นิทานไอสาป คอลัมน์ คุยความคิด โดย มุกหอม วงษ์เทศ ความปราดเปรื่องที่ฟูมออกมาพร้อมน้ำลายของเหล่านักการเมืองและข้าราชการในแต่ละกระทรวงสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ไม่เคยคิดจะฟังแต่เผอิญได้ยินอย่างข้าพเจ้าเสมอ ยิ่งนึกก็ยิ่งเห็นภาพตามว่า "นิทานอีสป" นั้นไม่ส่งเสริมช่องทางทุจริตและฟันกำไรในเรื่องสื่อการเรียนการสอนสมัยใหม่แล้วจริงๆ โชคดีที่ข้าพเจ้าหมดเวรหมดกรรมไม่ต้องเรียนหนังสือในโรงเรียนแล้ว จึงไม่มี The Fool ที่ไหนมาบังคับให้อ่านหรือเลิกอ่านอะไร ช่วงสัปดาห์แห่งการคิดคะนึงถึงสิงสาราสัตว์ในนิทานที่ผ่านมา ทำให้ข้าพเจ้าคัดนิทานเกี่ยวกับสัตว์ที่โปรดปรานมาได้หลายเรื่องดังนี้ "เรื่อง หมาจิ้งจอกกับกบ" หมาจิ้งจอกพ่วงพีตัวหนึ่ง เมื่อถูกกบเกือบยี่สิบล้านตัวเลือกขึ้นมาเป็นนายแล้ว ก็เลี้ยงดูฝูงหมาจิ้งจอกตะกละตะกลามของมันด้วยการจับกบกินจนอิ่มหนำสำราญ และอธิบายกับพวกกบตัวอื่นๆ ว่า ประชากรกบที่หายไปเรื่อยๆ นั้น ถูกสัตว์ร้ายจับไปกิน บรรดากบที่ยังไม่ถูกจับกินเริ่มไม่พอใจที่หมาจิ้งจอกพาพรรคพวกเครือญาติมาสวาปามกบกันอย่างไม่บันยะบันยัง แต่กลับโกหกตลบตะแลงว่า ไม่ใช่ฝีมือของพวกมัน หมาจิ้งจอกมีความฉลาดในสันดานพอที่จะรู้ว่าบรรดากบกำลังมีความเกลียดชังพวกตนมากขึ้นเรื่อยๆ มันจึงบอกกับพวกกบว่า ต่อไปนี้มันจะหาแมลงมาแจกจ่ายให้พวกกบที่ผ่ายผอมกินกันให้อ้วนท้วนขึ้นทุกตัว โดยที่มันจะไปอาศัยค้างคืนอยู่บริเวณริมสระที่พวกกบอยู่ และเอาแมลงไปยัดใส่ปากกบแต่ละตัวด้วยเขี้ยวและอุ้งตีนของมันเอง เพื่อทำให้พวกกบเชื่อสนิทใจ หมาจิ้งจอกบอกให้กบทุกตัวในปฐพีมาดูการแจกแมลงครั้งนี้ให้เห็นกับตาว่า หมาจิ้งจอกเป็นนายที่ดี มีคุณธรรม และตั้งใจทำให้กบทุกตัวมีแมลงกินเพียงพอจนอ้วนพีขึ้นจริงๆ พอถึงเช้าวันแจกจ่ายแมลง พวกกบทั้งหลายก็มาชุมนุมกันแน่นขนัด หมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แจกแมลงมีพิษใส่ปากกบทั้งหลาย ในที่สุดกบก็ตายจนเกือบหมดสระ กบที่เหลือพากันหนีจากสระมรณะเพื่อไปหาบึงใหม่ เมื่อตัดสินใจลงหลักปักฐานที่บึงใหม่ พวกมันปรึกษาหารือเพื่อเลือกนายใหม่อีกครั้ง และแล้วพวกกบก็ตกลงใจยกให้จระเข้เป็นนายใหม่ของมันสืบต่อไป ครั้นได้รับความไว้วางใจจากกบ จระเข้ที่กำลังหิวโหยก็งาบกินกบทุกตัวจนหมด "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีแต่พวกโง่เท่านั้นที่แสวงหาผู้นำ ส่วนพวกที่โง่ที่สุดจะถวิลหาการถูกปกครอง" "เรื่อง กระต่ายกับเต่า" อยู่มาวันหนึ่ง กระต่ายหัวเราะเยาะเต่าว่าเดินได้เชื่องช้า อืดอาดยืดยาด น่าเวทนาเสียจริง พอเห็นเต่าเอาแต่ฟังเฉยๆ ไม่ตอบว่าอะไร กระต่ายจึงท้าให้เต่าลองวิ่งแข่งกับมันเพื่อจะได้เป็นการฝึกเต่าให้หัดวิ่งให้เร็วขึ้น โดยที่มันจะต่อให้เต่าระยะหนึ่งก่อน เพราะกระต่ายรู้ว่ายังไงเต่าก็ออกตัวได้ช้ากว่ามันมาก เต่าตกลงรับคำท้าที่แฝงน้ำใจไมตรีของกระต่าย เมื่อถึงเวลาแข่งขัน กระต่ายปล่อยให้เต่าค่อยๆ เดินต้วมเตี้ยมๆ ไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่ง พอเห็นเต่าเริ่มมีกำลังใจฮึดสู้ กระต่ายก็วิ่งแซงเต่าทีเดียวถึงเส้นชัย แล้วหันกลับมาหัวเราะเยาะเต่าด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คำมั่นสัญญามักเป็นคำล่อลวง คนได้เปรียบย่อมจะเอาเปรียบอยู่วันยังค่ำ" "เรื่อง ลากับเทวรูป" ลาตัวหนึ่งกำลังลากรถเข็นบรรทุกรูปปั้นมนุษย์ที่ถูกอัญเชิญขึ้นเป็นเทวรูปไปยังวิหาร เมื่อผ่านถนนอันคึกคักจอแจ ฝูงชนต่างก็ค้อมตัวคำนับเทวรูปกันถ้วนทั่ว ลากลับคิดว่าผู้คนกำลังกราบไหว้บูชามันด้วยความเคารพยำเกรง มันจึงรู้สึกหยิ่งผยองลำพองใจ หยุดยืนเฉยๆ ไม่ยอมเดินต่อไปข้างหน้า เมื่อคนขับรถลากเห็นลาหยุดเดินเพื่อให้คนสักการะ เขาจึงจัดแจงสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองกับลา เมื่อเห็นอย่างนั้น ฝูงชนก็ยิ่งห้อมล้อมเข้ามามุงดูคนลากรถแทนลา "ดูสิ ไอ้นั่นมันลงไปลากรถแทนลาโง่!" ฝูงชนตะโกนด้วยความขบขัน "เทวรูปลงโทษมันแน่ๆ เลย!" คำกล่าวนั้นทำให้ฝูงชนยิ่งตื่นตะลึงกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเทวรูปมากขึ้นไปอีก แต่ขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุน ลาก็หนีหายไป "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ลาไม่ใช่สัตว์ที่เขลาที่สุด" "เรื่อง ชาวประมงกับปลาน้อย" ชาวประมงพยายามเหวี่ยงแหทั้งวันแต่ในที่สุดก็จับปลาตัวเล็กได้เพียงตัวเดียว ปลาน้อยวิงวอนขอให้ชาวประมงปล่อยมันไป "ตัวข้าเล็กนิดเดียว จับไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับท่านหรอก ปล่อยข้ากลับลงทะเลเถอะ แล้วรอให้ข้าตัวใหญ่ก่อนสิ ท่านจะได้จับข้าซึ่งตัวโตเต็มที่ จะได้ขายได้กำไรงามๆ ไงล่ะ" ชาวประมงตอบว่า "งั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่เจ้าต้องสัญญาว่าจะกลับมาให้ข้าจับเมื่อโตขึ้น" ปลาน้อยตกลงให้สัตย์ปฏิญาณ ชาวประมงจึงปล่อยปลาน้อยกลับลงทะเลไป หลายเดือนต่อมาปลาน้อยก็เติบโตกลายเป็นปลาใหญ่ มันว่ายกลับมาให้ชาวประมงจับตามที่สัญญา ชาวประมงเห็นปลาน้อยรักษาคำพูดก็ใจอ่อนและรู้สึกซาบซึ้ง ในที่สุดชาวประมงก็ปล่อยปลาน้อยกลับคืนสู่ทะเลให้เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อใดที่ปลาน้อยตัวใหญ่ตัวเดิมบังเอิญว่ายมาติดแหอวนของเขาอีก ชาวประมงก็จะปล่อยปลาน้อยทุกครั้งไป แม้แต่ในวันที่ชาวประมงจับปลาอะไรไม่ได้เลย นอกจากเจ้าปลาน้อยตัวใหญ่ที่ติดร่างแหมาตัวเดียว เขาก็จะไม่ยอมจับมันไปกินหรือขายอีกเลย "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เรื่องแบบนี้มีแต่ในนิทาน" "เรื่อง นักการเมืองกับงูเห่า" วันหนึ่งในฤดูหนาว นักการเมืองเดินไปพบงูเห่าตัวหนึ่งนอนตัวแข็งทื่อด้วยความหนาวเหน็บในพงหญ้า นักการเมืองยืนจ้องมองงูเห่าที่กำลังจะหนาวตาย แล้วนึกถึงนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าที่งูเห่าแว้งกัดชาวนาที่ช่วยชีวิตมันจนตาย นักการเมืองจึงสั่งลูกสมุนติดตามให้ฆ่างูเห่าเสีย "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงทำตามสัญชาตญาณและสันดาน แต่อย่าลงมือเอง" หน้า 20 มติชนรายวัน