ในโลกที่มืดสนิท


ความต้องการที่แท้จริงของผู้พิการทางสายตา

        เมื่อวานนี้  (20 ธันวาคม 2550) ผมได้รับเชิญไปบรรยายเรื่องสิทธิและผลประโยชน์ที่พึงได้รับจาก พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้กับสมาคมคนตาบอดจังหวัดสระแก้วฟัง  ที่ศาลาการเปรียญวัดหนองผักบุ้ง ตำบลฝากห้วย อำเภออรัญประเทศ การบรรยายเริ่มตั้งแต่เวลา 13.30 เป็นต้นไป

       ก่อนขึ้นรถ พี่เอ็ง ซึ่งเป็นคนงานผู้หญิงของศูนย์ฯ ชมว่าผมใส่เสื้อสวย ปกติผมมักจะใส่เสื้อยืดสีเหลืองทำงาน แต่วันนี้ผมใส่เสื้อเชิ๊ตสีเหลืองประดับตราสัญญาลักษณ์เท่เป็นบ้า ผมบอกพี่เขาว่าต้องแต่งตัวสวยเพราะต้องไปบรรยายให้คนตาบอดฟัง หลายคนที่ฟังคำตอบผมพากันหัวเราะ แล้วเขาจะมองเห็นหรือ? เป็นคำถามที่พวกเขาถามกลับมา

        ผมยิ้มและบอกพวกเขาว่า เห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าผมรู้ตัวเองตลอดเวลาว่า วันนี้ผมให้เกียรติคนตาบอดอย่างสูงสุด เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้ว  เมื่อไปถึงผมก็ขึ้นบรรยาย เริ่มต้นผมเล่าให้เขาฟังว่าวันนี้ผมแต่งตัวอย่างไร แถมเล่าเรื่องที่ผมพูดคุยกับบรรดาคนงานให้พวกเขาฟังด้วย เสียงปรบมือดังก้องศาลาวัด ผมนึกในใจเวทีนี้มันแน่ ๆ

        คำถามแรกที่ผมถามคนตาบอดทั้งหลาย ผมขออภัยเขาก่อนว่าเวทีนี้ผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชายแต่อยากถามเรื่องของผู้หญิง เมื่อได้รับการอนุญาตผมถามเขาว่า ทันทีที่ผู้หญิงคลอดลูกออกมา พอรู้สึกตัวคำถามแรกเธอจะถามหมอหรือคนใกล้ชิดว่าอย่างไรหลายคนตอบลูกเป็นหญิงหรือชาย  บางคนตอบว่าลูกอยู่ที่ใหน แต่คำตอบที่สำคัญที่สุดที่มีผู้ตอบและเกือบทุกคนที่เป็นเพศหญิงในเวทีนั้นเห็นด้วยคือ ลูกชั้นครบใหม? ผมสรุปให้เขาฟังว่าคนทุกคนในโลกนี้ปฏิเสธความพิการ  แต่ความพิการเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดคิด เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราจะทำอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่เราจะมาคุยกัน

       จากนั้นผมก็อธิบายถึงรายละเอียดของ พรบ. ข้อดี และสิทธิประโยชน์ ที่คนพิการจะพึงได้รับ โดยเน้น มาตรา 20 วรรค 2 สิทธิทางการได้รับการศึกษาของคนพิการ เมื่อสอบถามถึงความต้องการด้านการมีอาชีพ ตรงนี้เกิดความหลากหลาย ส่วนใหญ่ต้องการประกอบอาชีพขายล๊อตเตอรี่ รองลงมาเป็นอาชีพหมอจับเส้น มีคนหนึ่งที่เสนอว่า อยากให้คนตาบอดเรียนรู้เรื่องหมอดู มีคนยกมือให้ข้อมูลว่า ใช่ซิเพราะคนเสนอเป็นหมอดูอยู่แล้ว

       สิ่งที่ผมได้จากเวทีนี้มากมาย  ในความเป็นจริงสิ่งที่คนพิการต้องการมากที่สุด มิใช่สิ่งของที่เกิดจากลักษณะของการสงเคราะห์ สิ่งที่เขาต้องการมี 3 สิ่งครับ การยอมรับความเสมอภาคและโอกาส  นอกเหนือจากที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคนพิการแล้ว  สิ่งที่ผมได้มากที่สุดคือการที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้  พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ซึ่งเป็นกฏหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงาน กศน.

        หลังจบการบรรยาย ผมตรงดิ่งไปหาหมอดูตาบอดคนนั้นทันที ยื่นมือขวาให้เขา เขาคลำมือผมไปมา ถามวันเดือน ปี เกิด และอายุ พักใหญ่แกบอกว่า อาจารย์มีดวงที่ต้องเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหน้าที่การงาน  ผมฟังแล้วยิ้ม นึกในใจ หมอดูมักควบคู่หมอเดาเสมอ ก็ผมเพิ่งมาอยู่สระแก้วได้ 2 เดือน แล้วจะให้เปลี่ยนแปลงอะไรอีกละ

         ระหว่างนั่งรถกลับสระแก้ว พรรคพวกจากสิรินทร  (ผอ.ไพศาล) โทรมาหาบอกว่า พรบ. กศน. ผ่านสภาแล้ว แถมเรียกผมว่า ท่านผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดสระแก้ว   ณ  วินาทีนั้น ผมนึกถึงหมอดูตาบอด พร้อมรำพึงออกมาเบา ๆ  นายแน่มาก แน่กว่าคนตาดีเสียอีก

 

 

หมายเลขบันทึก: 155105เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2007 10:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

 . สวัสดีค่ะ

 . ตามมาแสดงความยินดีกับ ท่านผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

 . พร้อมกับขอบคุณค่ะ ที่แวะเข้าไปเยี่ยม

....pam ....

เรียน หลานPAM

        ต้องขออภัยที่ต้องเรียกว่าหลาน เพราะดูปีเกิดและหน้าตาแล้ว รับรองว่ารุ่นหลานแน่นอน  ขอบคุณที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยม ประโยชน์ของการใช้ Blog อยู่ตรงที่เรามีโอกาสแลกเปล

ยนเรียนรู้ ซึ่งกันและกันโดยที่เราไม่รู้จักกันเลย จริงมั๊ย สาธุ

สวัสดีค่ะ ผอ.สนง.กศนอ. จ.สระแก้ว

  • ผอ.ค่ะ อ่านบันทึกนี้แล้ว "ประทับในจิต"
  • การปฏิบัติสะท้อนวิธีคิด ความเชื่อ ของคน ๆ นั้นเสมอ
  • หากเราเชื่อว่า มนุษย์มีคุณค่า ศักดิ์ศรี เราก็จะปฏิบัติกับทุกคนบนฐานความเชื่อนั้น ไม่ว่าคนนั้นจะอยู่ในสถานะใด
  • ดังประโยคทองที่ปรากฎ

        เห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าผมรู้ตัวเองตลอดเวลาว่า วันนี้ผมให้เกียรติคนตาบอดอย่างสูงสุด เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้ว 

เรียนอ๊อด น้องรัก

        ก่อนที่จะเปิด Blog ดู พี่ได้รับโทรศัพท์จากบุญธรรม บุญธรรม เขาเป็นศิษย์เก่า กศน.อุทัยธานี พอจบ ม.ปลาย เขาก็บวชเรียน แล้วไปจบปรืญญาตรีทางพระ แล้วไปจบ ป.โท ที่ ม.นเรศวร แล้วสึกออกมาเป็นอาจารย์อยู่ที่วิทยาลัยชุมชน อุทัยธานี เขาเคารพนับถือพี่มาก หมั่นโทรมาคุย ให้กำลังใจเสมอ

       วันนี้โทรคุยกันหลายเรื่อง สุดท้ายพี่บอกเขาว่า มนุษย์ไม่ว่าจะทำงานอะไร มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น  แต่การที่จะทำให้งานที่ทำมีคุณค่า อย่าหาว่าสอนอดีตพระเลยนะ ถ้ามี 2 อย่างอยู่ในหัวใจ รับรองว่างานที่ทำอยู่หรือการดำรงชีวิตอยู่ มีคุณค่าแน่ ๆ นั่นคือ ความบรืสุทธิ์ใจ กับความกตัญญูรู้คุณคน

        ในความคิดของพี่งานที่ทำอยู่จะมีคุณค่ามากน้อยเพียงใด มันน่าจะขึ้นอยู่กับวิธีคิดที่เรามีต่องานนั้น เพราะต่างงานก็ต่างความคิด ถ้าทำงานกับคนที่ด้อยกว่าเรา การให้เกียรติและยกย่อง เป็นวิธีที่ดีที่สุด

        อย่าลืมเตือน ผอ.ธี ของอ๊อดด้วยละว่า คน กศน. ลูกเจ้าพ่อพญาแลทุกคน พบกัน  11 มกราคม 51 ที่ชัยภูมิ

ผอ.ค่ะ ความบริสุทธิ์ใจ คนเราถ้าการทำงานจริงใจให้กัน มีอะไรพูดกันได้ เคารพซึ่งกันและกัน ปัญหาคงไม่เกิด งานทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา

ผอ.ค่ะ

  • หนูอ่านบล็อกแล้วเล่าเรื่องนี้ให้ ผอ.ธีฯ ฟัง ท่านหัวเราะใหญ่ (เรื่องหมอดู)
  • หนูไม่ใช่ลูกเจ้าพ่อพญาแล แต่อยากจะไปร่วมงานได้ไหม๊ค่ะ อิ อิ

ผอ.ค่ะ

  ขอต่ออีกนิด  ถ้าเราเชื่อในมิติด้านนี้ เชิญชวนอ่านบันทึกของ คุณหมอสกล ที่นี่ค่ะhttp://gotoknow.org/blog/phoenix-mirror/155137

ชอบครับ....สะกิดใจมาก"เห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าผมรู้ตัวเองตลอดเวลาว่า วันนี้ผมให้เกียรติคนตาบอดอย่างสูงสุด เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้ว  " เหมือนคำสอนหลวงพ่อ

  ครับท่าน ท่านสง่างามทั้งในที่มืดและสว่าง คงเป็นเพราะจิตใจที่สว่าง ขอคารวะในธรรม และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้พิการชาวไทยทุกท่าน ถึงแม้ภายนอกจะดูมืดมิด แต่ภายในจิตสว่างสดใสนั้น มีค่ายิ่งกว่าผู้ที่สว่างภายนอก แต่ภายในมืดมิด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท