พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านก็ตัดสินใจของท่านยังไม่ได้เหมือนกัน เมื่อท่านออกบวชใหม่ๆ ก็แสวงหาโมกธรรม ดูอะไรท่านก็ดูทุกอย่างให้มปัญญา แสวงหาครูบาอาจารย์ อุทกดาบสอย่างนี้ ท่านก็ไป เข้าไปปฏิบัติดู ยังไม่เคยนั่งสมาธิ ท่านก็ไปนั่ง นั่งสมาธิขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง หลับตา อะไรๆ ๆ ก็ปล่อยวางไปหมด จนสามารถบรรลุฌาณสมาบัติชั้นสูง แต่เมื่อออกจากฌานนั้นแล้วความคิดมันก็โผล่ขึ้นมาอีก เมื่อมันโผล่ขึ้นมาแล้ว จิตก็เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในที่นั้น ท่านก็รู้ว่า เออ...อันนี้ปัญญาของเรายังไม่รู้ ยังไม่แจ่มแจ้ง ยังไม่เข้าถึง ยังไม่จบ ยังเหลืออยู่
เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็ได้ความรู้เหมือนกัน ตรงนีไม่จบ ท่านก็ออกไปใหม่ แสวงหาครูบาอาจารย์ใหม่ เมื่ออกจากครูบาอาจารย์องค์นี้ท่านก็ไม่ดูถูก ดูหมิ่น ท่านทำเหมือนกันกับแมลงภู่ที่เอาน้ำหวานในเกสรดอกไม้ ไม่ให้ดอกช้ำ แล้วไปพบอาฬารดาบสก็เรียนอีกความรู้สูงกว่าเก่าเป็นสมาบัติอีกขั้นหนึ่ง เมื่อออกจากสมาบัติแล้ว พิมพาราหุลก็โผล่ขึ้นมาอีก เรื่องราวต่างๆ ก็เกิดขึ้นมา ยังมีความกำหนัดรักใคร่อยู่ ท่านก็เห็นในจิตของท่านว่า อันนี้ก็ไม่ถึงที่สุดเหมือนกัน ท่านก็เลิกลาอาจารย์องค์นี้ไป แต่ยอมรับฟังและพยายามทำไปจนสุดวิสัยของท่าน ท่านตรวจดูผลงานของท่านตลอดกาล ตลอดเวลาไม่ใช่ว่าท่านทำแล้วทิ้งไป ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านติดตามผลงานของท่านตลอดเวลาเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังแสวงหาความรู้ตลอดเวลา แล้วเราเล่า ทำไมไม่แสวงหาความรู้กัน
สวัสดีครับ....แสงปัญญา ครับ คำว่า "พระพุทธเจ้า" เป็นคำที่ใช้กล่าวตอนที่เจ้าชายสิทธถะ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ครับ ไม่ใช้ตอนที่ทรงแสวงหาความรู้ครับ หนึ่ง
สองครับเมื่อเจ้าชายสิทธถะตรัสรู้แล้ว ก่อนออกปฐมเทศนา (เรื่องมัฌชิมาปฏิปทานั้น)ท่านก็บอกว่าสิ่งที่ท่านตรัสรู้นั้นยากยิ่งนัก กว่าที่คนปกติจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ ยกเว้นบุคคลที่มีอินทรีย์แก่กล้าเท่านั้น
เพราะฉะนั้นต้องแยกกันระหว่างความเพียรเพื่อหาความรู้ กับความเพียรเพื่อหาปัญญา ต้องเริ่มจากการรักษาศีล บริจาคทาน เจริญสมาธิ แล้วจึงได้ฌาณ เมื่อได้ฌาณ เพียรต่ออีก ก็จะได้ปัญญา (ฌาณกับปัญญาคนละตัวกันครับ) ถ้าได้ทั้งฌาณและปัญญาก็จะเข้าสู่นิพพานครับ
สาม สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีมากเท่าใบไม้ในป่าประดู่ลายครับ แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเรา(ธรรม)เป็นเพียงแค่ความรู้เพียงกำมือเดียวครับ
เพราะฉะนั้นการแสวงความรู้จึงมีหลายทางครับ จากภายนอกก็มี จากภายในก็คือการเจริญสมาธิครับ
จึงขอแลกเปลี่ยนกับคุณแสงปัญญาว่า ยังมีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะครับ อย่าเพิ่งฟันธงว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ครับ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แล้วไม่ต้องแสวงหาความรู้ครับ แต่ต้องนำความรู้ที่แจ่มแจ้ง(ธรรม) และพุทธะ แปลว่าผู้รู้แจ้งครับ ไม่ต้องหาอีกครับ
สวัสดีค่ะคุณสมพงษ์
ต้องขอขอบพระคุณคุณสมพงษ์มากค่ะ ที่ใด้แลกเปลี่ยนความรู้ และได้รับความรู้มากขึ้นและเพิ่มขึ้น คนอื่นที่ได้เข้ามาอ่านก็ได้รับความกระจ่างและความถูกต้องด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำข้อคิดเห็นมาให้ได้อ่านกันอีกนะคะ
สวัสดีค่ะคุณสมพงศ์
ขอบคุณมากค่ะที่มีบทความดี ๆให้พวกเราได้อ่านกันขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะเป็นประโยชน์อย่างมากค่ะ