การอ่าน มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดถึงตาย ผู้หญิงยุคปัจจุบันอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์ พอเกิดมาแล้วตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ไม่ว่าวัยไหนๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับการอ่านทั้งสิ้น แม้แต่ยามจะสูญสิ้นสังขารร่าง ก็ยังมีคนมาอ่านคำไว้อาลัยหน้าศพ ผู้มาในงานรับรู้จากการอ่านนั้น แต่คนที่ควรจะได้ยินได้รับรู้และจะรู้สึกภูมิใจในเกียรติประวัตินั้นมากกว่าใครๆกลับไม่ได้ยิน ( คงไม่มีใครนิยมการแต่งคำไว้อาลัยแล้วอ่านให้ฟังล่วงหน้าหรอกนะ ) การที่เราอ่านได้ก็นับเป็นโชคดีชั้นที่ 1 แล้วโชคดีชั้นที่ 2 และชั้นต่อๆไปก็สุดแล้วแต่ใคร ที่จะนำเอาการอ่านไปพัฒนาชีวิต การอ่านเป็นเหมือนน้ำพุแห่งสติปัญญา อ่านให้มากเข้าไว้ เพีือจะได้นำสิ่งที่อ่านไปใช้กับคนที่คุณรัก "รักที่จะอ่านและอ่านเพื่อรัก" ผู้คนที่ใกล้ชิดคุณจะมีความสุขไปกับการมีผู้รอบรู้เช่นคุณเป็นผู้นำทาง
"การอ่านเป็นน้าพุแห่งสติปัญญา" เป็นตอนหนึ่งของบทประพันธ์ที่มีใครคนหนึ่งจากภูเขามิชิแกนส่งมาให้ "แอนดน์แลนเดอร์ส" แล้วมีคนจดจำต่อๆกันมาว่า.......
๑ จงให้เวลากับการคิด มันเป็นแหล่งที่มาแห่งอำนาจ
๑ จงให้เวลากับการอ่าน มันเป็นน้ำพุแห่งสติปัญญา
๑ จงให้เวลากับการสวดมนต์ มันเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
๑ จงให้เวลากับความรักและถูกรัก มันเป็นพรพิเศษจากพระเจ้า
๑ จงให้เวลากับการมีอัธยาศัยไมตรี มันเป็นหนทางไปสู่ความสุข
๑ จงให้เวลากับการหัวเราะ มันเป็นดนตรีแห่งวิญญาณ
๑ จงให้เวลากับการให้ วันหนึ่งๆสั้นไปสำหรับการเห็นแก่ตัว
๑ จงให้เวลากับการงาน มันเป็นที่มาแห่งความสำเร็จ.....๑
การให้เวลากับการอ่านเป็นน้ำพุแห่งสติปัญญา ที่ต้องเคร่งครัดและเร่งรัดที่จะอ่านให้มากที่สุด อย่าลืมนะคะ...เริ่มวันนี้เลยค่ะ วันไหนยังไม่ได้อ่านหนังสือวันนั้นยังไม่ต้องเข้านอน ....๑
ครูค่ะนำพุแห่งสติปัญญา เราสามารถสร้างได้เองจริงหรือค่ะ เมื่อก่อนหนูไม่คิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้หนูลงมือสร้างด้วยตัวเองแล้วนะค่ะ
ผมก็เห็นด้วยอย่างมากนะครับ แต่ตอนนี้ผมต้องฝึกนิสัยรักการทําการบ้านก่อนครับ 555+