ปัจฉิมนิเทศลูกสาว...ลืมชมคุณครูเลย


ก่อนดุลูก ย้อนกลับดูตัวเราก่อนดีกว่าเนาะ

      วันนี้ได้รับมอบหมายจากคุณสามีว่า"เปลี่ยนกันไปบ้าง คราวที่แล้วเราไปมาแล้ว"....ก็เรื่องปัจฉิมนิเทศลูกสาวนั่นล่ะคะ โรงเรียนจะเชิญผู้ปกครองไปรับฟังพฤติกรรมลูกๆที่โรงเรียนปีละ 1 ครั้ง  โดยให้ผู้ปกครองไปรวมกันที่ห้องเรียนลูก นั่งโต๊ะลูกใครลูกมัน แต่เกณฑ์เด็กๆไปอยู่ที่อื่น   ไม่ได้ให้ร่วมกิจกรรมฟังคุณครูเม้าท์ให้ผู้ปกครองฟัง  แม่ลูกสาวเราเธอก็คอยบอกเป็นระยะกลัวแม่ลืม กลัวแม่ไม่ไป สุดท้ายวันนี้ตอนใกล้ๆเวลาจะไปเธอมีการยืมโทรศัพท์มือถือเพื่อนโทร มาตามแม่ซะด้วย...แถมไม่จ่ายเงินเพื่อนด้วยนะคะ  ลูกใครก็ไม่รู้? เราก็เลยเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ เด็กรุ่นใหม่ ป.2 ก็พกโทรศัพท์มือถือแล้วคะ...

       พอไปรวมกันครบแล้วคุณครูก็ทักทายแล้วบอกพฤติกรรมลูกๆเราแต่ละคนตามเลขที่   อย่างรู้แจ้งเห็นจริง ละเอียดจนผู้ปกครองตะลึงว่าเออ! ลูกเราเป็นอย่างนี้กันเชียวนะ  เหตุก็เพราะคุณครูได้เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ ป.1 แล้วตามมาจนป.2 แล้วต้องบอกเลยว่าครูเป็นเหมือนครูรุ่นเก่านะคะคือ

"ใจมุ่งมั่นอยากให้เด็กได้ดี อยากให้พ่อแม่ช่วยมาร่วมมือกันดูแลเด็กจริงๆซักทีไม่อยากให้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ครูอย่างเดียว"

แล้วย้ำให้พ่อแม่ผู้ปกครองกลับไปดุลูกเลย เพราะครูบอกไว้แล้วว่าวันนี้กลับไปโดนดุแน่... พอฟังกันครบทุกคนแล้ว บางคนก็รับไม่ได้เหมือนพ่อแม่เสียหน้าคะ ประมาณว่า ด่าลูกก็เหมือนด่าพ่อแม่นั่นล่ะคะ เพราะ..คุณครูเรียกบอกทีละคนเลยบอกว่า ซนมาก บอกคุย ไม่ค่อยส่งงาน ต้องคอยจี้....บางคนก็....ดูเหนื่อยนะคะ ลูกเรียนพิเศษหลายที่ใช่มั้ยคะ ดูเด็กเหนื่อยๆ  ....คุณแม่บอกทันทีเลยว่า ไม่ได้หรอกคะ ลูกยังตีโจทย์เลขไม่แตกเลย ถ้าไม่ให้เรียนลูกก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง เรียนไม่ทันเพื่อน  จนกระทั่งใกล้เลิกคุณครูก็ขอตัวแทนออกมาพูดแสดงความคิดเห็นหน้าห้อง  ..มีคุณแม่ท่านหนึ่งเป็นคุณครูเดินออกมาด้วยหน้างอแบบอารมณ์เสียมาก ไม่มีรอยยิ้มซักนิดเลย...ว่า"เข้าใจว่าครูสนใจเอาใจใส่เด็กดี แต่ครูบางคนทำไมยังใช้การตีเด็กด้วย ......."แล้วก็พูดต่ออีกยาวพอประมาณ  แต่ตลอดการพูดคือโกรธ...คุณครูก็เลยพยายามหันหาคนที่มีความคิดเห็นอื่นๆ ..ดันหันมาเห็นเราที่นั่งอยู่โต๊ะแรกหน้าห้อง  แล้วเห่อยิ้มให้คุณครูซะด้วย...ถึงคราวเคราะห์จริงๆเลย ก็เลยถูกเชิญให้ออกไปพูดแสดงความคิดเห็นแบบไม่ได้ตั้งตัว...เฮ้อ!...

        เราเองก็ยังติดใจกลับประโยคที่คุณครูบอกให้กลับไปดุลูกกับพฤติกรรมที่ผู้ปกครองเสียหน้า  ก็เลยทำให้จิตใต้สำนึกพูดไปว่า

"วันนี้ถ้าอย่างไร กลับบ้านอย่าเพิ่งดุว่าลูกกันนะคะ...อยากให้กลับไปถามเขาก่อนว่าทำไมถึงไม่ส่งงาน ทำไมถึงไม่ตั้งใจเรียน ทำไมดื้อที่โรงเรียน ..เพราะเด็กอาจมีเหตุผลของเขา ขอให้ฟังเขาอย่างตั้งใจ อย่าคิดว่าเขาเถียง หรือโกหก  แล้วจะได้อะไรดีๆกลับมาจากลูกก็ได้...โดยส่วนตัวให้อิสระกับลูก"   กลับมาถึงบ้านยังนึกเสียดายเออ! ทำไมเราไม่พูดชมคุณครูนะว่าคุณครูสนใจ ใส่ใจลูกเราดีมาก เพราะเรียนพิเศษก็ให้เรียนฟรี เพราะเราไม่ให้ลูกเรียน  แล้ววันนี้คุณครูก็ชม ลูกเราซะด้วย นึกแล้วเสียดายจังเพราะอยากไปช่วยหักล้างความโกรธของคุณแม่คนแรกที่พูดไปก่อนหน้าเรา คุณครูจะได้มีกำลังใจทำงานต่อเนาะ  สำคัญเด็กอยู่บ้านนานกว่าอยู่กับคุณครูนะคะแถมอยู่บ้านยังเป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่โรงเรียนเป็นแบบหนึ่งต่อสี่สิบ คุณครูทำได้ขนาดนี้ก็สุดยอดของครูแล้วคะ เพราะยิ่งสมัยนี้หาคุณครูแบบนี้ยากแล้ว  แล้วอยากพูดอีกประโยคว่า

"การสอนเด็กต้องสอนให้เด็กรักการเรียนแบบสนุกสนานและมีความสุขนะ แล้วอย่าลืมนึกถึงตอนเราอยู่ป.2 เราทำอะไรได้บ้าง เท่าลูกวันนี้หรือไม่..เพราะเด็กรุ่นใหม่เรียนยากขึ้นเยอะคะ"

หมายเลขบันทึก: 150584เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2007 19:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 10:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท