บทความชื่อ " แผ่นดินร่มเย็นที่นราธิวาส" ตีพิมพ์ในนิตยสาร " สู่อนาคต" ฉบับพิเศษเนื่องในวันเฉลิม ได้เล่าย้อนให้เราได้เห็นภาพความยากลำบากในการเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคใต้เมื่อหลายปีก่อน โดยเฉพาะช่วงก่อนสร้างพระราชตำหนักทักษินราชนิเวศน์นั้น เป็นที่รู้กันว่าจังหวัดนราธิวาสชุกชุมไปด้วยโจรผู้ร้าย โจรปล้นสะดม และโจรเรียกค่าไถ่ ถึงขนาดที่ในหลายๆหมู่บ้านนั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป
ทว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในทุกข์อันลึกล้ำของชาวบ้านที่ทั้งทุกข์เพราะยากจนและทุกข์เพราะเหตุภัยคุกคาม จึงได้เสด็จลงไปเยี่ยมเยียนเป็นขวัญกำลังใจให้ราษฎรของพระองค์โดยไม่ทรงหวาดหวั่น บางวันถึงกับเสด็จเป็นการส่วนพระองค์โดยปราศจากกำลังอารักขา และบางหมู่บ้านตำรวจเพิ่งถูกคนร้ายแย่งปืนแล้วยิงตายก่อนเสด็จไปถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ทรงรักราษฎรถึงเพียงนี้ จึงไม่แปลกที่หญิงชราคนหนึ่งของตำบลรือเสาะจะเข้ามาเกาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้องไห้แล้วบอกว่า ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไทยชาวพุทธ จะมารักมุสลิมได้ถึงขนาดนี้
บทความเดียวกันได้เปิดเผยต่อไปอีกว่า ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอเดียวกันนั้น โต๊ะครูได้พาพรรคพวกมายืนรอรับเสด็จแล้วพูดขึ้นว่า " รายอกลับไปเถอะ ประไหมสุหรีกลับไปเถิด ประเดี๋ยวพวกโจรจะลงมาจากเขา และเมื่อเวลาเสด็จกลับ ก็มืดสนิทอย่างน่ากลัว โต๊ะครูกับชาวบ้านก็พากันมาจุดเทียนส่งเสด็จตลอดเส้นทางอันตราย ด้วยความห่วงใยใน "รายอ" และ"ประไหมสุหรี" หรือ พระราชา พระราชินี ของพวกเขาอย่างสุดซึ้ง
ขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ฝ่ายบริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครองโรงเรียนอุตรดิตถ์
ขอให้ทั้งสองพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ฝ่ายบริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครองโรงเรียนอุตรดิตถ์
ทรงมีพระเมตตา ไม่จำกัดเพศและเผ่าพันธ์
ขอทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญ
- แวะมาทักทายค่ะ ท่านอาจารย์
บทความพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่นำมาเผยแพร่ ประทับใจมากค่ะ ขอช่วยนำเสนออย่างต่อเนื่องนะคะ จะรออ่านค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆอ่านแล้วประทับใจมาก
ในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพระเจ้าข้า...
ชาวอุตรดิตถ์ต้องขอขอบคุณท่านอัยการชาวเกาะที่ให้เกียรติแวะมาเยี่ยมครับ