" 4 ประเด็นคำถามที่อยากให้ช่วยตอบ "
จากที่ไม่ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับการจัดการความรู้ภาคราชการ
มาประมาณ 3-4 เดือน
หลังจากที่ในแวดวงการพัฒนาระบบราชการในภาพรวมได้มีการชะลอการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลบางประการ
ทำให้หลายคนรู้สึกว่าพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบราชการลดน้อยลงไป
ถึงแม้ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว
แต่ในระดับปฏิบัติการอย่างน้อยก็ได้เห็นความพยายามในการปรับกลยุทธ์และมีนวัตกรรมทางการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในภาคราชการและเข้าใจว่าหลังจากที่กลไกการเปลี่ยนแปลงในแวดวงการพัฒนาระบบราชการมีความชัดเจนขึ้น
น่าจะมีพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น
ในปีงบประมาณ 2549 ในมิติที่ 4 การพัฒนาองค์กร
การเปลี่ยนแปลงของส่วนราชการต่างๆมีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง ทั้ง
3 ประเด็น คือ การบริหารการเปลี่ยนแปลง(การจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงและการนำไปสู่การปฏิบัติ)
การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ(ระบบ ICT )
แต่ในประเด็นสุดท้ายการจัดการความรู้(Knowledge
Management)
ที่เริ่มจากการจัดทำแผนการจัดการความรู้ ฉบับปี 2549
(ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีความแตกต่างจากการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการความรู้ในปี2547อย่างไร)
ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ อยากจะขอคิดดังๆในวันนี้
โดยอยากจะขอตั้งข้อสังเกตดังนี้
1.
ระบบการคิดแบบระบบราชการสามารถขับเคลื่อนการจัดการความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
2.
วัฒนธรรมองค์กรแบบราชการสอดคล้องกับวัฒนธรรมการจัดการความรู้(การแลกเปลี่ยนเรียนรู้)หรือไม่
3. การจัดการความรู้ของส่วนราชการต่างๆ
(ทั้งกรมและจังหวัดรวมถึงส่วนราชการแบบอื่นๆมากกว่า 200
ส่วนราชการ) ควรจะใช้คู่มือการจัดทำแผนการจัดความรู้แบบ Topdown in one Book หรือควรจะเป็นแบบ Taylor Made
4.
การเชื่อมโยงเกี่ยวข้องของทั้ง 3 ประเด็นในมิติที่ 4 (
การจัดการความรู้ การบริหารการเปลี่ยนแปลงตามBlueprint for Change
การพัฒนาระบบ ICT)
จะดำเนินการอย่างไร
ที่จำเป็นต้องขอคิดดังๆวันนี้อีกครั้ง เพราะกำลังรู้สึกว่า
การจัดการความรู้ภาคราชการ V.2549
ที่ทุกส่วนราชการกำลังทำนั้น กำลังจะเป็นKMที่ขาดพลังในการขับเคลื่อน เพราะเหตุผลจาก 4
หัวข้อข้างต้นไม่ว่าจะเป็น
การใช้ระบบการคิดแบบระบบราชการ การมีวัฒนธรรมองค์กรแบบราชการ
การใช้คู่มือการจัดทำแผนการจัดความรู้แบบ Topdown in one Book
และการขาดความเชื่อมโยงของทั้ง 3
ประเด็นในมิติที่ 4
พรสกล ณ
ศรีโต
7/2/2549
ความเห็น
ผมมีความรู้สึกว่าราชการภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน
ถูกบีบแบบ top down อย่างแรง
ข้าราชการทำงานแบบลุกลี้ลุกลน งกๆ เงิ่นๆ เพราะ
ซีอีโอต้องการผลเร็ว
ข้าราชการจึงทำงานแบบให้ได้รายงานผลเชิงปริมาณเป็นหลัก
เกิดการทำงานและรายงานผลงานแบบฉาบฉวย หรือหลอกๆ
รุนแรงขึ้นกว่าเดิม สภาพเช่นนี้ไม่เอื้อต่อการทำ
KM
ไม่ทราบว่าความเข้าใจของผมผิดหรือถูก
วิจารณ์ พานิช
ดีใจจังที่ได้มาอ่านความคิดของอาจารย์อีก
รอตั้งนานอย่าหายไปนานนะคะ อยากให้คนไทยทุกคนคิดออกมาดังๆ
ประเทศจะได้มีการพัฒนาและก้าวต่อไปไม่หยุด
เราจะต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์อีกมากเท่าไหร่
เวลาอีกนานแค่ไหนที่จะเปลี่ยนแปลงระบบราชการที่มีรากแก้วเน่าๆที่ยึดขวานด้ามนี้ไว้อย่างยากที่จะถอนรากถอนโคน
ขอเป็นกำลังใจกับทุกท่านที่พยายามจะแก้ไขปรับปรุงให้รากแก้วนี้เป็นรากที่สมบูรณ์สามารถดูดอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของขวานให้เจริญเติบโตต่อไปชั่วกาลนาน
ข้าราชการเน่า ๆ เก่า ๆๆ (ติดอ่าง )โง่ๆๆ..
เขียนเมื่อ
ความคิดของท่านข้างต้นถูกหมด
ข้าราชการที่มีความตั้งใจจะเปลี่ยนวิธีคิด
วิธีทำงาน ก็มีมาก แต่ขาดการสนับสนุนอย่างยั่งยืน...จริงจัง
จริงใจ มีการสั่งให้ทำ ..โดยคิดว่า
ทุกเรื่องที่สั่ง ข้าราชการทุกคนต้องทำได้..
สภาพแบบนี้เป็นมาตลอด
การสั่งให้ทำ ..ควรมีการออกแบบการสนับสนุนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง
ยั่งยืน ควบคู่มาด้วย..สั่งมาเป็นร้อย
ๆเรื่องในแต่ละเดือน.. เป็นข้าราชการผู้น้อย ความรู้ก็น้อย..
เรื่องใหม่ ๆ ยาก ๆ ทำกันผิดๆ ถูก ๆ
เพราะไม่รู้แก่นที่แท้จริงของงาน เช่น การแก้ปัญหาความยากจน
ไปเรียนรู้เองจากผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูง /ผู้เชี่ยวชาญ ค่าวิชาก็แพงมาก
ๆ (แต่ก็คุ้มค่าถ้าได้ไปฟัง..)การทำงานของข้าๆๆๆๆๆราชการ
บางที่ก็สนองคุณแผ่นดินเกิดไม่ได้ตามที่เบื้องบน และนักวิชาการ
ต้องการ ..อยากเป็นข้าราชการพันธุ์ใหม่ แต่ ไอคิวน้อย...อายุมาก
ใครอยากแนะ(ติเพื่อก่อ) อยากว่าข้าราชการพวกเรา ก็ยอมรับ
ลองมายืนจุดที่พวกเราเป็นอยู่บ้าง แล้วจะรู้ว่ามันแย่กว่าที่ท่านคิด
..สามารถแสดงความคิดได้มากกว่านี้
หมายเหตุ..ขอคารวะนอบน้อม .ภูมิปํญญา
ปราชญ์ชาวบ้านทุกคน
ที่ท่านมีความมานะพยายามสร้างองค์ความรู้จากประสบการณ์ชีวิต..ทำให้ฐานรากหญ้าของสังคมไทยเข้มแข็งพวกเราข้าราชการที่แย่
ๆ..คงต้องไปเรียนรู้จากทุกท่าน
เพราะท่านเก็บค่าลงทะเบียนไม่แพง บางทีก็ให้ความรู้เปล่า ๆ
เป็นวิทยาทาน
..ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้ข้อเสนอแนะ..เราข้าๆๆๆๆๆๆๆๆราชการจะพยายามตามที่ท่านแนะนำ..ฝากถึงน้อง
ๆ ข้าราชการพันธุ์ใหม่ ที่ กพร.กำลัง สร้างด้วย รีบออกมาไวไว
จะได้แสดงฝึมือให้คนยอมรับข้าราชการ.กันเสียที่.พี่เอง
ถ้าไม่มีภาระหนี้สิน และต้องผ่อนบ้านเลี้ยงดูลูกๆ6 คน แถมญาติ
ๆในครอบครัวอีก3.. ก็คงจะลาออก..แต่ไม่แน่นะ ..ที่หน้าบ้านมีตลาดนัด
อาจไปเช่าแผงขายโทรศัพท์มือถือ บัตรเติมเงิน
เพราะขายดีเหลือเกิน..ข้าราชการพันธ์เก่า
ๆอย่างพวกพี่..ออกไปเสียบ้างก็คงทำ
ให้แผ่นดินนี้เป็นเมืองน่าอยู่ พี่อยากให้ประชาชนอยู่ดี กินดี
มีคุณธรรมเทียบเท่าประเทศที่เจริญ...
ความคิดเห็นที่5
เขียนเมื่อ
การเปลี่ยนแปลงระบบราชการให้ได้นั้น
ดิฉันคิดว่าสิ่งแรกที่จะต้องทำคือ
หาระบบหรือวิธีการที่จะทำให้ทุกคนมีความเป็นเจ้าขององค์กรของตน
มีความรัก
ความภาคภูมิใจในองค์กรของตนให้ได้ และที่สำคัญคือต้องทำให้เข้าใจและลึกซึ้งในเป้าหมายว่าทำเพื่อใคร
เพื่ออะไร และพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ตนเองรู้แล้วต่อไปยังผู้ที่รู้น้อยกว่าอย่างจริงจังและจริงใจ
และต้องทำให้ในแต่ละหน่วยย่อยๆขององค์กรมีความเป็นครอบครัวมากที่สุด
ดิฉันคิดถูกหรือผิดวิจารณ์ได้นะคะ ยินดี