What you read reveals your personality.


มีผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า "การชอบอ่านหนังสือ จะเป็นการบอกว่าเราเป็นคนคิดและหวังอย่างไร และทำงานได้ดีแค่ไหน"

        หลังจากหม่อมกลาง  ได้หายหน้าหายตาไปจากการเขียนบล็อกไปหลายวันเนื่องจากมีภารกิจเยอะมากๆๆๆ  แต่วันนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับคนที่รักการอ่านหนังสือทุกประเภท  คล้ายๆกับการทายใจอะไรประมาณนี้แหละมาฝากค่ะ  ก็บังเอิญว่าไปอ่านเจอบทความเรื่อง "อ่านหนังสือประเภทไหน บอกนิสัยการทำงานได้" ในวารสาร The First Quality Magazine in Thailand เมษายน 2545   ปีที่ 8   ฉบับที่ 54มันก็เป็นธรรมดาของบรรณารักษ์ที่ต้องคู่กับหนังสือ(มันหนีไม่พ้นจริงๆนะเนี๊ยะ)  ก็ลองมาดูกันนะคะว่าเราจะเป็นคนแบบไหน  เพราะไม่รู้ว่าเราจะประพฤติตัวถูกใจใครหรือไม่ ซึ่งทุกคนคงอยากมีบุคลิกภาพเป็นที่ถูกใจของใครต่อใคร โดยเฉพาะเจ้านายและคนอื่นๆ และ ริชาร์ด เบนเนท ก็ได้เขียนเรื่อง What you read reveals your personality. โดยกล่าวว่า การอ่านหนังสือประเภทไหนบ้างจะสามารถบ่งบอกว่าเราเป็นคนบุคลิกภาพแบบใด และมีผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้ว่า การชอบอ่านหนังสือ  จะเป็นการบอกว่าเราเป็นคนคิดและหวังอย่างไร  และทำงานได้ดีแค่ไหน ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ว่ากัน เป็นสิทธิส่วนบุคคล  

           ไม่ว่าเราจะมีบุคลิกภาพอย่างที่เขาว่าไว้หรือไม่แต่เราควรฝึกให้มีนิสัยรักการอ่าน  ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการอ่านหนังสือที่ให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน และถ้าเป็นเด็กเราควรปลูกฝังให้เด็กรักการอ่าน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเนื้อหาจนเกินเหตุ และต้องเชื่อมั่นในวิจารณญาณของเด็ก และที่สำคัญควรสร้างบรรยากาศในการอ่านขึ้นในบ้าน    "การอ่านหนังสือนั้นช่วยให้คนมีความคิดกว้างไกล มีจินตนาการ ได้รับความรู้ และความสนุกสนานเพลิดเพลิน"

