แสงเทียน
นางสาว เกตนุต เกตนุต สะดือจุ่น

ความรู้ที่ยังไม่จบ


ความรู้ที่แสวงหาได้ตลอดเวลา

             พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านก็ตัดสินใจของท่านยังไม่ได้เหมือนกัน เมื่อท่านออกบวชใหม่ๆ ก็แสวงหาโมกธรรม ดูอะไรท่านก็ดูทุกอย่างให้มปัญญา แสวงหาครูบาอาจารย์  อุทกดาบสอย่างนี้  ท่านก็ไป เข้าไปปฏิบัติดู  ยังไม่เคยนั่งสมาธิ ท่านก็ไปนั่ง นั่งสมาธิขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง หลับตา  อะไรๆ ๆ ก็ปล่อยวางไปหมด จนสามารถบรรลุฌาณสมาบัติชั้นสูง  แต่เมื่อออกจากฌานนั้นแล้วความคิดมันก็โผล่ขึ้นมาอีก เมื่อมันโผล่ขึ้นมาแล้ว จิตก็เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในที่นั้น  ท่านก็รู้ว่า เออ...อันนี้ปัญญาของเรายังไม่รู้ ยังไม่แจ่มแจ้ง ยังไม่เข้าถึง ยังไม่จบ ยังเหลืออยู่

          เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านก็ได้ความรู้เหมือนกัน ตรงนีไม่จบ ท่านก็ออกไปใหม่ แสวงหาครูบาอาจารย์ใหม่  เมื่ออกจากครูบาอาจารย์องค์นี้ท่านก็ไม่ดูถูก ดูหมิ่น ท่านทำเหมือนกันกับแมลงภู่ที่เอาน้ำหวานในเกสรดอกไม้ ไม่ให้ดอกช้ำ แล้วไปพบอาฬารดาบสก็เรียนอีกความรู้สูงกว่าเก่าเป็นสมาบัติอีกขั้นหนึ่ง เมื่อออกจากสมาบัติแล้ว พิมพาราหุลก็โผล่ขึ้นมาอีก  เรื่องราวต่างๆ ก็เกิดขึ้นมา ยังมีความกำหนัดรักใคร่อยู่ ท่านก็เห็นในจิตของท่านว่า อันนี้ก็ไม่ถึงที่สุดเหมือนกัน ท่านก็เลิกลาอาจารย์องค์นี้ไป  แต่ยอมรับฟังและพยายามทำไปจนสุดวิสัยของท่าน  ท่านตรวจดูผลงานของท่านตลอดกาล ตลอดเวลาไม่ใช่ว่าท่านทำแล้วทิ้งไป ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านติดตามผลงานของท่านตลอดเวลาเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังแสวงหาความรู้ตลอดเวลา แล้วเราเล่า  ทำไมไม่แสวงหาความรู้กัน

 

 

หมายเลขบันทึก: 150594เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2007 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
ขอบคุณมากสำหรับบทความที่น่าอ่านและน่าสนใจ และนำมาให้ได้อ่านกันอีก

สวัสดีครับ....แสงปัญญา ครับ คำว่า "พระพุทธเจ้า" เป็นคำที่ใช้กล่าวตอนที่เจ้าชายสิทธถะ ได้ทรงตรัสรู้แล้ว ครับ ไม่ใช้ตอนที่ทรงแสวงหาความรู้ครับ หนึ่ง

สองครับเมื่อเจ้าชายสิทธถะตรัสรู้แล้ว ก่อนออกปฐมเทศนา (เรื่องมัฌชิมาปฏิปทานั้น)ท่านก็บอกว่าสิ่งที่ท่านตรัสรู้นั้นยากยิ่งนัก กว่าที่คนปกติจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ ยกเว้นบุคคลที่มีอินทรีย์แก่กล้าเท่านั้น

เพราะฉะนั้นต้องแยกกันระหว่างความเพียรเพื่อหาความรู้ กับความเพียรเพื่อหาปัญญา ต้องเริ่มจากการรักษาศีล บริจาคทาน เจริญสมาธิ แล้วจึงได้ฌาณ เมื่อได้ฌาณ เพียรต่ออีก ก็จะได้ปัญญา (ฌาณกับปัญญาคนละตัวกันครับ) ถ้าได้ทั้งฌาณและปัญญาก็จะเข้าสู่นิพพานครับ

สาม สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มีมากเท่าใบไม้ในป่าประดู่ลายครับ แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเรา(ธรรม)เป็นเพียงแค่ความรู้เพียงกำมือเดียวครับ

เพราะฉะนั้นการแสวงความรู้จึงมีหลายทางครับ จากภายนอกก็มี จากภายในก็คือการเจริญสมาธิครับ

จึงขอแลกเปลี่ยนกับคุณแสงปัญญาว่า ยังมีเรื่องที่เราไม่รู้อีกเยอะครับ  อย่าเพิ่งฟันธงว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ครับ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แล้วไม่ต้องแสวงหาความรู้ครับ แต่ต้องนำความรู้ที่แจ่มแจ้ง(ธรรม) และพุทธะ แปลว่าผู้รู้แจ้งครับ ไม่ต้องหาอีกครับ 

สวัสดีค่ะคุณสมพงษ์

ต้องขอขอบพระคุณคุณสมพงษ์มากค่ะ ที่ใด้แลกเปลี่ยนความรู้ และได้รับความรู้มากขึ้นและเพิ่มขึ้น คนอื่นที่ได้เข้ามาอ่านก็ได้รับความกระจ่างและความถูกต้องด้วยค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำข้อคิดเห็นมาให้ได้อ่านกันอีกนะคะ

สวัสดีค่ะคุณสมพงศ์

             ขอบคุณมากค่ะที่มีบทความดี ๆให้พวกเราได้อ่านกันขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะเป็นประโยชน์อย่างมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท