วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549
คณะของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีวศึกษาภาคเหนือประกอบด้วย
ผอ.สุบิน แพทย์รัตน์ ผอ.สมศักดิ์ เขียวแสงใส
อ.วิทยา ใจวิถี ได้เดินทางไปวิทยาลัยการอาชีพนครไทย
จ.พิษณุโลก
เพื่อไปสังเกตการณ์และร่วมกับวิทยาลัยฯทำเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เดินทางไปถึงวิทยาลัยฯเวลา 16.00 น. ได้พบกับรองฯผอ.สมศิริ
ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า
วิทยาลัยฯได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์บริบทของชุมชนอำเภอนครไทยพบว่า
อำเภอนครไทยประกอบด้วย 11 ตำบล
145 หมู่บ้าน มีเขตปกครองกว้าง
และบางพื้นที่มีความลำบากในการเดินทาง
ทางอำเภอนครไทยได้ดำเนินการรับจดทะเบียนปัญหาสังคมและความยากจนไว้
มีประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ในทุกตำบล
ทุกหมู่บ้าน
ซึ่งประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือแต่ไม่ได้มาจดทะเบียนความยากจนไว้
เนื่องจากไม่รู้ข่าวสาร ข้อมูล
และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
จากการสำรวจความต้องการของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนครไทย
ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่ามีประชาชนต้องการฝึกอาชีพเสริม
เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว
โดยผลจากการสำรวจศักยภาพของชุมชน และท้องถิ่นของตำบลต่าง ๆ
ประชาชนจะประกอบอาชีพทางการเกษตรเป็นหลักโดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และบางส่วนมีอาชีพที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การทอผ้า
การจักสาน การแปรรูปผลผลิตของการเกษตร
การเพาะเห็ด เป็นต้น
ทีมงานจึงได้ปรึกษากับผู้นำท้องถิ่น อบต. กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านถึงการแก้ปัญหาความยากจนฯ
จากการแลกเปลี่ยนพูดคุยและศึกษาข้อมูลพบว่าอาชีพเดิมของคนในพื้นที่คือการปลูกข้าวโพดได้รับการส่งเสริมการปลูก
การลดต้นทุนต่างๆชาวบ้านมีความชำนาญอยู่แล้ว
ชาวบ้านต้องการอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้
อาชีพเสริมหรืออาชีพหลักที่น่าสนใจคือการเพาะเห็ด
ชาวบ้านในอำเภอนครไทยนิยมบริโภคเห็ดโดยเฉพาะเห็ดนางฟ้า
และเห็ดขอนขาว คนที่เพาะอยู่แล้วเพาะขายไม่ทัน
มีคนมารับซื้อ
คนที่เพาะเห็ดขายมีไม่ถึงสองเปอร์เซ็นของประชากรทั้งหมด
สรุปว่าตลาดสดใสรวมทั้งสามารถแปรรูปเป็นเห็ดหยอง แหนมเห็ดได้ด้วย
ทางคณะได้ลองชิมแล้วอร่อยมากทำให้มองเห็นทางโอทอปของอำเภอนครไทยค่อนข้างชัดเจน
จากข้อมูลการสำรวจอย่างเป็นทางการของวิทยาลัย ฯ
ได้ข้อมูลกลุ่มชุมชน ตำบลบ้านพร้าว ตำบลหนองกะท้าว
และตำบลเนินเพิ่ม ได้จัดตั้งกลุ่มผู้เพาะปลูกเห็ดนางฟ้า
เห็ดขอนขาว และเห็ดบด
โดยกลุ่มประชาชนเหล่านี้ยังต้องการให้หน่วยราชการเข้ามาช่วยเหลือทั้งในด้านความรู้ทางวิชาการ
การเพาะปลูกเห็ดและการส่งเสริมสนับสนุนเครื่องมือต่าง ๆ
อีกเป็นจำนวนมาก วิทยาลัย ฯ
พิจารณาแล้วเห็นว่าการให้ความรู้ในเรื่องการเพาะปลูกเห็ดจะช่วยให้โครงการพัฒนาอาชีพแบบบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
จะบังเกิดผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง วิทยาลัยการอาชีพนครไทยโดย
ผอ.สุวัฒน์ชัย ศรีสุพัฒนะกุล
ได้ออกคำสั่งจัดตั้งทีมจัดการความรู้เพาะเห็ดนางฟ้าและเห็ดขอนขาวกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นประชาชนในอำเภอนครไทย
ในสาม อบต.
ทีมงานของวิทยาลัยฯได้สำรวจกลุ่มเป้าหมายโดยวิธีการเคาะประตูบ้าน
รองฯผอ.สมศิริ ท่านเรียกว่า Knock Door
และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ
จากการคัดกรองแล้วได้จำนวน 58 คน
ในจำนวนนี้ทีมงานของวิทยาลัยฯได้สำรวจข้อมูลอย่างละเอียด
โชคดีคือมีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จบมหาวิทยาลัยเกษตรแม่โจ้
เคยทำงานอยู่ในหน่วยราชการแห่งหนึ่งแล้วไม่ชอบวิธีการจึงออกมาทำเกษตรด้วยตนเอง
วิทยาลัยฯได้พาแกนนำกลุ่มไปศึกษาดูงานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาพิษณุโลก(บ้านกร่าง)มาแล้ว
ทีมฯได้วิเคราะห์ปัจจัยของการเพาะเห็ดร่วมกับแกนนำและภูมิปัญญาท้องถิ่น
ว่าปัจจัยมี 1.โรงเพาะเห็ด 2.การทำหัวเชื้อเห็ด
3.การทำก้อนเชื้อเห็ด 4.การดูแลและการป้องกันโรครา 5.การเก็บดอกเห็ด
และ6.การตลาด
คณะของศูนย์ส่งเสริมจึงได้ร่วมกันวางแผนการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยมีรองฯผอ.สมศิริ
เป็นคุณอำนวย มีคนคอยจดประเด็นความรู้หรือคุณลิขิต
ใช้กระดาษฟลิบชาร์ต มีการบันทึกเทป และวีดิทัศน์
กำหนดว่าจะดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใน 6 ประเด็น
โดยในตอนแรกนัดกันว่าจะนำเสนอกรณีศึกษาของบ้านอินแปงที่จังหวัดสกลนครก่อน
เย็นวันนั้นคณะของศูนย์ส่งเสริมฯได้ขึ้นไปพักบนที่พักของอุทธยานภูหินร่องกล้า
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549
วิทยาลัยฯมาติดตั้งเครื่องเสียง ติดตั้งโทรทัศน์
เครื่องบันทึกเทป จัดสถานที่พร้อมมาก ประมาณ 09.00
น.กลุ่มเป้าหมายเริ่มมาลงทะเบียน เราเริ่มเวทีกันที่ 09.30
น. ผู้รับบทบาทคุณอำนวยงานนี้คือรองฯผอ.สมศิริ
ครูและนักศึกษาเป็นคุณลิขิตคอยจดประเด็นบนฟลิบชาร์ตด้านหน้า
อันหนึ่งสรุปประเด็นความรู้
อีกอันหนึ่งสรุปคำพูดและชื่อคนพูดให้เห็นด้านหน้าชัดเจน
และยังมีทีมที่จดบันทึกนั่งอยู่ด้านหลังด้วย
ทีมงานของศูนย์ส่งเสริมคือ ผอ.สุบิน
อยู่ด้านหน้าคอยเสริมและชักนำให้ชาวบ้านพูด อ.วิทยา
และผอ.สมศักดิ์สังเกตุการณ์อยู่ด้านหลังหลังจากเกริ่นนำและแนะนำทีมงานเรียบร้อยแล้วก็เข้าประเด็นโดยให้กลุ่มเป้าหมายพูดถึงโรงเพาะเห็ดที่มีคนทำมาแล้วและปัญหาที่เกิดขึ้น
ซึ่งส่วนมากใช้หญ้าคามาทำเป็นผนังด้านข้างและหลังคา ปัญหาคือเชื้อรา
หลังจากพูดปัญหาได้ 4-5 คน
คุณอำนวยก็ให้คนที่มีประสบการณ์มาแสดงความคิดเห็นว่าโรงเพาะเห็ดควรจะมีลักษณะอย่างไร
ที่ทำแล้วเป็นเชื้อราจะแก้ไขอย่างไร
ระหว่างนี้คุณอำนวยมีบทบาทมากในการที่จะดึงความรู้ที่เป็น Tacit
Knowledge ออกมาและสรุปให้เข้าประเด็นซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก
สุดท้ายก็ให้คุณเอกพงษ์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มาสรุปว่าโรงเรือนควรจะมีขนาด
4x8 หลังคามุงวัสดุกันฝนด้านข้างใช้สเลน
ควรใช้เสาปูนและพื้นเทปูนเพื่อกันเชื้อรา