1. นิตยสารผู้หญิง (women's magazines) จะเป็นคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เป็นผู้หญิงเก่ง ที่จะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่ว่าอุปสรรคจะมีแค่ไหน ก็จะพยายามไขว่คว้าหาทางที่จะก้าวต่อไปโดยไม่ท้อถอย เพราะคิดเสมอว่า อุปสรรคคือพลัง ไม่มีใครได้ทุกอย่างตามที่คิดหวัง แต่ถ้าเราพยายามทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างก็อาจไม่ไกลเกินหวัง พวกนี้จึงขยันทำงาน ขอแค่มีความหวังทุกอย่างก็ไม่เกินฝัน
2. หนังสือขำขัน (comic books) ใครที่ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้ จะเป็นคนไม่คิดมากหรือเคร่งเครียดให้ชีวิตเป็นทุกข์ มีชีวิตแบบสบาย ๆ เห็นโลกสวยงาม น่าสนุก และรื่นรมย์ เพราะโลกยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่เราจะสามารถไขว่คว้าหาความ สุขได้ เราจึงไม่จำเป็นต้องไปจมอยู่กับความ ทุกข์ นี่เป็นความคิดของผู้เชี่ยวชาญ แต่ที่ผู้เขียนเห็นมาไม่น้อย คือคนที่เครียดมักอยากหาอะไรเพื่อผ่อนคลาย เช่น คนที่พูดทอล์กโชว์หรือดาวตลก ก็ต้องอ่านหนังสือขำขันเพื่อจะได้นำไปดัดแปลงใช้กับงานที่ทำ ส่วนนักธุรกิจ นักวิชาการบางท่านชอบอ่านหนังสือขำขันเพื่อจิตใจจะได้เครียดน้อยลง สามารถนำไปพูดหรือใช้ในอาชีพได้แบบไม่เคร่งเครียดจนเกินไป และคนที่ทำงานด้วยก็สบายใจ
3. นวนิยายโรแมนติก (romantic novels) เป็นคนที่ค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยท้อถอยต่อชีวิต คิดเสมอว่า ล้มเพื่อลุก เดินเพื่อวิ่งต่อไป แล้วยังช่างคิดช่างฝัน ฝันในสิ่งดีและเชื่อว่าสิ่งไม่ดีจะอยู่ไม่นาน เปรียบเสมือนมีมืดก็ต้องมีสว่าง หนทางของชีวิตยังมีมากมาย และคิดเสมอว่า ถนนของชีวิตไม่ใช่มีเส้นเดียว ยังมีถนนหนทาง ตรอก ซอย ที่จะไปได้อีกมากมาย จึงไม่ต้องห่วงว่าชีวิตจะมีอันหมดหนทางไป ฉะนั้นถ้าทำงาน ครั้งนี้ไม่ได้ผลก็ยังมีหนทางอื่นพอทำได้
4. บทกวี (poetry) เป็นคนที่รักธรรมชาติและสัตว์ มักจะทำตามความรู้สึกของตน ไม่ชอบฝืนหรือทำอะไรขัดกับความรู้สึกลึก ๆ แม้สิ่งนั้นจะให้ผลตอบแทน มากก็ตาม เพราะถือใจที่อิสระเป็นใหญ่ วัตถุหรือชื่อเสียงเกียรติยศจึงเป็นเรื่องเล็ก งานจึงต้องทำด้วยความรักเป็นหลัก
5. ชีวประวัติ (biography) อาจจะมองดูว่าเป็นคนใฝ่รู้ อยากรู้ และทะเยอ ทะยานที่จะทำอะไรให้ได้ตามที่มุ่งมั่นตั้งใจ ขณะเดียวกันก็เป็นคนค่อนข้างจะรอบคอบ และหาเหตุผลหรือหนทางหลากหลายก่อนที่จะตัดสินใจ เรียกว่า ไม่ใจเร็วด่วนได้ แต่จะรีบด่วนหาข้อมูลก่อนจะทำการใหญ่ เพื่อจะได้ผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำงานกับคนแบบนี้จึงต้องมีข้อมูลเพียบพร้อมไม่ประมาท
6. หนังสือประวัติศาสตร์ (history books) ใครชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ได้ชื่อว่า เป็นคนที่ค่อนข้างจะเน้นงาน
ใหญ่ๆ มากกว่างานเล็ก ๆ หรือการไปปาร์ตี้สังสรรค์ เข้าทำนองชอบคิดชอบทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ถ้าทำงานกับคนแบบนี้อย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ต้องพูดเรื่องที่มีเหตุผลและต้องย่อ ๆ ได้ใจความ ไม่พูดแบบน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง คนที่ชอบอ่านหนังสือประวัติ-ศาสตร์จะเป็นคนที่ทำงานดี มีเหตุผล
7. หนังสือคลาสสิค (classics) จัดว่ามีความเป็นผู้ดีสูง ท่าทางดีมีระดับ ถ้าเป็นการอ่านหนังสือต่างประเทศจะชอบแนว Tom Sawyer หรือ Little Woman เป็นต้น
สมัยผู้เขียนเป็นนิสิตจะรู้สึกว่าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นพวกบ้านนอก เพราะเราจะดูเรียบง่ายเกินไป ขณะเดียวกันผู้เขียนจะชื่นชมนิสิตคณะอักษรศาสตร์ ว่าดูเป็นผู้ดีไม่ว่าจะพูดจาหรือการแต่งกาย แถมนิสิตคณะอักษรศาสตร์ถือหนังสือคลาสสิคหลายเล่ม ส่วนพวกเราถือหนังสือชาวบ้านเลยดูไม่เท่เท่าที่ควร ไม่พอยังพูดเสียงดังลั่นด้วย ก็เป็นการคิดตามประสาวัยรุ่นวุ่นความคิดนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรแตกต่างกันเท่าไร นอกจากการปฏิบัติที่อาจจะแปลกแตกต่างกันออกไป
8. ข่าวด่วนรอบโลกประจำสัปดาห์ (weekly world news) คนที่ใส่ใจในเรื่องนี้ คือ คนที่มีข้อมูลที่น่าสนใจในการที่จะพูดกับใคร และจะเป็นที่ชื่นชมในวงปาร์ตี้หรือสนทนา เพราะสามารถเชื่อมโยงเหตุ-การณ์ต่าง ๆ ได้ ถ้าทำงานด้วยจะสามารถ วิจารณ์เหตุการณ์แบบมีหลักฐานแถมยังเป็นคนมีเมตตาและมีความกระตือรือร้นที่จะทำอะไรอีกด้วย
