สวัสดีค่ะ
หมอเป็นที่พึ่งพิงทั้งทางสุขภาพกายและใจเลยนะค่ะ
ตัวหนังสือเล็กมากเลยค่ะ คงต้องปรับขนาดตัวอักษรใหม่มั้ยค่ะ
สวัสดี น้องหมอสุพัฒน์
ขอเอี่ยวด้วยคนค่ะ
เรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ยากที่จะเข้าใจค่ะ ดิฉันก็เคยเจอมีทั้งเพื่อนร่วมงาน ลูกน้องเข้าปรึกษาเรื่องนี้ (ทั้งที่ตัวเองยังไม่มีครอบครัว) แต่ก็ได้แต่แนะนำไปตามที่เราคิดว่าถูกต้อง แต่บางครั้งใจคนเรามันก็ห้ามยากนะ เพราะบางทีคุยกับเรารับปากว่าจะดีกัน จะเลิกกับกิ๊ก แต่สุดท้ายกับจะคบทั้งสองคนก็มี มันคงเป็นเรื่องศีลธรรมในใจมากกว่า และเรื่องผิดถูกดีชั่ว ว่าแต่ละคนจะมีความอดทตที่จะใจแข็งทนกับสิ่งยั่วยุ ได้มากน้อยขนาดไหน หรือบางทีถ้าเราไปยุ่งมากไป ดีไม่ดีเราก็อาจจะกลายเป็นมือที่สาม ที่ทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยกได้ค่ะ หากได้เอ่ยว่ามีใจไปกว่าครึ่งแล้ว แบบนี้คงกู่ไม่กลับแล้วค่ะ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมของแต่ละบุคคลแล้วล่ะค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ paew
ขอบคุณครับ ปรับขนาดแล้วนะครับ
เป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับ
เอามาจากชีวิตจริงและวิถีครับ
อยากให้เขาพบทางออกที่ดี
อย่างหนึ่งที่บอกไปคือ
ทางออกที่เลือก คือ ทางที่เราเลือกแล้วเราสบายใจที่สุด ตลอดไปครับ
สวัสดีครับ บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
บอกตามตรง คิดถึงพี่จริงๆนะครับ ไม่ได้คุยกันนานนนน
อยากพบ อยากเรียนรู้ด้วยครับ
สบายดีนะครับ
....ขอบคุณมากครับที่มาให้กำลังใจ
สวัสดีครับ coffee_mania
พี่กุ้งครับ... มองเขาแล้ว ก้อยากให้เขาพบทางออกที่ดีนะครับ
เข้าใจว่าคนเราก็น่าจะมีอิสระเป็นของตน
ลปรร กับพี่หมอท่านหนึ่งบอกว่า
คนนนี้เขาอาจจะเริ่มชีวิตครอบครัวเร็วไปหน่อย
น้องหมอครับ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัวจริงๆ
หากหยิบเอามาให้คนทั่วไปแสดงความคิดเห็นก็ต้องพูดหลักการหละครับ หลักการที่สังคมการอยู่ร่วมกันพึงกระทำน่ะครับ
หนึ่ง ต้องพูดตรงไปตรงมาว่า กลับหาคนเดิมเถอะ เขาจะดีมาก ดีน้อย เราก็ตัดสินใจร่วมทางเขามาแล้ว บ้านเราเมืองเราเคารพในสิ่งนี้ และยอมรับในสิ่งนี้ มีอะไรผิดใจกันก็พูดจากัน เอาผู้ใหญ่เข้ามาช่วยก็ยังได้เหมือนอีสานที่มีเจ้าโคตร คอยดูแลลูกหลานในเครือสายสกุลให้อยู่ในร่องรอย มิเช่นนั้นมันมิเปลี่ยนคู่กันไปเรื่อยๆหรือ
รับประกันได้อย่างไรว่าคนใหม่ดีกว่าเก่า รับประกันได้อย่างไรว่าเมื่อไปอยู่กัยคนใหม่แล้ว เขาจะไม่มีใหม่อีก ผมคิดว่าต้องยืนยันหลักการคนเดิม หากขุ่นข้องหมองใจกันก็ค่อยๆปรึกษาหารือกันไปครับ
สอง ถ้ามันอยู่ไม่ได้จริงๆ จะเป็นจะตายแล้ว..ใจมันร้อนเป็นไฟปลัยกัลป์ ต้องไปอยู่กับคนใหม่จะมีความสุขที่สุดในโลก ในจักรวาล หากเป็นเช่นนั้นจริง คุณสุภาพสตรีต้องแฟร์กับฝ่ายชาย และครอบครัวฝ่ายชาย โดยการเปิดโต๊ะเจรจา พูดกันตรงไปตรงมาว่า ฉันไม่อาจอยู่กับเธอได้แล้ว ขอไปตามทางของฉัน บอกกล่าวให้ทุกคนทราบอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงความจริงใจและรับได้ของสังคมที่เปิดช่องว่างให้
น้องหมอ พี่ไม่ใช่ทนายความที่รู้เรื่องกฏหมายครอบครัวนะครับ ใช้สามัญสำนึกของความเป็นคนเท่านั้น
คิดถึงน้องหมอเช่นกันครับ
สวัสดีค่ะน้องหมอ
พี่ขอสารภาพว่ามีหลายบันทึกของน้องหมอที่ติดอยู่ในใจของพี่ในแบบที่อยากแลกเปลี่ยนด้วยเช่นบันทึกของคนไข้ที่ติดเชื้อแล้วกินยาฆ่าตัวตายรวมทั้งบันทึกนด้วยน่ะจ้ะ
เมื่อพอมีเวลาเล็กน้อยก็เลยรีบวิ่งเข้ามา่่ก่อน..