ต้องรักษาความสะอาดและมีเทคนิคที่กันเชื้อราและฆ่าเชื้อราที่ไม่มีในตำราแต่ไม่เกิดสารพิษตกค้าง
ผอ.สุบินเสริมว่าควรให้วิทยาลัยฯกับคุณเอกพงษ์ทำแบบโรงเพาะเห็ดราคาถูกเพื่อให้วิทยาลัยรับสร้างและปรับปรุงให้ชาวบ้านจะดีกว่าและทำหลายหลังก็ราคาถูกนักศึกษาได้ทำงานมีรายได้
คุณเอกพงษ์ว่าราคาน่าจะอยู่ประมาณ 9,000 บาท
รายละเอียดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีมากต้องติดตามจากเอกสารที่วิทยาลัยการอาชีพนครไทยจะสังเคราะห์เป็น
Explicit Knowledge
สุดท้ายพูดถึงการรวมกลุ่มกันของกลุ่มเป้าหมายเพื่อจัดทำหลักสูตรให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
เพราะเป็นไปไม่ที่ชาวบ้านทุกคนหรือส่วนมากจะทำเป็นทุกขั้นตอนของการเพาะเห็ด
จะเป็นไปตามศักยภาพของตน อย่างคุณเอกพงษ์ก็ทำเป็นหมด
แต่กลุ่มหนึ่งตอนนี้ต้องการความรู้เรื่องการเพาะในโรงเพาะการดูแลรักษาการให้น้ำการเก็บเรียกว่ากลุ่มผลิตซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มนี้
กลุ่มทำเชื้อเห็ดต้องมีทักษะมีอุปกรณ์เครื่องมือ
กลุ่มทำก้อนเห็ดก็ต้องมีทักษะเฉพาะหรือจะใช้เครื่องก็ให้วิทยาลัยเทคนิคหรือวิทยาลัยการอาชีพสร้างขึ้น
กลุ่มขายก็ต้องเก่งเรื่องขายเห็ดสดกับเห็ดแปรรูปให้ได้ราคาดี
กลุ่มแปรรูปต้องสามารถแปรรูปเห็ดในรูปแบบที่สามารถขายได้ที่เห็นคือเห็ดหยองกับแหนมเห็ด
ไม่ควรนำชาวบ้านทุกคนไปอบรมทำให้เป็นทั้งหมดซึ่งเป็นไปไม่ได้
ซึ่งเมื่อระยะเวลาผ่านไปกลุ่มเป้าหมายมีความชำนาญขึ้นกลุ่มผลิตบางคนก็อาจจะไปทำแปรรูปด้วยหรือไปทำก้อนเห็ดด้วย
คือบริหารเวลากลุ่มเป้าหมายให้มีเวลาทำผลผลิตได้ตามศักยภาพของตน
วันนี้ยังไม่ลงตัวเรื่องใครจะอยู่กลุ่มใหนหรือคนเดียวอาจอยู่หลายกลุ่ม
คุณอำนวยก็ให้ชาวบ้านกลับไปหารือนอกรอบกันก่อนแต่วันเสาร์ที่ 11
กุมภาพันธ์ 49 นัดกันว่าจะพากลุ่มเป้าหมายไปศึกษาดูงานและปฏิบัติ ณ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาพิษณุโลก
และโรงเพาะเห็ดของชาวบ้าน
สิ่งที่ได้จากการทำเวทีชาวบ้านบางทีบางท่านอาจมองว่าเสียเวลาก็พาไปอบรมเสียก็หมดเรื่อง
แต่สิ่งที่ชาวบ้านพูดออกมานั้นมันไม่มีในตำรา
ตำราเขียนอย่างหนึ่งแต่เวลาทำถ้าทำอย่างตำราเสียเงินลงทุนมาก
เสียเวลามาก
และที่ได้คือความเข้าอกเข้าใจมีการปรับเปลี่ยนความคิด
ชาวบ้านที่มีประสบการณ์จะมีเทคนิคที่ง่ายๆอย่างเรื่องการฆ่าเชื้อรา
การควบคุมอุณหภูมิเป็นต้น คณะของศูนย์ส่งเสริมกลับกันเย็นวันที่
4 ก.พ.49
แต่ทีมงานของวิทยาลัยการอาชีพนครไทยยังต้องทำงานอย่างสาหัสกันต่อไป
โครงการ
เพาะเห็ดนางฟ้า และเห็ดขอนขาว
ผู้รับผิดชอบ
วิทยาลัยการอาชีพนครไทย อาชีวศึกษาจังหวัดพิษณุโลก
ข้อมูลจำเพาะ
อำเภอนครไทยประกอบด้วย 11 ตำบล 145
หมู่บ้าน
1. การเพาะเห็ดนางฟ้า และเห็ดขอนขาวเป็นอาชีพหลัก
และอาชีพเสริมของประชาชนในเขตอำเภอนครไทย
2.
