มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

แม้กระทั่งเรื่องการทำความดี มีจิตอาสาก็ไม่ใช่ขาวกับดำ


เมื่อวานมี email มาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะว่า หมอฟันที่เป็นอ.พิเศษลงหนังสือพิมพ์ ให้สัมภาษณ์ประสบการณ์การไปอาสาสมัครทำฟันให้คนจนที่ประเทศโมรอคโค

ทางทีมงานที่ไปประทับใจกันมากที่ได้ไปช่วยเหลือคน และได้ไปเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น  อยู่ที่แวนคูเวอร์ทำงานได้เงินมากมาย มีชีวิตสุขสบาย มาเห็นคนไม่มีปัจจัยสี่ทำให้มุมมองโลกเค้าเปลี่ยนไป

งานที่ทำคือถอนฟัน (ขณะที่ให้สัมภาษณ์กำลังถอนซี่ที่ 17 ของวัน... ว่าเข้าไปนั่น) แล้วก็ให้สุขศึกษา แจกแปรงสีฟัน ยาสีฟันฟรี มีคนมาต่อคิวมากมาย  

แล้วเค้าก็โฆษณาว่าปีหน้ามีโครงการจะไปประเทศลาว ขออาสาสมัครด้วย ให้ออกค่าใช่จ่ายเอง

อ่านจบ.....เอ....ทำไมเราไม่รู้สึกประทับใจหว่า

คิดไปคิดมา อ่อ...เพราะคนในแวนคูเวอร์เองไม่มีเงินทำฟันมากมาย (ทันตกรรมที่นี่ไม่รวมใน universal healthcare เรื่องฟันเป็นเอกชน 90%)

--------------- 

เอาเรื่องใกล้ตัวคือ กลุ่มคนไข้ผู้สูงอายุนี่แหละค่ะ

มีญาติคนไข้โทรมา มีพยาบาลโทรมาจากรพ. หรือ บ้านพักคนชรามากมายว่ามีคนไข้ที่ออกไปหาหมอฟันไม่ไหว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ถามคลีนิกในชุมชนก็ไม่มีคนยอมมา

เพราะว่ามันเสียเวลา

การดูแลรักษาผู้สูงอายุต้องใจเย็นๆ ยิ่งถ้าท่านมีอาการหลงๆลืมๆ หรือมีโรคประจำตัวมากๆจน ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้มากยิ่งต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป

หรือคนที่อยู่ในเมืองห่างไกลความเจริญทางเหนือของแคนาดา จะหาหมอที่นั่งฮ.ไปดูแลคนตามหมู่บ้านหนาวๆนั้นยากนัก คนที่ทำงานด้านนี้ก็มีแต่หน้าเดิมๆ

วันนี้คุยกับผู้จัดการคลีนิกพิเศษที่ดูแลคนไข้ผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เค้าก็บ่นว่ามีโทรศัพท์มาอีกแล้ว บอกว่าหมอฟันแถวเมืองนั้นไม่ยอมไปดูคนไข้ในบ้านพักคนชราให้  เค้าก็ไม่รู้จะทำยังไง

เค้าก็บอกว่าหมอที่อาสาทำงานอย่างหมอที่ลงนสพ. หน่ะ ทำดี แต่ว่าทำดีแบบได้ไปเที่ยวด้วย  ที่คนลำบากมีอยู่ใกล้ๆตัวไม่เห็นอาสากันบ้างเลย

คือไปถอนๆ สอนๆแปรงฟันมันง่าย เค้าอยากเห็นคนอาสาทำอะไรที่มันลำบากจริงๆให้มากกว่านี้

แถมคนที่ลำบากก็คนในเมืองหรือเมืองใกล้ๆนี่แหละ

ทางคณะมีคอร์สสอนเป็น continuing education ทุกปีสำหรับหมอที่ต้องการฝึกให้รู้สึกมั่นใจในการดูแลผู้สูงอายุ แต่คนที่สนใจมีน้อยมาก ทั้งๆที่ในอีก 5-10 ปีข้างหน้านี้ จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นมากนัก

คนเราชอบทำดี แต่ชอบทำดีในรูปแบบที่ไม่สม่ำเสมอ

คือทำฟันเอาตังค์ที่แวนคูเวอร์จนรู้สึกผิด แล้วก็บินไปทำฟันให้คนจนในประเทศโลกที่สาม แล้วก็ภูมิใจเหลือหลายที่ได้ช่วยคน แถมได้ไปเที่ยว

แต่อย่างว่าค่ะ ก็ดีกว่าคนที่ไม่อาสาเลยแม้แต่วันเดียว?

สิ่งที่อยากเห็นคืออยากให้หมอฟันเอกชนที่นี่ทุกคนทำงานนอกคลีนิกตัวเอง แค่ครึ่งวันต่อ  1 อาทิตย์ ทำอาทิตย์เว้นอาทิตย์ก็ยังดี คือรวมแล้ว 1 เดือนก็ทำงานอาสาแค่ วันเดียวเอง แค่นี่น่าจะมีบริการสำหรับคนที่ไม่มี access ที่เป็นประจำสม่ำเสมอมากขึ้น

---------------

นี่คือปัญหาที่นี่ค่ะ ที่เมืองไทยเราน่าจะดีกว่านี้ หรือลักษณะปัญหาไม่น่าจะเหมือนกัน

มาบ่นค่ะ

จบ(ฮา) 

หมายเลขบันทึก: 152172เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2007 08:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

น่าคิดจริงๆ ครับ

ในทางธรรม เป็นธรรมชาติของจิตที่มักจะหาความสมดุลย์ของแต่ละคน....กันเอง

ผมเห็นด้วยว่าในที่สุดแล้ว ก็ดีกว่าคนที่ไม่อาสา

ที่ผมเห็นว่าสำคัญตรงนี้คือ ถ้าเริ่มทำครั้งหนึ่งแล้วมีความสุขที่จะทำ วันหนึ่ง.....คงมีความคิดจิตอาสาที่ยิ่งๆขึ้นไปครับ

ด้วยความปรารถนาดี

คนไทยบางคนก็ไม่ค่อยมีเงินทำฟันหรอกครับ.

การอาสาทำงาน นอกจากได้ประโยชน์กับผู้อื่นแล้ว ประโยชน์ที่เกิดต่อตนเอง ก็มีค่ามากนะคะ  งานอาสานี่แหละ เหมือนขุมทรัพย์ให้เรามีแต่ได้กับได้เชียวค่ะ  ได้เรียน ได้รู้ ทั้งเรียนรู้งาน และเรียนรู้ผู้คน 

และสำคัญที่สุด เป็นเครื่องมือที่ดีในการศึกษาตนเอง เรียน และรู้จักตนเองมากยิ่งขึ้นค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.มัท

  • เข้ามาฟังหมอฟันใจดี   นานๆบ่นที ... แต่ทีละนานๆ      : )
  • เอ่อ....ถ้าไม่หวังเงินเป็นเป้าหมาย    เราจะทำความดีได้ง่ายขึ้นเยอะอะค่ะ 
  • ..ไม่ได้บ่นนะคะ     นี่แค่รำพึง....   อิๆๆๆ

น้องมัท

แบบอย่างของบุคคลผู้อุทิศทั้งชีวิตให้กับงานอาสา เพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเต้านม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมาค่ะ

คุณ มด  วนิดา  ตันติวิทยาพิทักษ์  นักสู้เพื่อมวลชน

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=9/Dec/2550&cat_id=220100

อ่านดูนะคะ

พี่อ๋อ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะทุกๆท่าน ทั้งท่านพลเดช, คุณวีร ์(ไม่เห็นหน้าตั้งนาน), พี่อ๋อ, พี่แอมป

มัทเห็นด้วยกับท่านพลเดชค่ะ คือคิดว่า ถึงรูปแบบการอาสาหลายๆครั้งยังมีความเห็นแก่ตัวแอบแฝงอยู่  แต่การที่ได้ทำดีแล้วเห็นว่าผลของการกระทำที่มีต่อระดับจิตใจเป็นอย่างไร เค้าอาจจะ "มีความคิดจิตอาสาที่ยิ่งๆขึ้นไป"

ส่วนเรื่องaccessการทำฟันในเมืองไทยนั้น ดีกว่าที่แคนาดามาค่ะ เพราะเรามีโครงการ 30 บาท ที่รวมทันตกรรมด้วย มีโครงการฟันปลอมพระราชทาน มีรพ.ชุมชน  มีสถานีอนามัย มีพอสว.เคลื่อนที่ จะลำบากหน่อยตรงกลุ่มประกันสังคมที่เบิกได้น้อย แล้วก็กลุ่มห่างไกลมากๆเช่น คนเรือทะเล ิ(อีกปัญหาใหญ่ค่ะ)

อันนี้พูดถึงเรื่อง basic care นะคะ คือ เจ็บปวดเพราะผุทะลุ หรือ มีหนอง แล้วมีคนรักษาให้ทัน หรือสามารถหาหมอตรวจประจำปีได้สม่ำเสมอ เป็นโรคเหงือกก็รักษาได้ มีไม่ฟันเคี้ยวก็ใส่ฟันได้ 

ไม่นับพวกเหล็กดัด รากเทียม หรือ ฟอกสีฟันขาวนะคะ มัทคิดว่า access หรือ การเข้าถึงบริการ บ้านเราดีขึ้นมากแล้วค่ะ จะขาดก็แต่เรื่อง การส่งเสริม (health promotion) รวมทั้งเรื่อง health literacy ค่ะ อันนี้ต้องแยกบันทึกค่ะวีร์ : )

