ณ "สวนโมกข์" แผ่วผ่านนานหลายปี
ณ"สวนโมกข์" แผ่วผ่าน นานหลายปี
กาลก่อนนี้ ระลึกหวน ทวนความหลัง
ยามรุ่งอรุณ กำเนิด เกิดกำลัง
เฝ้าระวัง เพ่งพินิจ ดูจิตตน
รุ่งอรุณ เสียงวิหค นกป่าร้อง
ไก่ป่าขัน ยินก้อง พนาสน
สัญญาณเตือน กายใจ ไปสวดมนต์
ย้ำอีกหน ด้วยระฆัง เสียงดังตี
ทุกย่างก้าว ทำสิ่งใด ใช้"สติ"
"สมาธิ" ฝึกใจ ให้ถ้วนถี่
คำพูดจา กับใคร ต้องไม่มี
ฝึกเช่นนี้ กำหนด กฎกติกา
ไปเข้าคอร์ส ที่นั่น เก้าวันครบ
มิรู้จบ ทำต่อไป ใฝ่ศึกษา
ชาวพุทธควร หยุดตรอง มองเวลา
ฝึกสมาธิ-ภาวนา..อย่าปล่อยเลย๚
..............................................
เป็นกลอนที่บรรยายได้เห็นภาพมากๆเลยนะคะ
ขอบคุณมากๆๆ นะคะ
ที่นำบรรยากาศดีๆ มาให้หวนระลึกถึงกันค่ะ
สวัสดี คุณน้องขจิต และ คุณซันซัน ครับ
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน ครับผม
“เอ่ย น้องเอย มะพร้าวนาฬิเกร์
ต้นเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง
ฝนตกไม่ต้อง ฟ้าร้องไม่ถึง
กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึงได้แต่ผู้พ้นบุญเอย”
...........................................
พุทธทาส
------------
"พุทธทาส" นามท่านปานขุนเขา
ทว่าเบาสบายอย่างว่างน้ำหนัก
และตัวตนของท่านนั้นใหญ่นัก
ใหญ่ด้วยหลักให้สละละตัวตน
เราต้องไม่น้อยเป็นร้อยปี
จึงจะมีคนอย่างนี้เกิดสักหน
อาจร้อยปีพันปีมีสักคน
อยู่ในโลกแต่หลุดพ้นจากโลกไป
อยู่ในโลกและได้เข้าใจโลก
อยู่เหนือโศกเหนือสุขเหนือยุคสมัย
จุดประทีปธรรมกระจ่างที่กลางใจ
สว่างไสวสะอาดภพสงบงาม
ควรยินดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
ได้พบพุทธศาสน์แพร้วพระแก้วสาม
ได้ฟังธรรมจากสวนโมกขพลาราม
ได้เดินตามรอยพระอริยมรรค
"พุทธทาส" นามท่านปานขุนเขา
ทว่าเบาสบายอย่างว่างน้ำหนัก
และตัวตนของท่านนั้นใหญ่นัก
ใหญ่ด้วยหลักให้สละละตัวตน
------------------------------------
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ —ร้อยกรอง
• ขออนุญาตนำบทกวีของ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ มาฝาก ครับ