ความต้องการในการบริโภคเห็ดในเขตอำเภอนครไทยมีจำนวนมากการเพาะปลูกไม่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน
3. ประชาชนที่เพาะปลูกเห็ดนางฟ้า และเห็ดขอนขาว
เป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม มีไม่เกินร้อยละ 5
ของประชาชนทั้งหมด (ข้อมูลจากสุ่มตัวอย่างในการสำรวจ 4
ตำบล 21 หมู่บ้าน)
4. ประชาชนต้องการพัฒนาอาชีพเพาะปลูกเห็ดนางฟ้าและเห็ดขอนขาว
โดยต้องการจัดการความรู้เกี่ยวกับ
4.1 การสร้างโรงเรือนที่เหมาะสมกับชนิดและประเภทของเห็ด
4.2 การทำหัวเชื้อเห็ด
4.3 การทำก้อนเชื้อเห็ด
4.4 การดูแลเพาะเลี้ยงเห็ด และการป้องกันโรคราและแมลง
4.5 การเก็บดอกเห็ด
4.6 การตลาด
4.7 การแปรรูปเห็ด
กระบวนการในการดำเนินโครงการ ฯ ระดับพื้นที่โดยใช้ KM
แผนการปฏิบัติงาน (ธ.ค. 2548 – 31 มี.ค. 2549) |
ผลการปฏิบัติงาน (ธ.ค. 2548 – 31 มี.ค.2549) |
1. ประชุมสร้างความเข้าใจให้กับครู
และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ ฯ ด้วยกระบวนการ KM 2. จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงานระดับสถานศึกษาและ อศจ. 3. สำรวจชุมชน กลุ่มเป้าหมาย ในพื้นที่เป้าหมาย (4 ตำบล 15 หมู่บ้าน) 4. ประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อวิทยุและหนังสือราชการแก่ประชาชนเป้าหมายก่อนเริ่มโครงการ |
1.
ครูและบุคลากรผู้เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. คณะกรรมการดำเนินงานและคณะกรรมการวิจัยและติดตามผล 3. ได้ประชาชน 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน รวม 55 คน 4. ประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการอีกเป็นจำนวนมาก (แต่ยังไม่สามารถรับเข้าโครงการได้ด้วยเงื่อนไข จำนวนคนและงบประมาณ) |
แผนการปฏิบัติงาน (ธ.ค. 2548 – 31 มี.ค. 2549) |
ผลการปฏิบัติงาน (ธ.ค. 2548 – 31 มี.ค.2549) |
5.
ลงทะเบียนประชาชนเข้าร่วมโครงการและนำเสนอแผนปฏิบัติการส่ง อศจ. 6. จัดประชุมชี้แจงโครงการ ฯ แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายโดย อศจ. 7. ศึกษาบริบท สภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนกลุ่มเป้าหมายเพื่อพัฒนาอาชีพเดิมและสร้างอาชีพใหม่ 8. สร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วน 9. จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้อาชีพเพาะเห็ดนางฟ้าและ เห็ดขอนขาว 10. นำประชาชนกลุ่มเป้าหมายไปเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงจากนักวิชาการ และชาวบ้านที่เป็นผู้รู้และผู้ประสบความสำเร็จ 11. ให้ความรู้เพื่อพัฒนาอาชีพทั้งด้านการเพาะปลูกด้านการตลาด และการจัดการ 12. จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถนนอาชีพเพื่อสร้างเครือข่ายในการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน 13. รายงานผลการดำเนินงานและความก้าวหน้าของโครงการตามลำดับขั้นต่อไป |
5. นำเสนอโครงการและแผนปฏิบัติงานต่อ
อศจ. 6. ประชาชนเข้าประชุม 38 คน (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม แกนนำอาชีพ) 7. จัดทำ Profile ข้อมูลประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคลและกลุ่มตำบลและหมู่บ้าน 8. มีภาคีเครือข่ายประกอบด้วย นายอำเภอ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พัฒนาชุมชน นักวิชาการ และชาวบ้าน ผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพเพาะปลูกเห็ด 9. เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6 ปัจจัยองค์ประกอบ 1. โรงเพาะเห็ด 2. หัวเชื้อเห็ด 3 . ก้อนเชื้อเห็ด 4. การดูแลเห็ดและป้องกันโรครา 5. การเก็บดอกเห็ด 6. การตลาด 10. ศึกษาดูงานและเรียนรู้ปฏิบัติจริง ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก และโรงเพาะเห็ดของชาวบ้านที่ประสบความสำเร็จ 11. เชิญนักวิชาการ และชาวบ้านที่ประสบความสำเร็จมาฝึกอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน 12. อศจ.พิษณุโลก และ อศจ.เพชรบูรณ์ 13. Web Block |