วันนี้ตรงกับวันที่ 10 เดือนซุลฮิจยะฮ์ ฮ.ศ. 1428 เช้าไปละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้าน คนไปเยอะมากล้นสุเหร่า หลายคนต้องละหมาดในเต้นท์ที่ทางสุเหร่าเตรียมไว้ด้านข้าง ก่อนละหมาดก็เข้าไปนั่งกล่าวสรรเสริญอัลเลาะห์ (ซ.บ.) ภายในมัสยิด จนได้เวลา 9 โมง พิธีละหมาดก็เริ่มขึ้น หลังจากการละหมาดเสร็จสิ้น 2 ร่อกาอัต (รอบของการปฏิบัติละหมาด) จากนั้นนั่งฟังคุตเบาะฮ์ (คำสอน) ปีนี้ได้แง่คิดดีๆ จากคุตเบาะฮ์หลายเรื่อง
ประการแรก การประกอบพิธีฮัจย์นั้น เป็นบทบัญญัติข้อสุดท้ายของหลักศาสนปฏิบัติ (หรือที่เรียกว่า รูก่นอิสลามซึ่งประกอบด้วย การกล่าวปฏิญานตน การละหมาด การบริจาคทรัพย์ การถือศีลอด และบำเพ็ญฮัจ) อัลเลาะห์ (ซ.บ.) บังคับเฉพาะผู้ที่มีความสามารถที่จะเดินทางไปทำพิธีได้ ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ การบำเพ็ญฮัจนั้น เท่ากับเป็นการปลดเปลื้องบาปที่แต่ละคนทำไว้ คนที่ไปทำฮัจมาแล้ว ก็เปรียบเสมือน ทารก ที่เกิดใหม่ ผมเลยคิดต่อเอาเองว่า คล้ายๆกับ format หรือล้างไวรัสที่ติดในคอมพิวเตอร์ แต่ว่าประเด็นสำคัญกว่านั้นจากคุตเบาะฮ์ คือ การประพฤติ การเพียรทำความดีตามหลักศาสนาที่ต้องปรับเปลี่ยนให้ดีกว่าเดิม ไม่เช่นนั้น ฮัจที่ไปทำมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ประการที่สอง กล่าวถึง ฮาดิษ (คำกล่าวของท่านศาสดา) หนึ่งในเรื่อง "บุคคลล้มละลาย" ในโลกอาคีเราะห์ (โลกหน้า เป็นโลกแห่งพิพากษาตามความดีที่แต่ละคนทำไว้) ว่า คนนั้น แม้ว่าเป็นคนที่ทำความดีโดยการปฏิบัติศาสนกิจครบถ้วน เช่น ทำละหมาดครบ ถือศีลอดไม่เคยขาด บริจาคทรัพย์ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่หากเขาผู้นั้นเป็นคนที่กล่าวให้ร้ายผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น ความดีของเขาจะถูกนำไปให้แก่ผู้ที่ถูกเขากระทำ และหากความดีของเขาไม่เพียงพอที่จะหักล้าง ความชั่วของผู้ที่ถูกกระทำจะถูกย้ายมาเพิ่มให้แก่เขาผู้กระทำแทน
ไม่มีความเห็น