9. นิตยสารข่าวและหนังสือพิมพ์รายวัน (news magazines and daily news papers) เข้าทำนองรักการอ่านข่าวล่าสุด เป็นนักสู้กับชีวิตแบบไม่ท้อถอย และยอมรับความคิดใหม่ ๆ หากทำงานกับคนที่มีบุคลิกภาพแบบนี้ต้องทันต่อเหตุการณ์ และยอมรับว่าเขาอาจจะดูเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่า ชีวิตต้องแกร่งและน่าจะยืนหยัดต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพื่อจะได้มีสิ่งดี ๆ ในวันข้างหน้า
10. หนังสือวิทยาศาสตร์ (scientific fiction) เป็นคนช่างคิดช่างฝัน มีความคิดริเริ่ม และชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมทั้งชอบวางแผนการเพื่ออนาคต หากทำงานกับพวกชอบหนังสือวิทยาศาสตร์จะต้องกระฉับกระเฉงไม่เฉื่อยชาและมีความคิดริเริ่มที่น่าสนใจ ตลอดจนยอมรับว่าบางอย่างอาจไกลเกินฝัน แต่ต้องพยายามสานต่อให้เป็นจริงขึ้นให้ได้ การทำงานจึงต้องมีเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัย หรือความคิดที่ทันโลกทันเหตุการณ์
11. หนังสือการเงิน (financial magazines) เป็นคนที่ชอบการแข่งขันและชอบมีอะไรเหนือคนอื่น อาจจะดูเป็นคนหัวแข็ง ยกตนข่มท่าน แต่จริง ๆ แล้วอยาก ให้คนอื่นรู้ว่าตัวมีอะไรดี ใครทำงานด้วยอาจต้องยอมรับว่าเขาอาจก้าวร้าวหรือชอบทำตัวรู้ดีกว่า (ทั้งที่อาจจะรู้หรือไม่ก็ตาม) เนื่องจากเขาเชื่อมั่นในตัวเองสูง จึงแสดงออกมาโดยลืมคิดไปว่าอาจกระทบกระเทือนใจใครก็ได้ แต่ถ้าเข้าใจเขา การทำงานอาจดีก็ได้เพราะเขาอาจกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลดีแก่องค์กรก็ให้เขาทำไป
12. หนังสือเล่มโตสีสวยงาม (large-decorative books) จะเป็นคนที่เป็นคนจิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใจนักเลง และกล้าได้กล้าเสีย ไม่เอาเปรียบใคร ทำงานด้วยแล้วสบายใจ
13. หนังสือนักสืบ (detective books) จะชอบอะไรที่ท้าทายตื่นเต้น นอกจากนี้ยังเป็นนักแก้ปัญหาที่เก่ง ขณะที่คนอื่นอาจทำไม่ได้ แต่เขาทำได้และทำได้ดี
14. หนังสือสยองขวัญ (horror stories) ใครที่ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้ เพราะ อยากหาอะไรตื่นเต้นให้กับชีวิต เข้าทำนองเบื่อกับชีวิตประจำวันที่จำเจ เลยต้องเติมสีสันให้กับชีวิต เช่น อาจไปเข้าป่า ยิงปืน ตกปลา ขี่ม้า ฆ่าสัตว์ เล่นสกี เป็นต้น ผู้ร่วมงานด้วยจึงไม่ควรทำตัวเฉื่อยชา
15. หนังสือคาวบอย (westerns) เป็นคนเรียบง่าย นอบน้อมถ่อมตน ทำงานกับคนแบบนี้จะสบายใจ เพราะเขาจะไม่คิดมากและพร้อมจะช่วยเหลือผู้คนรอบข้าง รักองค์กร รักงาน และเพื่อนร่วมงานมักจะชอบทำงานด้วย
16. หนังสือแฟชั่น (fashion magazines) เป็นคนทำงานหนักเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของตน ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่ยอมให้สถานภาพของเขาต้องเสียหาย เพราะคิดเสมอว่าถ้าภาพลักษณ์ดีจะกำไรไปกว่าครึ่ง งานการก้าวหน้า ทำงานด้วยจึงต้องระวังอย่าให้เขาเสียชื่อเป็นอันขาด
17. หนังสือธรรมะ (religious books) จะเป็นคนซื่อสัตย์ ขยัน มีมานะ รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ยอมรับกฎเกณฑ์และปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม ไม่ชอบทำอะไรที่ผิดทำนองครองธรรม ถ้าทำงานด้วยสบายใจได้ เขาจะไม่ทำร้ายหรือหักหลังเราง่าย ๆ
ทั้ง 17 ประเภทจึงเป็นหนทางหนึ่งทำให้เราตระหนักถึงผู้คนรอบข้าง ที่อาจจะเป็นไปตามที่กล่าวมาหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึง คือไม่ว่าใครจะมีบุค-ลิกภาพแบบใด หากเราทำงานด้วยความจริงใจต่อกันอย่างแท้จริง งานทุกอย่างคงเป็นไปได้และเป็นไปด้วยดี เพราะเราทำกันด้วยความรักและเอื้ออาทรต่อกันนั่นเอ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 15493เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2006 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ที่จริงชอบอ่านหลายหนังสือประเภทนะคะ  อย่างเมื่อก่อนชอบอ่านหนังสือบทกวีมาก แต่ระยะหลังเล่มที่หยิบบ่อยๆ กลายเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ทั้งที่สมัยเป็นนักเรียนไม่ชอบเท่าไร เพราะมันน่าง่วง แล้วก็ขี้เกียจจำปี พ.ศ 5555 แต่ตอนนี้อ่านทีไร ก็สนุก ...  ส่วนจะตรงกับนิสัยรึป่าว ต้องวิเคราะห์เอาเองนะคะ :-)

ตายแล้วๆๆๆ ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน อ่านหมดทุกอย่างเลย เป็นพวกนิสัยแกงโฮะ คุ้มดีคุ้มร้ายรึเปล่าเจ้าคะ

   อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า เท่าที่มีโอกาส นิยาย นิทาน ยัน การเมือง โดยเฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำหากไม่มีหนังสือ ดิฉันจะกวาด พวกแชมพู สบู่ ยาสีฟัน ทุ๊กอย่างมาอ่านจนหมด   55555  แต่หากเป็นหนังสือที่ต้องเสียสตางค์ซื้อ  ดิฉันจะเลือกเฉพาะที่ชอบมาก ๆ จริง ๆ แบบที่หายืมใครไม่ได้แล้ว อิอิ  จะเป็นพวก นัสืเล่โต สีสั ประเภท บ้านและสวย การจัดสวน การตกแต่ง อะไรทำนองเนี้ย ดูแล้วมีความสุขดี 

ขอขอบคุณอาจารย์รัชวรรณ...                 

  • ก่อนอื่นขอเรียนอาจารย์ว่า ชอบชื่อบล็อกอาจารย์ครับ "นานาน่ารู้" ชื่อนี้ทำให้บล็อกน่าอ่านมากยิ่งขึ้น
  • เอ... แล้วคนที่ชอบอ่านบล็อกนี่มีการจำแนกอุปนิสัยไว้หรือเปล่าครับว่า บล็อกไหนมีผู้อ่านอย่างไร...

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์  มากนะคะที่ให้กำลังใจค่ะ สำหรับชื่อบล็อก นานาน่ารู้ 

ส่วนเรื่องคนที่ชอบอ่านบล็อกกับการจำแนกอุปนิสัยนั้นยังไม่ได้ทำการค้นคว้ามานำเสนอน่ะ  แต่คิดว่ามันน่าจะอยู่บนพื้นฐานอันเดียวกันนะคะ  (เทียบจากนิสัยการรอ่านของตนเองค่ะ)

อยากอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับอดีตเกี่ยวกับการระลึกชาติและผลกรรมต่าง ๆ จังค่ะที่ไหนพอมีให้อ่านบ้างมั้ยค่ะตามห้องสมุดที่ไหนพอมีให้อ่านค่ะ เพราะว่างบมีน้อยไม่ค่อยมีตังค์ซื้อเท่ารัยค่ะ

เพราะว่ากำลังเรียนอยู่ค่ะเลยไม่มีรายได้

จริงอะ อ่านดูหมดแล้วยังหาตัวเองไม่เจอเลย งงอ่ะ  แล้วถ้าอ่านหนังสือไม่ออกล่ะ ฮิๆๆๆๆ

ผมชอบอ่านนิยายนักสืบทุกประเภท

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท