชนพื้นเมืองเป็นพวกซะลน(Salon)หรือชาวเล(sea gypsies)
ยึดอาชีพงมหอยมุกและหอยเปาฮื้อ
ในอดีตน่านน้ำแถบนี้เคยขึ้นชื่อเรื่องโจรสลัด
จนเป็นที่หวาดหวั่นของเหล่านักเดิน
วิรัช นิยมธรรม เรียบเรียง