สิ่งที่พี่เน้นไว้นั่นแหละจ้ะคือหัวใจหลักของการให้คำปรึกษา การให้คำปรึกษา ( counseling ) ต่างจากการบำบัดรักษา ( Psychotherapy ) ตรงที่การลงลึกในโครงสร้างของรูปรอยคนไข้แต่ละคน แต่เหมือนกันอยู่อย่างคือ ความเป็นกลาง
การลงมือทำจริงทำให้ผู้ให้คำปรึกษาทราบว่าแท้ที่จริงแล้วทุกคนต้องตัดสินใจเลือกทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง เพราะนั่นคือ " ความรับผิดชอบ " ที่เค้าต้องทำต่อชีวิตของตน เรามีหน้าที่เพียงช่วยเรียบเรียงทางเลือก เป็นเพื่อนเดินทางให้เค้าเดินบนหนทางของเค้าอย่างมีจุดหมายปลายทางที่ดีไม่ใช่การตัดสินใจให้เค้าเดิน ( คำว่าจุดหมายปลายทางที่ดีนี่แหละจ้ะที่ทำให้เราต้องเคลียร์อารมณ์ของผู้ที่มาปรึกษาเราก่อน ด้วยการให้ระบายออก และทำความเข้าใจสาเหตุที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอารมณ์ที่เรียกว่า Hidden agenda ..ความเป็นกลางความนิ่ง ความอบอุ่นของผู้ให้คำปรึกษาถึงสำคััญที่สุดไงจ๊ะ )
ที่สำคัญไม่ว่าเค้าจะตัดสินใจเลือกทางเดินอย่างไรก็ตาม เราก็ยังต้องคงความเ็ป็้นกลางไว้เสมอ แม้เค้าจะเดินเข้ามาหาเราอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดจากการตัดสินใจเลือกของเค้าก็ตาม
Hearing is Healing ค่ะ..พี่ดีใจที่น้องหมอเข้าถึงหัวใจของการให้คำปรึกษานะคะ เพราะเมื่อใดที่เราฟังด้วยหัวใจเมื่อนั้นคือเราได้ให้ของขวัญที่ดีที่สุดกับทุกๆคนที่อยู่รอบข้างเราแล้วล่ะค่ะ..เพราะเราทำให้เค้าได้เติบโต ได้มองเห็นสิ่งที่เค้ามองข้ามไป ได้เรียนรู้ว่าตัวเค้านั้นมีคุณค่าเพียงใด..และเราก็ได้ฝึกตัวเอง เห็นตัวเองได้ดีขึ้นแบบที่น้องหมอเห็นไงคะ
เราฟังได้จากทุกๆคนทั้งจากคนที่เรารัก คนที่รักเราหรือคนที่ไม่รักเราและเราไม่รัก เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราฟังอย่างตั้งใจพลังงานจะก่อเกิดหมุนวนระหว่างเรากับคนที่เราฟัง และมนต์วิเศษของการฟังจะเกิดขึ้นค่ะ...
สิ่งที่น้องหมอเห็นภายหลังการให้คำปรึกษาี้ทางพุทธเรียกวิหารธรรมค่ะ เป็นการน้อมนำเอาทุกสิ่งที่เห็นที่สัมผัสมาเรียนรู้เป็นบทเรียนของตนเอง
ขอให้น้องหมอประสบความสำเร็จต่อไปบนเส้นทางของการรู้ตัวเองและการเติบโตทางจิตวิญญาณนะคะ
สวัสดีครับพี่บางทราย
ขอบคุณครับที่เข้ามาอีกรอบครับ
เห็นด้วยลึกๆครับ คิดอย่างนั้น
แต่ในบทบาทหมอ ก็เหมือนพี่เบิร์ดกล่าวครับ
ความเป็นกลาง แต่ผมก็ว่า เราจะแทรกเรื่องจริยธรรมเข้าไปอย่างไรให้เขาได้คิดและไม่ตรง เกิดไปครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ เบิร์ด
เป็นความเห็นที่มีคุณค่ามากครับ
นี่เองเป็นสิ่งที่บอกว่าเราได้ตอบแทนกลับมาเสมอ ถ้าได้แบ่งปันกับพี่ครับ
สิ่งที่ผมทำไป เหมือนการทำข้อสอบแบบหนึ่ง แล้วพี่มาอธิบาย เพิ่มเติม ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่า และเกิดประโยชน์ต่อผมเองมากๆครับ
ผมได้ไปรษณียบัตรแล้วนะครับ บมจ
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการให้คำแนะนำอย่างเป็นกลางครับ
แต่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากในหลายๆสถานการณ์
ท้ายนี้หวังว่าผู้ได้รับคำแนะนำคงจะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลการตัดสินใจเป็นไปในแนวทางที่เกิดผลดีกับทุกฝ่าย และกระทบกระเทือนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดน้อยที่สุดโดยเฉพาะผู้ให้คำแนะนำนะครับ