วันนี้ช่วงเย็นผมได้ไปฟังการสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ของคุณดรรชนี เมธเศรษฐ์ นักส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ชื่อเรื่อง "การพัฒนากลยุทธการตลาดพืชผักปลอดภัยด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร" ซึ่งผมได้เป็นกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ร่วมกับ ผศ.ดร.สุนทรี ดวงทิพย์ ในสาขายุทธศาสตร์การพัฒนา ณ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
อีกท่านหนึ่งที่ผมได้เป็นกรรมการฯ ร่วม ก็คือวิทยานิพนธ์ของคุณสุเชษฐ อินเจือจันทร์ นักส่งเสริมการเกษตรจากสำนักงานเกษตรอำเภอเมือง ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการจัดการดินในพื้นที่เกษตรกรรมของตำบลอ่างทอง อำเภอเมืองกำแพงเพชร และได้สอบโครงร่างไปแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 50 ที่ผ่านมา
วันนี้ผมไปก่อนเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เลยได้มีโอกาสพบปะและพูดคุยกับ อ.หิ่งห้อย (ผศ.สุณี บุญพิทักษ์) ในหลากหลายประเด็น รวมถึงเรื่องที่ทางทีม มรภ.กำแพงเพชร จะจัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการความรู้ในแต่ละคณะ อาจจะเป็นในช่วงต้นปีหน้า และน่าจะเป็นงานเฮฮาฯ น้อยๆ แน่ๆ เลย
ในช่วงของการสอบโครงร่างฯ ผมก็ได้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกดีใจที่นักส่งเสริมการเกษตร ได้นำงานที่ทำอยู่ไปทำการวิจัย ซึ่งงานส่งเสริมให้คนหันมาผลิตพืชให้ปลอดภัยโดยไม่ใช้สารเคมีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความเคยชิน และระบบการผลิตที่ใช้เงินนำหน้าในยุคปัจจุบัน เหตุผลก็คงจะมาจากการพัฒนาที่เน้นการแข่งขัน ผลิตพืชเชิงเดี่ยว เพิ่มผลผลิต ฯลฯ สุดท้ายผลกระทบก็เกิดตามมาสู่คนเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งจะนำมาเชื่อมกับการตลาดนั้นยิ่งยากขึ้นมาอีก แต่ผมก็เป็นทั้งดาวยั่ว-ดาวยุ ให้คุณดรรชนี ที่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้วนำเรื่องนี้ไปทำเป็นวิทยานิพนธ์จนได้...อิอิ
กรอบของการศึกษาครั้งนี้ใช้กรอบของ "การตลาด" ใน 4 ประเด็น คือ
และที่สำคัญวิทยานิพนธ์เรื่องนี้เป็นงานวิจัยที่ต้องมีการปฏิบัติการ ระหว่างผู้ผลิต ผู้จำหน่าย นักส่งเสริม และคนที่เกี่ยวข้อง เป็นการเรียนรู้ที่คุ้มค่ามากหากนักส่งเสริมของเราได้ผ่านการเรียนรู้และปฏิบัติในช่วงเวลาอีก 1 ปีนับจากนี้ไป เป็นเหตุผลที่ผมรับเป็นกรรมการร่วมฯ อีกทั้งมาจากความสนใจและอยากเรียนรู้ในประเด็นของการพัฒนาการตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัยฯ เพราะเป็นเรื่องที่ท้าทาย ผมคิดว่าคงจะได้เรียนรู้ไปกับงานนี้เป็นอย่างมาก
สุดท้าย ในความคิดเห็นโดยส่วนตัวคิดว่า งานวิจัยปฏิบัติการนั้นเหมาะกับงานส่งเสริมการเกษตรในยุคนี้เป็นอย่างมาก เป็นการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องไปไม่มีที่สิ้นสุด เพราะว่าเกษตรกรหรือผู้ผลิต จะได้เป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนาด้วยตัวของเขาเอง นักส่งเสริมการเกษตรเป็นเพียงผู้เอื้ออำนวยเท่านั้น เพราะปัจจุบันเราน่าจะเลิกคิดโครงการที่จะนำไปให้ชาวบ้านหรือเกษตรกรกันได้แล้ว....
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร. ครับ
สิงห์...ป่าสัก 28 พ.ย. 50
สวัสดีครับพี่ ผมอยากจะเข้าไปฟังงานวิจัยทางด้านนี้มากเลยครับ เป็นการเปิดโลกทัศน์อีกแบบหนึ่งครับ จะได้นำมาใช้ต่อยอดได้ ถ้ามีรายการแบบนี้อีกบอกผมบ้างนะครับ ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ สิงห์ป่าสัก
สวัสดีครับ
ขอบคุณครับ
ยั่วและยุจนเพื่อนนำไปวิจัยจนได้ เยี่ยมยอดมากครับกับวิจัยในงานประจำ
เข้าไปดูเมล์ด้วยนะครับ