ขอบคุณพี่อ๋อสำหรับ link เรื่องคุณมดนะคะ อาทิตย์นี้ได้อ่านสัมภาษณ์ หรือ งานเขียนถึงคุณมดจากทั้ง สารคดี fringer ประชาไท แล้วก็ ไทยโพสท์ที่พี่ส่งมา เป็นการแสดงให้เห็นว่า คนดีมีคนรักมากมาย ความดีไม่หายไปไหน มีแต่คนสรรเสริญ : )

พี่แอมป์ มัทมีเรื่องบ่นอีกเยอะค่ะ แต่บางทีบ่นกับตัวเองแล้วก็ปลอบตัวเองไป เรื่องไหนหาคำตอบไม่ได้ ก็มาบ่นลง G2K : ) 

ตอนบ่นเรื่องนี้ สงสัยยังไม่ตกผลึกดี เขียนอาจงงๆไปหน่อย มัทเคยเขียนเรื่องที่คล้ายกันไว้ในบันทึก 

"เราหวังผลลัพธ์อะไรจากการสอนจริยธรรมให้กับนักศึกษาสายสุขภาพ"

ประเด็นคือ สำหรับอาชีพสายสุขภาพนี้การมีจิตอาสาควรจะมีตลอดไม่ใช่หรือ

มิเช่นนั้น...

--------------------------------- 

วงจรการทำงาน"แบบ pro-bono" "แบบ random act of kindness" "แบบ charity" ก็ไม่จบ เราต้องการแค่นั้นเหรอ 

ฉันว่าเรามาสร้าง มาtransform นักศึกษาให้เป็นหมอที่ (engage) เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน ไปเปลี่ยนวิถีการดูแลสุขภาพช่องปาก ไป advocate ให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายไม่ยั่งยืนกว่าเหรอ!

---------------------------------

แล้ว หมอจิ้น  ก็เข้ามาลงความเห็นที่มัทชอบมากๆๆๆๆ คือ

บุคลากรสายสุภาพควร...

---------------------------------

"คุ้นเคยกับการทำงาน กับมนุษย์  และรู้สึกเป็น  เรื่องธรรมดา ที่เมื่อจบมาแล้วก็น่าจะทำงานแนวนี้ ทำงานกับชุมชน   ทำงานกับความทุกข์ และความเจ็บป่วย    ไม่ใช่เรื่อง ของสังคมสงเคราะห์ ทำบุญ หรือ อาสาสมัคร  ( เป็นเรื่องแปลกจริง ๆ ทีงานของเรา ก็เป็นงาน ที่ทำบุญ สงเคราะห์ ช่วยเหลือให้คนพ้นทุกข์อยู่แล้วนี่นา แค่ทำตามที่ควรจะเป็น  ตามครรลอง ทำไม่ต้อง มาทำสังคมสงเคราะห์ อาสาสมัครกันอีก)"
--------------------------------- 

คือจิตอาสาเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่จะดีกว่าถ้าเราทำให้มันเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ไปซะทำทีละน้อยแต่ทำบ่อยๆ 

เหมือนกับ การทำบุญ ไปด้วย ละบาปไปด้วยพร้อมๆกัน

ไม่ใช่เอาบุญมาล้างบาปที่ทำมาทั้งปี เป็นต้น 

น้องมัทจ๋า

พี่มีเรื่องยินดีจากการ อาสา มาเล่าให้ฟังจ้ะ บทความที่น้องมัท อาสา เขียนให้วารสารทันตภูธรเล่มล่าสุด รวมใจถวายพระพร  มีคุณหมอจากพัทลุงผู้อ่านโทรมาเล่าให้ฟัง ว่าได้ อาสา นำบทความของน้องมัทไปอ่านออกอากาศเสียงตามสายของโรงพยาบาล และเปิดเพลง ของขวัญจากก้อนดิน ประกอบไปด้วย ทำเอาบุคลากรทั้งโรงพยาบาล รวมทั้งคนไข้ซาบซึ้งน้ำตาคลอกันเป็นทิวแถว สร้างความปลื้มใจแก่ผู้ อาสา นำเสนอมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ

เดี๋ยวหลังปีใหม่ว่างๆกว่านี้พี่จะนำบทความนั้นมาบันทึกให้อ่านกันนะคะ

อาสา ส่งเรื่องดีๆให้ปลื้มไปด้วยกันค่ะ

พี่อ๋อ

สวัสดีค่ะพี่อ๋อ

มัทมาถึงกรุงเทพแล้วเมื่อคืนเองค่ะ

เช้านี้้เช้าแรก สดชื่นมากยิ่งได้มาอ่านข่าวที่พี่ส่งมา : )

ยินดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเช่นกันค่ะ   เป็นของขวัญที่มีค่ามากๆทางจิตใจ

ขอบคุณนะคะ แล้วคุยกันใหม่นะคะ

น้องมัท

 ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ  ดีใจที่ได้ส่งข่าวดีๆต้อนรับกลับบ้านเราค่ะ

 พี่อ๋อ

P จริงครับ ถ้าถอนฟันอย่างเดียวก็พอจ่ายได้. (ยกเวันฟันคุด ถอนแพง)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท