คิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ - เว็บสำเร็จรูป


คิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ - เว็บสำเร็จรูป

          ความจริงการเปิดร้านค้าออนไลน์เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมใดๆ ไม่จำเป็นต้องรู้จักว่าคำว่า FTP มันจะ Upload Download อะไร ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือ PHP, ASP, JSP หรือ .Net อะไรคือคำสั่ง Select Table ขอเพียงแค่คุณใช้ Microsoft Word เป็น และใช้ ACD See ได้เท่านั้นก็พอ

          ในปัจจุบันการให้บริการเว็บ E-Commerce แบบพร้อมใช้เกิดขึ้นมาก โดยในุยคเริ่มแรกของเว็บสำเร็จรูปมีผู้ให้บริการอยู่ไม่กี่ราย หนึ่งในนั้นคือ www.ReadyPlanet.com ซึ่งเป็นผู้นำในยุคแรกๆ สำหรับคนที่อยากมีเว็บไซด์เป็นของตัวเองแต่ไม่รู้ว่าจะสร้างเว็บอย่างไร ในยุคนั้น ReadyPlanet คือคำตอบ จ่ายเงินไปได้เว็บมา เพียงข้ามคืนเราก็จะได้เว็บไซด์เป็นของตัวเองโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย!!! และหลังจากที่ ReadyPlanet ประสบความสำเร็จก็มีผู้ให้บริการเว็บไซด์สำเร็จรูปอีกหลายรายเกิดขึ้นตามมาอีกมาก เช่น Tarad.com และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเพียงเราค้นหาคำว่า “e-commerce สำเร็จรูป” ใน Google เราก็จะได้รายชื่อของผู้ให้บริการเว็บสำเร็จรูปขึ้นมานับสิบนับร้อยแห่ง ทั้งเลือกรูปแบบเองได้ (Theme) หรือเลือกได้เฉพาะที่มีมาให้แล้วบางส่วน หรือเลือกอะไรไม่ได้เลย (หน้าตาเหมือนกันทั้งหมด ต่างกันแค่สีสันและโลโก้) ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะเลือก Theme ได้หรือไม่ได้นั้น

          ความน่าสนใจของเว็บที่แท้จริงก็ไม่ได้อยู่ที่หน้าตาและรูปแบบ แต่ความสำคัญจะอยู่ที่ Content มากกว่า ที่จะเป็นตัวชี้วัดความน่าสนใจของเว็บไซด์นั้นๆ ซึ่งที่ผ่านมาถึงแม้ว่าหน้าตาของเว็บจะดูดีสวยงามบาดตาขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีเนื้อหาน่าสนใจ ท้ายที่สุดก็ไม่มีคนเข้ามาดูอยู่ดี
เคยมีกูรูด้านอินเทอร์เน็ตหลายๆ ท่านได้กล่าวไว้เป็นข้อๆ ไว้ว่าสิ่งที่จะทำให้เว็บไซด์ประสบความสำเร็จนั้นต้องประกอบไปด้วย มีการปรับปรุงเนื้อหาเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของผู้เข้าชมเว็บไซต์ตลอดเวลา สร้างความแตกต่างในรูปแบบและเนื้อหาเมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้ถือว่าเป็น Key Success Factor ของเว็บไซด์ทุกชนิดและทุกสัญชาติ แต่สำหรับเว็บไซด์แบบ E-Commerce นั้น ต้องมีสิ่งที่พิเศษเหนือไปกว่าคือเราต้องมีเครื่องมือค้นหา มี Search Engine ที่ใช้งานง่าย เพราะใครจะไปจำได้ว่าสินค้าที่จะซื้อนั้นอยู่ในหมวดหมู่ไหน เป็น Sub Set ของรายการใด ยิ่งถ้าร้านค้ามีสินค้ามากเป็นร้อยๆ รายการแล้ว การไม่แบ่งหมวดหมู่ให้ผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้าได้ง่ายๆ เป็นเรื่องที่ทุกข์ระทมยิ่งนัก

          ส่วนเรื่องของแค็ตตาล็อกและรูปแบบการชำระเงินก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของเว็บไซด์แบบ E-Commerce โดยไม่มีผู้ซื้อคนใดที่ไม่ต้องการเปรียบเทียบสินค้าและ Need more information โดยถ้าร้านค้าสามารถบริการผู้ซื้อได้มากเท่าไหร่จะยิ่งมัดใจผู้ซื้อได้มากเท่านั้น และส่วนสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับการค้าขายทุกประเภทคือการชำระเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซด์แบบ E-Commerce ด้วยแล้ว ที่เราจำเป็นจะต้องจัดช่องทางการชำระเงินให้กับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งอย่างที่กล่าวไปในฉบับที่แล้วว่าการชำระเงินสามารถทำได้ทั้งแบบ Online และ Off line คือผ่านบัตรเครดิต การโอนเงินผ่าน ATM การนัดเจอแล้วชำระ หรือเก็บเงินปลายทาง ซึ่งเอาเป็นว่าสะดวกแบบไหนก็เลือกแบบนั้น แต่สำหรับการชำระแบบผ่านบัตรเครดิต ถ้าระบบไม่ชัวร์จริงๆ ก็ข้ามไปก่อนก็ไม่เสียหาย เพราะจะหลายเป็นเสียเครดิตมากกว่าได้เครดิต

          เห็นที E-Commerce จะไม่จบ พบกันใหม่ฉบับหน้าเรื่องการโปรโมทเว็บไซด์ทำอย่างไรถึงจะฮิต..สวัสดีครับ


ตอนที่ 1 คิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ / E-Commerce http://gotoknow.org/blog/xxl/145265

ตอนที่ 3 คิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ - โปรโมทเว็บไซต์ http://gotoknow.org/blog/xxl/150558

ไปเรื่องอื่นๆ http://gotoknow.org/blog/xxl/toc

 

คำสำคัญ (Tags): #e-commerce#computer#ค้าขาย
หมายเลขบันทึก: 145269เขียนเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2007 16:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท