บ่อยครั้งที่บรรยากาศในคลินิกให้คำปรึกษา แต่ละคนมาพร้อมกับปัญหา 108 พันประการ เคยอ่านพบว่า คนเราส่วนใหญ่จะใช้ self defense mechanism (กลไกการป้องกันทางจิต) เป็นแบบ introjections (โทษตัวเอง) แต่เชื่อไหม ที่ยายกาแฟเจอในคลินิก พบการ Projection (โทษคนอื่น) เกือบทั้งนั้น
เขาไม่ดี / เขาทรยศ / เขามันแย่ / เขาไม่รักษาสัญญา / เขาต้องรู้สิว่าฉันเป็นคนอย่างไร / เขาไม่เข้าใจฉัน / เขาปรับตัวไม่ได้ / เขาว่าฉัน / เขาทำร้ายจิตใจฉัน / เขา บลา บลา บลา ….. เขา เขา และ ก็ เขา ถ้าเขาไม่เป็นอย่างนั้น ฉันคงไม่เป็นอย่างนี้ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> เจอพายุ อารมณ์ที่เต็มไปด้วยเสียงก่นด่า ต้องสงบและรับฟัง และก็ต้องปล่อยให้เขาระบายจนเขาพอใจ พอเค้าเริ่มจะกลับมาพูดประโยคซ้ำ ๆ เราค่อยยิงคำถามใหม่ นำเข้าสู่กระบวนการให้ปรึกษา ก่อนหน้านี้ตอนเป็น counselor มือใหม่ ยอมรับว่า วน ๆ เวียน ๆ งม ๆ อยู่กับปัญหาของผู้ป่วย ซึ่งนับวันจะมีแต่ปัญหาหนักข้อขึ้นทุกวัน จนบางครั้งเราเองต้องยอมรับตัวเองว่าถึงทางตัน แป๊ก อึ้ง ไปต่อไม่ได้ เหมือนเราเข้าไปนั่งอยู่ในปัญหาของผู้ป่วยเอง แล้วเกิดความรู้สึกร่วมว่า เป็นเราก็คงแย่เหมือนกัน นาน ๆ เข้า จะหลายเป็น burnout เครียด ท้อแท้ เบื่อหน่าย ซะเอง <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> ในที่สุดก็เกิดการเรียนรู้ เกิดการตกผลึก ว่าการจะช่วยพวกเค้าได้ คือ เราต้องมองแบบอยู่วงนอกของปัญหา "ออกมาเป็นผู้เห็นปัญหา" ไม่ใช่ไปอยู่ตรงกลาง การอยู่วงนอกจะทำให้เรามองเห็นแบบกว้าง ๆ เห็นครอบคลุม มองเห็นทางหนีทีไล่ และ ที่สำคัญที่สุดคือ ทำยังไงก็ได้ ให้เค้าออกมามองปัญหา ของเขา ให้เห็นเหมือนที่เราเห็นหรือใกล้เคียงที่สุด ทำอย่างไรก็ได้ให้เค้ากลายเป็นคนที่มองอยู่วงนอกเหมือนกัน ให้เห็นกว้างขึ้น ครอบคลุมขึ้น เห็นทางออก <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> ไม่ได้ง่ายหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ยากเกินไป ถ้าได้ฝึกฝน ฝึก และ ฝึก และ ฝึก เมื่อใช้บ่อยๆ จะกลายเป็น ความชำนาญ และ กลายเป็น "ความเคยชิน" <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> พูดถึงความเคยชิน ก็มีข้อควรคิดอีกว่า ต้องระวังไม่ให้ความเคยชินของเรา กลายเป็น ชินชา และ เพิกเฉยต่อความเจ็บปวด ของผู้อื่น ต้องระวังไม่ให้ออกมาจาก การสื่อสาร ออกมากลายเป็นพฤติกรรมที่เย็นชา ไร้หัวใจ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> พูดถึงตอนนี้ ผู้เขียนมีคำสอน ซึ่งได้มาจาก Website ของท่านพุทธทาส เมื่อนานมาแล้ว และเอามาปรับใช้เป็นเทคนิค หนึ่งในการให้คำปรึกษากับคนไข้ เสมอ โดยเฉพาะรายที่มีปัญหาต่อความโกรธ หงุดหงิด ผิดหวัง เสียใจ รำคาญใจ จากพฤติกรรมของคนอื่น คนที่เต็มไปด้วย ความรู้สึกกล่าวโทษคนอื่น พบว่าใช้ได้ผลดี เลยอยากหยิบมาฝากกันค่ะ อ่อ อาจจะยาวไปนิดแต่ว่าเวลานำมาใช้จริง ๆ ก็นำมาใช้แค่บางประเด็นที่เข้ากันได้กับ case และ อาจปรับเนื้อหาเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นฐานและประสบการณ์เดิมของผู้ป่วย ธรรมะเล็กน้อย ๆ ช่วยให้โลกเล็ก ๆ น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะ อย่างน้อยช่วยให้เกิด การยอมรับในตัวคน ที่ “คนมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ตรงใจเรา ใช่เขาผิดปกติ มันเกิดจากการที่เขาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง" </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> ฝากมาให้อ่าน เผื่อจะใช้ระงับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่เกิดจากการกระทำของของคนอื่นนะคะ ขอให้มีความสุขกับวันพักผ่อน และ สดใสมีพลังในวันทำงานค่ะ </p><div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> เขาเป็นคน คนธรรมดา ที่ยึดมั่นถือมั่นอะไรต่าง ๆ เหมือนเรา</p><p>เขาไม่มี หน้าที่ ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา</p><p>เขาเป็น เพื่อน ร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา</p><p>เขาก็ ทำอะไร ด้วยความคิดชั่วแล่น และ ผลุนผลัน เหมือนเรา</p><p>เขามีหน้าที่รับผิดชอบ ต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะเลือก (แม้ศาสนา) ตามพอใจของเขา</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะใช้สมบัติ สาธารณะ เท่ากันกับเรา</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา </p><p>เขามีสิทธิ ที่ขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจจากเรา</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะได้รับการอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี</p><p>เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือ เสรีนิยม ตามใจเขา</p><p>เขามีสิทธิ ที่เห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น</p><p>เขามีสิทธิ แห่งมนุษย์ชน เท่ากันกับเรา สำหรับจะอยู่ในโลก </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="center">---พุทธทาสภิกขุ---</p><div style="text-align: center"></div>
สวัสดีค่ะน้องกาแฟ..ในเช้าวันหยุดค่ะ
อิอิช่วยด้วย
สวัสดีครับ หมอกุ้ง
จริงตามหมอกุ้งว่า อยู่วงนอก แล้วมองเข้าไปในจ ในความรู้สึก ของเขา
แล้วเอาใจเขามาใส่ใจเรา เมื่อเขาอยู่ในใจเราแล้ว ค่อยเปลี่ยนเขาใหดังที่เราต้องการได้
สำหรับ คำสอนของท่านพุทธทาส ที่นี้ครับ
สวัสดีค่ะ พี่อ้อยสิริพร กุ่ยกระโทก
สวัสดีค่ะ พี่เกษตรเกษตรยะลา
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ (ฝากความคิดถึงหอยโข่งด้วยเน้อ)
สวัสดีค่ะ พี่ Gutjang
สวัสดีค่ะ พี่กาแฟ (ฝากลูบหัวเจ้าโข่งน้อยด้วยค่ะ ^O^ ) ออกจะเห็นด้วยกับที่ว่า "คนเราเวลาเจอกับความทุกข์หรือปัญหา มักโทษคนอื่นเสมอ" แต่เวลาตัวเองมีปัญหา จะออกมามองหาวิธีแก้จากวงนอก ทำยากจังค่ะ
ส่วนตัวแล้ว เลือกวิธี ถอยออกไปตั้งหลัก อยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งชน แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปแก้ทีหลัง..
เคยได้อ่านข้อคิดอันหนึ่งจากหนังสือพิมพ์ เมื่อนานมาแล้วว่า "พระเจ้าฉลาด ประทานข้อสอบที่ยากที่สุดมาพร้อมกับคำตอบ แต่คนโง่ เห็นข้อสอบแต่ไม่เห็นคำตอบ จึงได้รู้สึกแค่ว่า ปัญหาไม่มีทางแก้" ไม่อยากเป็นคนโง่ เลยพยายามหาคำตอบ อิอิ
คุณแม่น้องหอยโข่ง นี่ช่าง งามทั้งภายนอกและภายในเสียกระไร มิน่าเล่า คุณ แม่ Lin Hui ของพวกเราถึงรักนัรักหนา
มาอ่านบทความดีๆ ค่ะ และก็เห็นด้วยนะคะ
สวัสดีคะ คุณแม่ Lin Hui ของพี่ปลาทอง
สวัสดีค่ะ ป้าแดง pa_daeng
เป็นเรื่องราวที่ดี
ทำให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นสุข
การมองโลกกว้างทำให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆที่ไม่เคยเห็น
ได้อ่านบทความแล้วมีความรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ขอบคุณน่ะค่ะ..เพิ่งเข้ามาใหม่...สนใจธรรมะ..ถ้าจิตเข็มแข็ง..ความสุขก็อยู่รอบตัวเรา..จริงไม๊ค่ะ...หวัดดีค่ะ....
คุณ lesson
คุณ Anuluck
สวัสดีค่ะ คุณ อุสุมพร
โอ้โฮ..น้องเราวันนี้เป็นเรื่องเป็นราว ดูเป็นผู้ใหญ่จังนิ นึกๆแล้วถ้าเราไม่ใช้เทคนิคนี้เราคงแย่เหมือนกัน เพราะถึงไม่ได้เรียนจิตวิทยามา แต่เวลาชาวบ้านเอาปัญหาของเขามาให้เราให้คำแนะนำมันมีปัญหาสารพัด ถ้าเอาตัวเราเข้าไปพันด้วยมันก็จะยุ่งอีลุงตุงนัง ถ้าเราเอาตัวออกห่างมาดูปัญหา การแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้นจริงๆ