เรียนรู้เรื่อง COI
COI คือ
Conflict of Interest
(ผลประโยชน์ทับซ้อน)
ผมได้เรียนรู้มากจากการนำเสนอผลงานวิจัยเรื่องนี้โดย
คุณปาริชาต
ศิวะรักษ์ และ ดร. ศุภมิตร
ปิติพัฒน์ ที่ สสส. เมื่อวันที่ 31 ม.ค.49
คุ้มกับที่ผมยอมรับนัดตอนเย็น 17.00 - 20.00 น.
ทำให้ผมต้องนอนดึก (เลย 21.00 น.)
ยิ่งได้ฟังคำอภิปรายแลกเปลี่ยนของ "ผู้รู้" ทั้งหลาย
ผมยิ่งได้เรียนรู้มาก แต่จะสรุปเฉพาะประเด็นสำคัญย่อ
ๆ
- "ผลประโยชน์ทับซ้อน" กับ "มีส่วนได้ส่วนเสีย" แตกต่างกัน
- มอง COI เป็น risk หรือ liability (มองด้านลบ) ก็ได้
มองเป็นโอกาสที่จะพัฒนาระบบธรรมาภิบาลขององค์กรและของสังคม
(มองเชิงบวก) ก็ได้
- ระบบการจัดการ COI แบบอังกฤษเน้นความยืดหยุ่น
ระบบอเมริกันเน้นความชัดเจน
เพราะในอเมริกามีการจ้องแหกจรรยาบรรณอยู่ตลอดเวลา
มีคนอภิปรายว่าสภาพสังคมเมืองไทยคล้ายอเมริกา
จึงน่าจะใช้ระบบจัดการ COI แนวอเมริกา
- COI มี 3 แบบ
- เกิดขึ้นจริง (Real COI)
- มีโอกาสที่จะเกิด (Potential COI)
- คนอื่นมองว่าเกิด (Apparent COI)
- ในทุกองค์กรมี Potential
COI ทั้งสิ้น เช่น สสส. มี รมต.
สาธารณสุขเป็นรองประธานคนที่ 1 เป็น Potential COI
และถ้าในการประชุมที่มีการตัดสินโครงการที่ สสส.
ลงทุนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข รมต.
สาธารณสุขอภิปรายชักจูงไปในทางที่ให้ประโยชน์แก่กระทรวงสาธารณสุขและทำให้ผลงาน/เป้าประสงค์ของ
สสส. ถูกลดทอนหรือเบี่ยงเบนไป ก็เกิด Real COI
- COI เป็นเรื่อง "คลุมเครือ" ดังนั้นยุทธศาสตร์การจัดการ
COI คือ ทำให้ชัดเจนขึ้น
มีการจดบันทึก
มี "ฝ่ายเป็นกลาง"
มาช่วยดูแลอย่างเป็นระบบ
- ทีมวิจัยเสนอหลักการดำเนินการ 3 ประเด็น
ซึ่งผมชอบมาก
(1) นิยาม COI ในทางปฏิบัติ : อะไรคือ COI
ที่ต้องห้าม, อะไรเป็น COI ที่บริหารจัดการได้,
อะไรไม่ใช่ COI
(2) สร้างความชัดเจนในการจัดการ COI
และระบบสนับสนุน
(3) สร้างความยืดหยุ่นในการจัดการ COI
- ระบบจัดการ COI คือส่วนย่อยของระบบการจัดการธรรมาภิบาล (Good
Governance) ขององค์กร
- ผมมีความเห็นในเชิงฐานคิดเพื่อการปฏิบัติ ดังนี้
(1) เดินสายกลาง มองการจัดการ
COI เป็นเครื่องมือสร้างความเข้มแข็งให้แก่ สสส.
ให้เป็นองค์กรที่สังคมเชื่อถือ
(2) พัฒนาระบบ COI และจัดระบบ COI ของ สสส.
ที่มีความยืดหยุ่น ความพอดี ไม่ over do
ถือเป็นงานพัฒนาระบบ COI ขึ้นใช้เอง
และให้แก่สังคมไทย หลักการสำคัญคือ
ไม่มุ่งสร้างกฎเกณฑ์กติกาให้สมบูรณ์ตั้งแต่ต้น
ใช้หลักเริ่มเล็ก ๆ แล้วปฏิบัติ
และเรียนรู้ร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายแล้วนำมาพัฒนาระบบ
เป็นวัฏจักรเรื่อยไป วิธีดังกล่าวเรียกว่า "การจัดการความรู้ ด้าน
COI"
(3) ใช้หลักโปร่งใส (ได้แก่ define,
declare และ decide) และใช้ KM ในการจัดการและพัฒนาระบบ
วิจารณ์ พานิช
1 ก.พ.49
ที่ศิริราชก็มีสโลแกนค่ะ ..คม..ชัด..ลึก..ทำ CQI แบบเรียบง่าย..ตั้งเป้า...เฝ้าดู..ปรับเปลี่ยน..หมุนวงล้อแบบรวดเร็วและหมุนหลายวงพร้อมๆกันค่ะ