ในการประชุมประจำสัปดาห์ของ สคส. วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ได้มีการ AAR งานเสวนาเรื่องการจัดการความรู้ในสังคมไทย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการเสวนาในครั้งนี้เป็นการนำเสนองานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก ที่เน้นการสร้างความรู้จากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Local Wisdom) กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Modern Science & Technology) จาก ๙ กรณีศึกษา ในภาคเกษตรกรรม การแพทย์แผนไทย หัตถกรรม และ ธุรกิจชุมชนจุลภาค ซึ่ง สคส.จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ณ โรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล กรุงเทพฯ
โดยสมาชิกของ สคส. แต่ละคนได้ให้ข้อคิดเห็นถึงการเสวนาครั้งนี้ตามความรู้สึกของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่า การเสวนาครั้งนี้ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นการเสวนาที่มีพลังและคุณภาพมาก มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเป็นอย่างดี ระหว่างเจ้าของผลงานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก คือ ดร.ยุวนุช ทินนะลักษณ์, ผู้ริเริ่มการสร้างความรู้ทั้ง ๙ กรณีศึกษา, ผู้ทรงคุณวุฒิ, ผู้เข้าร่วมที่มาจากหลากหลายกลุ่ม และสื่อมวลชน
ซึ่งทาง สคส. เห็นว่า บทเรียนจากการเสวนาครั้งนี้สามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการจัดประชุมการจัดการความรู้ครั้งต่อๆ ไป ได้ดี จึงขอสรุปปัจจัยสำคัญๆ ของความสำเร็จในการจัดการประชุมครั้งนี้ ดังนี้ คือ
๑. การคัดเลือกเรื่องที่มีประโยชน์และผลกระทบต่อสังคมไทยในวงกว้าง ซึ่งในการเสวนาครั้งนี้คือ การเลือกผลงานวิจัยจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกที่มีคุณภาพดีของดร.ยุวนุช ทินนะลักษณ์
๒. การตั้งหัวข้อหรือชื่อการประชุมเสวนาที่น่าสนใจ
๓. มีการคัดเลือกหรือการเจาะจงเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มาให้คำแนะนำเสนอแนะข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ดีและเหมาะสมกับหัวเรื่องที่พูดคุยเสวนากัน
๔. มีการเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมเสวนาโดยกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมที่ไม่มากเกินไป (ซึ่งการเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด ๖๐ คน) และมีเงื่อนไข คือ ผู้สมัครเข้าร่วมประชุมจะต้องแจ้งถึงวัตถุประสงค์การเข้าร่วม, ประเด็นที่จะนำมาร่วมแลกเปลี่ยน และการจะนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป เป็นต้น
๕. การให้ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงาน ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการเองด้วย เนื่องจาก เป็นผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง มองเห็นภาพรวมและสามารถเชื่อมโยงกระบวนการสร้างความรู้ของทั้ง ๙ กรณีศึกษา เพื่อถ่ายทอดให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจและเห็นภาพอย่างชัดเจน ทำให้เกิดบรรยากาศการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นธรรมชาติ
๖. สถานที่มีความเหมาะสม มีการจัดโต๊ะเสวนาแบบ ๒ วง คือ วงในเป็นเจ้าของผลงานวิจัย, ผู้ริเริ่มการสร้างความรู้ของทั้ง ๙ กรณีศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนวงนอก จะเป็นผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาและสื่อมวลชน ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถร่วมแลกเปลี่ยนได้อย่างสะดวกและเป็นกันเอง
อย่างไรก็ตามได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรจะมีการสกัด Knowledge Assets ของการประชุมการจัดการความรู้ในแต่ละครั้ง และนำเสนอขึ้นจอ Projector เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้เห็น ทักท้วง และเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้องได้ด้วย ซึ่งการประชุมวิชาการด้านการจัดการความรู้ครั้งที่ ๑๗ ที่ สคส. จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ณ โรงแรมเอเชีย ก็จะนำบทเรียนหรือนวัตกรรมการประชุมวิชาการจัดการความรู้เหล่านี้ ไปปฏิบัติใช้จริงด้วย
ผลจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป และหากใครจะนำมาตรฐานหรือนวัตกรรมการประชุมวิชาการไปปรับใช้ก็ไม่สงวนสิทธิ์ แต่ถ้าจะให้ดี ขอให้บันทึกผลหรือบทเรียนการนำไปใช้เพื่อให้ทาง สคส. และคนอื่นๆ ได้ร่วมเรียนรู้ด้วย ก็จะดีมากๆ ค่ะ