ช่วงรอยต่อระหว่างประถมศึกษาและมัธยมศึกษา


เหตุการณ์หลังจากเรียนจบที่กุตตาบและโรงเรียนประถมศึกษา

หลังจากเรียนจบประถมศึกษา และท่องจำอัลกุรอานแล้วก่อนหน้านั้นที่กุตตาบ เป็นช่วงเวลาแห่งการแสวงหา

ใจของข้าพเจ้าครุ่นคิดเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีสิ่งใดมาแทนที่ได้  นั่นคือการเรียนต่อที่โรงเรียนศาสนาแห่งตอนตอ  เพื่อจะได้เป็นหนึ่งในจำนวนนักเรียนอัซฮัร แม้ว่าความปรารถนานี้เป็นสิ่งถูกต้องเหมาะสม แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย มีอุปสรรคขวากหนามนานา

โดยทั่วไปบัณฑิตจากอัซฮัรในยุคนั้น ขาดโอกาสในการทำงานเลี้ยงชีพ  หลังจากจบการศึกษาสาขาวิชาชะรีอะฮฺ  อุศูลุดดีน  หรือภาษาอาหรับ และได้รับปรัญญาตรีและนักศึกษาสาขาวิชาชะรีอะฮฺ  ก็อาจเรียนวิชาเฉพาะด้านตุลาการ  นักศึกษาสาขาอุศูลุดดีน เรียนวิชาเฉพาะด้านดะวะฮฺ    และนักศึกษาทั้งสามสาขาวิชา  อาจเรียนวิชาเฉพาะด้านการสอน  โดยที่นักศึกษาต้องใช้เวลาทั้งหมด 15 ปีติดต่อกัน   ไม่นับระยะเวลาท่องจำอัลกุรอานในช่วงแรก แล้วกลับบ้านไปเพื่อตกงาน

เนื่องจากในยุคนั้นตำแหน่งการงานสำหรับนักวิชาการอัซฮัร

มีอยู่อย่างจำกัดอย่างยิ่ง  คืออาจได้รับการบรรจุเป็นครูในโรงเรียนสอนศาสนาของอัซฮัร ซึ่งทำให้มีรายได้ที่เพียงพอ แม้ว่านักศึกษาอัซฮัรจะร้องทุกข์ถึงความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ เพราะว่าพวกเขาได้รับเงินเดือน  3  ปอนด์ ในขณะที่ครูที่จบจากโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นต้น ที่สอนในโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐได้รับเงินเดือน 4 ปอนด์

หรืออาจบรรจุเป็นอิหม่ามและเคาะฎีบในมัสยิดของกระทรวงเอากอฟ(กระทรวงศาสนสมบัติ) แต่ว่ามัสยิดของกระทรวงมีจำนวนน้อยมาก  ในตำบลของเรามีมัสยิดอยู่ 5 มัสยิด  และไม่เป็นมัสยิดของกระทรวงแม้แต่มัสยิดเดียว

หรืออาจบรรจุเป็นวาอิซ(ผู้เผยแผ่ศาสนา)ของอัซฮัร แต่ว่าตำแหน่งนี้ทั้งประเทศมีจำนวนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าบัณฑิตอัซฮัรจึงต้องเตะฝุ่น ประหนึ่งเป็นพืชที่ไม่ออกผล  และเป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ในตำบลของเราเองมีบัณฑิตอัซฮัร เช่นนี้หลายคน เช่น ชัยค์อับดุลมุตตอลิบ  อัลบัตตะฮฺ ซึ่งต่อมาไม่นานก็ได้รับการบรรจุเป็นครูในโรงเรียนของอัซฮัร เพราะท่านเป็นที่หนึ่งในรุ่น  ชัยค์อับดุลมุตตอลิบ  ฆอนิม ชัยค์สุลัยมาน  ฆอนิมผู้เป็นญาติ

นี่คือภาพลักษณ์ของบัณฑิตอัซฮัร  ขณะที่ข้าพเจ้าเรียนมีอายุได้  12  ปี และจบชั้นประถมศึกษาและจบอัลกุรอาน

ภาพลักษณ์อันสิ้นหวังเหล่านี้ทำให้ลุง ( ขอให้อัลลอฮฺเมตตาท่าน )ไม่สนับสนุนให้ข้าพเจ้าเข้าเรียนที่อัซฮัร ท่านกล่าวว่า “อัซฮัรนั้นเส้นทางยาว แต่มีปลายทางเหมือนที่เราเห็นนี่แหละ”

ลุงคิดหาเส้นทางที่สั้นกว่า ประกอบอาชีพได้รวดเร็วกว่า ท่านกล่าวว่า “ เราอาจเปิดร้านที่ปากซอยให้เธอขายผักและของเล็กๆน้อยๆ เริ่มจากเล็กๆแล้วค่อยๆโต เหมือนคนนั้น คนนี้ หรืออาจประกอบอาชีพที่ไม่สกปรก เช่น  อาชีพตัดเย็บ  ที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากไปกว่าเครื่องจักรเย็บผ้า ที่สามารถบริหารงานได้ไม่ยาก หรือเธออาจเรียนลูกคิด  และทำงานเป็นเสมียนในองค์กรการเกษตร หรือห้างร้านใหญ่ๆ ในเมืองมะหัลละฮฺ หรือที่อื่นๆ  ซึ่งเธอจะได้เงินเดือนที่เหมาะสมและเป็นงานที่มีเกียรติ

ข้อเสนอเหล่านั้นทั้งหมดล้วนไม่ถูกใจข้าพเจ้า ไม่เข้ากับธรรมชาติและความคาดหวังของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้ายังคงเฝ้ารอการชี้ทางจากอัลลอฮฺ และไม่เริ่มทำอะไรแต่อย่างใดทั้งสิ้น  นอกจากไปไร่กับลุงและลูกๆ  ข้าพเจ้าไม่ชอบอาชีพเกษตร พวกเขาจึงถือว่า ข้าพเจ้าเป็นเกษตรกรที่ไม่ได้การ หรืออย่างน้อยก็ไม่มีหัวด้านนี้เหมือนลูกเกษตรกรเพื่อน บ้านของเรา

ข้าพเจ้าเคยทำงานเก็บตัวหนอนในสมอฝ้าย และการเก็บสมอฝ้าย ซึ่งเป็นงานหนัก  เพราะเป็นการทำงานท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงๆ

วัยรุ่นบ้านไกล้เรือนเคียงบางคนชักชวนข้าพเจ้าไป รับจ้างเก็บสมอฝ้าย ข้าพเจ้าจำได้ว่ามีค่าจ้างวันละ 2  เปียส เดือนหนึ่งก็ได้ 60 เปียส   ซึ่งเป็นค่าจ้างที่มีค่ามากในสายตาคนยุคนั้น ข้าพเจ้าจึงตอบรับ  แต่ว่าไม่สามารถอดทนต่องานหนักนี้ได้มากไปกว่าสามวัน  ก็เลยหยุด ความจริงทุกคนล้วนมีความเหมาะสมกับสิ่งใดๆตามอุปนิสัยที่ถูกสร้างมา  อัลลอฮฺคงไม่ได้สร้างข้าพเจ้ามาเพื่อการดังกล่าว

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นช่วงนี้ หากว่าสำเร็จผล เส้นทางชีวิตของข้าพเจ้าคงจะเปลี่ยนไป

ขณะนั้น บริษัทการทอผ้าแห่งอียิปต์  เพิ่งตั้งบริษัทในเมืองมะหัลละฮฺกุบรอไกล้ๆกับเรา ได้เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มๆในตำบลเราและตำบลไกล้เคียงจำนวนมาก ไปทำงานที่นั่นโดยการปั่นจักรยานไปกลับในตอนเช้าเย็น

ในจำนวนคนเหล่านั้นมีอับดุลหัย มุรอด ลูกของคุณอา เขาและคุณแม่เฝ้าคะยั้นคะยอให้ข้าพเจ้าไปยังมะหัลละฮฺ ในวันคัดเลือกคนงานใหม่ ซึ่งปกติแล้วจะมีจำนวนมาก  หลังจากที่ลูกของคุณอาเฝ้าคะยั้นคะยอมากๆเข้า ข้าพเจ้าจึงไปอย่างไม่เต็มใจและกลัวว่าจะได้รับการคัดเลือก ข้าพเจ้าหวังอย่างยิ่งว่าคงจะไม่ได้รับการคัดเลือก  และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ  ข้าพเจ้าขอบคุณต่ออัลลอฮฺ ที่ข้าพเจ้าไม่ถูกคัดเลือก ลูกของคุณอาตำหนิข้าพเจ้าว่าทำเหตุไม่ให้ถูกคัดเลือก ทั้งๆที่ความจริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรเลย

ขณะนั้นข้าพเจ้ามีอายุได้ 12  ปี  ข้าพเจ้าอยู่อย่างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  ได้แต่มอบหมายต่ออัลลอฮฺ ให้พระองค์ทำสิ่งที่พระองค์ประสงค์

บางครั้งข้าพเจ้าใช้เวลาว่างโดยการเดินทาง ไปค้าขายกับคุณน้า แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รักอาชีพค้าขาย บ้างไปทำสวนทำไร่กับคุณลุงและลูกๆ แต่ข้าพเจ้าก็ทำได้ไม่ดีและไม่มีใจรักด้านนี้ 

ี้ 

คำสำคัญ (Tags): #เส้นทางชีวิต
หมายเลขบันทึก: 144543เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2007 12:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท