ลอยกระทงปีนี้ ได้อ่านงานวิจัย โครงการ "การจัดการความรู้เพื่อพัฒนาองค์กรการเงินชุมชน" ของอาจารย์ภีมและคณะ ซึ่งพอดีตรงกับลอยกระทงปีที่แล้ว ที่ อ.ภีมเขียนกิติกรรมประกาศไว้พอดี เมื่อ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เลยเก็บข้อคิดธรรมะวันลอยกระทงได้พอดี
ได้อ่านถึงแนวคิดทางศาสนา ซึ่งเป็นแนวคิดหนึ่งในกรอบงานวิจัยนี้ เลยพลอยได้คิดเปรียบเทียบกระบวนการกองทุนการเงินชุมชนนี้ กับหลักคำสอนทางคริสตศาสนา ดูเป็นเรื่องเดียวกันทีเดียว
ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้มีกล่าวไว้ตอนหนึ่งถึงเหล่าประชาชนกว่า ๔ พันคนที่ติดตามพระเยซู พระองค์ตรัสว่า
"เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง"
พวกสาวกทูลว่า "ในถิ่นทุรกันดารนี้ เราจะหาอาหารที่ไหนพอเลี้ยงคนมากเท่านี้ให้อิ่มได้"
พระเยซูจึงตรัสให้เอาขนมปังเจ็ดก้อนและปลาเล็กๆ สองสามตัวที่พวกเขามีอยู่ ขอบคุณพระเจ้า และหักส่งให้สาวกไปแจกให้ประชาชน และคนทั้งปวงก็ได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้น เขาเก็บได้เจ็ดตะกร้า (มธ.๑๕ : ๓๒-๓๗)
ฟังดูเหมือนแนวคิดการออมวันละบาทมากเลย แต่ละคนนำส่วนที่ตนเองมีออกมาแบ่งปันกันคนละเล็กน้อย ก็สามารถแบ่งปันคนจำนวนมากได้อย่างทั่วถึง และมีเหลืออีก...
แนวคิดการแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะผู้ทุกข์ยากขัดสน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทุกศาสนานี้เองกระมัง ที่เป็นฐานคิดสำคัญของรูปแบบการจัดการกองทุนการเงินให้เข้มแข็ง และยั่งยืน
มนุษย์มิใช่มีชีวิตอยู่ด้วยขนมปังเพียงอย่างเดียว
ถ้าในปัจจุบันก็คงเป็นว่า
มนุษย์มิใช่มีชีวิตอยู่ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
พลังทางศาสนาเป็นพลังสำคัญที่ให้คำตอบต่อการเกิดมาเป็นมนุษย์และการอยู่ร่วมกันในสังคม