“เร็วๆหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ตกเครื่อง” ท่ามกลางงานที่กำลังจะเลิกราของ Show & Share Shining ATC หรืองานนำเสนอผลงาน QSHE & KM ประจำปี 2550 เราก็ต้องรีบส่งงาน รวมทั้งให้การบ้านเด็กๆในสังกัด เพื่อน้องๆจะได้มีเป้าหมายในการทำงานระหว่างที่พี่ไปเรียนรู้โลกกว้างถึง 2 ทริป ติดต่อกัน และแล้วงานก็สำเร็จได้อย่างสวยงามด้วยความร่วมมือที่น่ารักของทุกคน โอเค บ้าย บาย อีก 12 วันเจอกันใหม่
....................................
.....................................
18.00 น. พนักงานขับรถมาจอดรถรออยู่หน้าบ้านนานมากแล้ว จะอาบน้ำนานๆก็เกรงใจน้อง เลยต้องรีบอาบ รีบแต่งตัว โดยมีเสียงเล็กๆ ของเจ้าตัวโตในบ้านคอยตั้งคำถามไม่หยุด -คุณแม่ขา....กระเป๋าสตางค์หยิบไปหรือยังคะ? -คุณแม่ขา....แว่นตาเอาไปหรือยัง? -เอกสารจัดพร้อมหรือยัง? ล้วนแล้วแต่ผู้ที่คอยเตือนเสมอยามออกจากบ้านไปค้างแรมที่อื่นๆ และแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น 20.00 น. ไม่รู้ว่าคนขับรถจะรีบไปไหน นอนในรถได้แป๊บเดียวก็ปลุกขึ้นมาที่หน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วเอาล่ะ ปฏิบัติการล่าฝัน in Japan เริ่มแล้ว 21.00 น. เริ่มมีเพื่อนๆ ที่ร่วมสถานการณ์มาแล้ว เริ่มจากน้องแก้ม (เก๋) อ.วรภัทร์และครอบครัว เจ้าทิพย์ มานั่งพักใหญ่ๆ ก็ไปโหลดกระเป๋ากัน เริ่มได้เห็นหน้าผู้ร่วมทริปแล้ว แต่ที่ประทับใจสุด น่าจะเป็นไกด์เป็ด หรือพี่เป็ด ผู้ไม่ยอมให้ใครเรียกป้าเด็ดขาด เพราะมาทีหลังและยังไม่ได้แนะนำตัวแต่ก็มอบรอยยิ้มและความเป็นมิตรผ่านสายตามาให้กับสาวบ้านนอกอย่างเราได้ใจชื้นก่อนเดินทาง00.45 น. สาวบ้านนอกพร้อมผองเพื่อนผู้ร่วมทริปก็ออกจากประเทศไทย มุ่งสู่ Fukuoka Japanเป้าหมายคือการเรียนรู้ผ่านการเดินทางนั่นเอง ด้วยความเพลียจากการทำงานทั้งวัน ทำให้พอเครื่องเริ่มออกตัว เราก็หลับเสียแล้ว ไม่ว่าจะเสริฟอะไร ก็ไม่สามารถลืมตามากินได้ ก็เกือบๆเช้านั่นแหละถึงได้ลืมตามากินข้าวเช้า ทำไมการเดินทางคราวนี้อาหารเช้าถึงได้อร่อยมากก็ไม่รู้ซินะ เอาละ อิ่มท้องก็สามารถลุกขึ้นมาเตรียมออกเดินทางต่อได้เลยหลังจากเครื่องจอดเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เราเป็นคนเดินทางบ่อยๆ เลยทำให้ออกมาสู่ภายนอกเป็นคนแรกๆ แต่หลังจากที่เราออกมาแล้ว มาทราบทีหลังว่าข้างในมีปัญหานิดหน่อย เลยทำให้ได้บทเรียนว่า การเดินช้า หรือเอาหินน้ำใจมาถ่วงขาไว้บ้างก็น่าจะดีเอาละ เมื่อพร้อมเราทั้ง 21 ชีวิตก็เริ่มเรียนรู้กันเลย คราวนี้นอกจากการเรียนรู้คนญี่ปุ่นแล้ว เราว่ายังได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันโดยที่ไม่ได้เคยคุ้นกันมาก่อนด้วยต่างหากมาถึงที่แล้วก็ต้องไหว้พระขอพรกันก่อน คงเป็นแนวทางที่ดี นอกจากจะได้เห็นพิธีกรรม ซึ่งถ้าเทียบกับบ้านเราคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ทั้งเครื่องรางของขลังและพิธีกรรมแห่งความเชื่อ หลังจากได้พรกันถ้วนหน้าแล้ว เราๆ ทั้งหลายก็ปฏิบัติการตามล่าวัฒนธรรม Japan ซึ่งพยายามหากันแถวๆนั้น อย่างแรกก็ต้องเป็นขนม ซึ่งอาจบอกได้ว่ามี 2 อย่าง คือถั่วไส้แป้ง และขนมแป้งไส้ถั่ว แต่ที่ประทับใจมากกว่า ก็น่าจะเป็นการขายของ ของชาวญี่ปุ่น ที่เราๆพบกันก็คือ service mind เต็มหัวใจการขายของ ที่เขาปลูกฝังไว้ เรากะแมวเหมียวเข้าไปซื้อโปสการ์ดในร้านป้าแก่ๆ 2-3 คน แมวเหมียวแทบหมดตัวจากป้าที่คอยบริการตลอด คอยแนะนำสินค้า แมวเหมียวก็เลยซื้อซะเกือบทุกลายที่มีในร้านต่อจากนั้นพี่ไกด์ก็พาพวกเราไปชมน้ำพุต่อ ซึ่งที่ที่พาพวกเราไปเหมือนจะบอกว่า ในโลกนี้ไม่มีดีอย่างเดียวหรอก เพราะพี่ไกด์พาพวกเราไปบ่อน้ำพุร้อนทั้งบ่อนรก และบ่อสวรรค์ เห็นได้ว่าโลกนี้สร้างสมดุลเสมอ หลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเราเรียกร้องและขอร้องพี่ไกด์ให้พาพวกเราไปให้ได้นั่นคือการอาบน้ำแร่แบบญี่ปุ่น หรือ “ออนเซ็น” เรื่องนี้คงต้องขอยกไปขยายใน Hi Japan ตอนที่ 2 แล้วกัน หลังจากนั้นเราก็ได้ไปรู้จักโลกใหม่ โลกที่เหมือนเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เหมือนเคยรัก เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างไง อย่างงั้น เลยนะ จะบอกให้ไม่มีความเห็น